ASTVผู้จัดการรายวัน - ธนาคารอิสลามเปิดแผนปีนี้ มุ่งสู่ความเป็นเลิศในภูมิภาคเอชีย เน้นขยายฐานกลุ่มรายย่อย ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 60%ในปี 2 ปี พร้อมตรึงดอกกู้อีก 6 เดือน มียอดสินเชื่อใหม่ 2 หมื่นล้าน
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBANK)เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ ได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์พันธกิจของธนาคารมุ่งสู่ความเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชีย โดยจะเน้นขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าสัดส่วนลูกค้าจะเป็นกลุ่มบุคคลและรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 60% และสัดส่วนลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ให้เหลือเพียง 40%
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินทรัพย์รวมไว้ที่ 131,316 ล้านบาท มียอดเงินฝาก 117,957 ล้านบาท และมีสินเชื่อใหม่ 20,000 ล้านบาท หรือมียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 112,957 ล้านบาท และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 841 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาจากสิ้นปี 2553 ที่มี 54 สาขา เป็น 79 สาขาในสิ้นปี 2554
สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารปี 53 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 845 ล้านบาทจากปีก่อนหน้าที่มีกำไร 355 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 4,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,751.66 ล้านบาท ยอดเงินฝากอยู่ที่ 86,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45,469 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดเงินฝากอยู่ที่ 40,759 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2553 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 98,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มียอดสินทรัพย์รวม 45,343 ล้านบาท
"ธนาคารจะทำการตรึงอัตรากำไรจากสินเชื่อไปอีก 6 เดือน แม้ว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 2.25% เมื่อการประชุมครั้งที่ผ่านมา"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารจะทำการปรับขึ้นอีกเล็กน้อยในส่วนของเงินฝากลูกค้ารายย่อย เนื่องจากต้องการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งจากนี้ไป
จะถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคาร
นายธีรศักดิ์กล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารไม่มีแผนการเพิ่มทุนแต่อย่างใด หลังจากในปีก่อนที่ได้รับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งการขยายสาขาและช่องทางการให้บริการเพิ่มไปแล้ว ซึ่งทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17-18% ซึ่งถือว่าเพียงพอหากธนาคารจะมีการเพิ่มสินทรัพย์ในการลงทุนหรือการปล่อยสินเชื่อในวงเงิน 20,000 ล้านบาท
นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBANK)เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ ได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์พันธกิจของธนาคารมุ่งสู่ความเป็นเลิศในภูมิภาคเอเชีย โดยจะเน้นขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าสัดส่วนลูกค้าจะเป็นกลุ่มบุคคลและรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 60% และสัดส่วนลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ให้เหลือเพียง 40%
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินทรัพย์รวมไว้ที่ 131,316 ล้านบาท มียอดเงินฝาก 117,957 ล้านบาท และมีสินเชื่อใหม่ 20,000 ล้านบาท หรือมียอดคงค้างสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 112,957 ล้านบาท และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 841 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาจากสิ้นปี 2553 ที่มี 54 สาขา เป็น 79 สาขาในสิ้นปี 2554
สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารปี 53 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 845 ล้านบาทจากปีก่อนหน้าที่มีกำไร 355 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 4,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,751.66 ล้านบาท ยอดเงินฝากอยู่ที่ 86,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45,469 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดเงินฝากอยู่ที่ 40,759 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2553 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 98,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มียอดสินทรัพย์รวม 45,343 ล้านบาท
"ธนาคารจะทำการตรึงอัตรากำไรจากสินเชื่อไปอีก 6 เดือน แม้ว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 2.25% เมื่อการประชุมครั้งที่ผ่านมา"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารจะทำการปรับขึ้นอีกเล็กน้อยในส่วนของเงินฝากลูกค้ารายย่อย เนื่องจากต้องการรักษาฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งจากนี้ไป
จะถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคาร
นายธีรศักดิ์กล่าวอีกว่า ในปีนี้ธนาคารไม่มีแผนการเพิ่มทุนแต่อย่างใด หลังจากในปีก่อนที่ได้รับการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งการขยายสาขาและช่องทางการให้บริการเพิ่มไปแล้ว ซึ่งทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17-18% ซึ่งถือว่าเพียงพอหากธนาคารจะมีการเพิ่มสินทรัพย์ในการลงทุนหรือการปล่อยสินเชื่อในวงเงิน 20,000 ล้านบาท