ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.อ.ท.เซ็งนโยบายประชาวิวัฒน์เพิ่มภาระธุรกิจ ยื่นรัฐชะลอขึ้นแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมออกไปจนกว่ารัฐจะหามาตรการช่วยเหลือทั้งการจัดหาพลังงานอื่นเช่น ก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจีที่ราคาใกล้เคียงของเดิม หนุนเปลี่ยนเครื่องจักร จวกนโยบายใช้ไฟฟรีต่อไปจะเลิกไม่ได้แถมคนไม่ประหยัด ควรทบทวนมึนรัฐโยนภาระให้อุตสาหกรรมรับภาระอุ้มอีก“ปตท.”ชี้แอลพีจีของจริงต้องขึ้น20บาทต่อกก.แต่เชื่อรัฐจะขึ้นต่ำกว่านี้
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึง กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งแต่จะลอยตัวราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม ว่า ส.อ.ท.จะเสนอกระทรวงพลังงานให้ชะลอการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะทยอยปรับขึ้นจนอิงตลาดโลกทั้งหมดเดือนก.ค.นี้ออกไปก่อนจนกว่ารัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือในการหาพลังงานทางเลือกในราคาที่ใกล้เคียงกับแอลพีจีมาสนับสนุนเช่น ก๊าซธรรมชาติ,ก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ,การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
“อุตสาหกรรมเซรามิกส์ แก้วและกระจก ใช้แอลพีจีจำนวนมากและส่วนหนึ่งเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งการขึ้นราคาจะปรับตัวไม่ทัน เพราะต้นทุนเฉลี่ยของพลังงานจะอยู่ที่ 25-40%ของต้นทุนรวมถือว่าสูงหากปรับขึ้นก็จะกระทบกับขีดความสามารถทางการแข่งขัน ส่วนการจะหันไปใช้น้ำมันเตาเช่นอดีตก็ไม่ได้เพราะเท่ากับไปลดเกรดสินค้า”นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีนโยบายการกำหนดให้ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90หน่วยต่อเดือนใช้ไฟฟรีนั้น คิดว่าไม่มีประเทศใดในโลกนี้ที่จะไปกำหนดให้ใช้ไฟฟรีตลอดและไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวเพราะระยะยาวจะต้องใช้ฟรีตลอดไปเลิกไม่ได้ส่งผลให้ฐานการใช้ไฟของกลุ่มนี้จะขยายตัวเพิ่มจากขณะนี้คิดแล้วจะเฉลี่ยเป็นเงิน 1.45 หมื่นล้านบาทต่อปีเนื่องจากบางคนอาจใช้ไฟเพียง 30 หน่วยก็จะไม่ประหยัดด้วยการใช้เพิ่มแต่ไม่ให้เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งภาระดังกล่าวจะตกไปอยู่กับกลุ่มอื่นโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม
“ การใช้ไฟฟรีผมคิดว่าไม่มีที่ใดในโลกรัฐควรกำหนดแบบระยะสั้นหรือลดค่าไฟให้แต่ยังคิดอยู่จะดีกว่า หากมาเกลี่ยกับอุตสาหกรรมให้รับภาระคิดว่าเอสเอ็มอีก็จะลำบากและการจะยกเว้นให้กับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งก็ทำได้ยากในทางปฏิบัติ ดังนั้นรัฐบาลเองจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาถามความเห็นในเรื่องนี้”นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า การขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมนั้นอยู่ที่รัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะทยอยปรับอย่างไรให้เหมาะสมและกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมน้อยสุด อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาแอลพีจีหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐต่อตันแต่ขณะนี้ราคาแอลพีจีตลาดโลกอยู่ที่ 900กว่าเหรียญฯต่อตันหรือคิดเป็นราคาที่จะต้องปรับขึ้นประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ปรับขึ้นในระดับดังกล่าวแน่นอน
“ผมคิดว่ารัฐเดินมาถูกทางแล้วเพราะเรานำเข้าแอลพีจีที่มีราคาแพงเพื่อมาขายถูกแล้วก็โยนให้เป็นภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันรวมซึ่งราคาแอลพีจีขณะนี้เทียบกับน้ำมันดิบแล้วเพียง 20 เหรียญฯบาร์เรลแต่ขณะนี้น้ำมันดิบอยู่ระดับ 90 เหรียญฯต่อบาร์เรลไปแล้ว”นายประเสริฐกล่าว
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึง กรณีที่รัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนและขนส่งแต่จะลอยตัวราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม ว่า ส.อ.ท.จะเสนอกระทรวงพลังงานให้ชะลอการปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะทยอยปรับขึ้นจนอิงตลาดโลกทั้งหมดเดือนก.ค.นี้ออกไปก่อนจนกว่ารัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือในการหาพลังงานทางเลือกในราคาที่ใกล้เคียงกับแอลพีจีมาสนับสนุนเช่น ก๊าซธรรมชาติ,ก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) ,การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
“อุตสาหกรรมเซรามิกส์ แก้วและกระจก ใช้แอลพีจีจำนวนมากและส่วนหนึ่งเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) ซึ่งการขึ้นราคาจะปรับตัวไม่ทัน เพราะต้นทุนเฉลี่ยของพลังงานจะอยู่ที่ 25-40%ของต้นทุนรวมถือว่าสูงหากปรับขึ้นก็จะกระทบกับขีดความสามารถทางการแข่งขัน ส่วนการจะหันไปใช้น้ำมันเตาเช่นอดีตก็ไม่ได้เพราะเท่ากับไปลดเกรดสินค้า”นายพยุงศักดิ์กล่าว
สำหรับกรณีนโยบายการกำหนดให้ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 90หน่วยต่อเดือนใช้ไฟฟรีนั้น คิดว่าไม่มีประเทศใดในโลกนี้ที่จะไปกำหนดให้ใช้ไฟฟรีตลอดและไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวเพราะระยะยาวจะต้องใช้ฟรีตลอดไปเลิกไม่ได้ส่งผลให้ฐานการใช้ไฟของกลุ่มนี้จะขยายตัวเพิ่มจากขณะนี้คิดแล้วจะเฉลี่ยเป็นเงิน 1.45 หมื่นล้านบาทต่อปีเนื่องจากบางคนอาจใช้ไฟเพียง 30 หน่วยก็จะไม่ประหยัดด้วยการใช้เพิ่มแต่ไม่ให้เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งภาระดังกล่าวจะตกไปอยู่กับกลุ่มอื่นโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม
“ การใช้ไฟฟรีผมคิดว่าไม่มีที่ใดในโลกรัฐควรกำหนดแบบระยะสั้นหรือลดค่าไฟให้แต่ยังคิดอยู่จะดีกว่า หากมาเกลี่ยกับอุตสาหกรรมให้รับภาระคิดว่าเอสเอ็มอีก็จะลำบากและการจะยกเว้นให้กับอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งก็ทำได้ยากในทางปฏิบัติ ดังนั้นรัฐบาลเองจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาถามความเห็นในเรื่องนี้”นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า การขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมนั้นอยู่ที่รัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะทยอยปรับอย่างไรให้เหมาะสมและกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมน้อยสุด อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าราคาแอลพีจีหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐต่อตันแต่ขณะนี้ราคาแอลพีจีตลาดโลกอยู่ที่ 900กว่าเหรียญฯต่อตันหรือคิดเป็นราคาที่จะต้องปรับขึ้นประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ปรับขึ้นในระดับดังกล่าวแน่นอน
“ผมคิดว่ารัฐเดินมาถูกทางแล้วเพราะเรานำเข้าแอลพีจีที่มีราคาแพงเพื่อมาขายถูกแล้วก็โยนให้เป็นภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันรวมซึ่งราคาแอลพีจีขณะนี้เทียบกับน้ำมันดิบแล้วเพียง 20 เหรียญฯบาร์เรลแต่ขณะนี้น้ำมันดิบอยู่ระดับ 90 เหรียญฯต่อบาร์เรลไปแล้ว”นายประเสริฐกล่าว