นักวิชาการ-เอกชนสวดนโยบายประชาวิวัฒน์ด้านพลังงานช่วยค่าครองชีพคนจนไม่ถูกกลุ่มเป้าหมาย แนะปรับระบบขนส่งเน้นอุดหนุนให้คนจนใช้ บริการที่ถูกลง ชี้กระทบงบลงทุนภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจแนะปรับกฏหมายร่วมทุนรัฐเอกชน “ปตท.-บางจาก”จี้เลิกตรึงราคาดีเซล เหตุแนวโน้มราคาน้ำมันโลกยังสูงถึง ปีหน้า
นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยในการสัมมนาหัวข้อ ”เศรษฐกิจฟื้นตัว พลังงานติดจรวด” ซึ่งจัดโดย คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรร่วมเอกชน(วปรอ.) 2550 เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ว่า นโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลเพื่อลดค่าครองชีพประชาชนในส่วนของพลังงานนั้น มองว่าท้ายสุดแล้วไม่ได้เป็นการช่วยเหลือคนยากจนที่แท้จริงเพราะคนที่ใช้รถยนต์ ก๊าซหุงต้ม ส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้พอสมควร ดังนั้นรัฐบาลควรจะมองกลุ่มเป้าหมายที่ แท้จริงในการช่วยเหลือโดยไม่ควรไปแทรกแซงราคาพลังงานจนเป็นภาระหนัก แต่ควรมองที่ค่าครองชีพรวมของประชาชน
“ผมคิดว่าควรจะถอดสินค้าพลังงาน น้ำมัน ก๊าซฯ ไฟฟ้า ออกจากการเมืองไปเลย เพราะภาระที่จะไปตรึงราคาจะมากขึ้นเนื่องจากแนวโน้มราคาพลังงานยังคงสูงขึ้นการจะดูแลประชาชนก็ควรจะให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย คนจนต้องจนจริงๆ แล้วมองที่ค่าครองชีพ อย่างวันนี้ภาคขนส่งคือภาระสำคัญที่สุดยิ่งกว่าไฟฟ้า วันนี้บริการรถสาธารณะค่อนข้างแพงมาก ค่าขนส่งยังสะท้อนมายังต้นทุนสินค้า ทำไมเราไม่จัดระบบขนส่งให้ราคาถูกลงแล้วรัฐก็อุดหนุน หรือไม่ก็แจกคูปองช่วยน้ำมันคนจนแบบตรงจุดไปเลยจะดีกว่า ประเทศไทยเราก็แปลก สร้างรถไฟฟ้าใต้ดินก็ไปไล่ที่คนจนไกลออกไปแล้วก็ผุดหมู่บ้านหรูๆ กลายเป็นคนรวยได้ใช้อีก ทำถนนก็ไล่ที่คนจนอีกเหมือนกัน” นายนิพนธ์กล่าว
นโยบายประชาวิวัฒน์จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาครัฐที่จะไม่มีเงินมาลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก เพราะงบประมาณส่วนหนึ่งหมดไปกับเรื่องเหล่านี้ และจะต้องรอการจัดเก็บรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นมาลงทุน หรือไม่เช่นนั้นก็หนีไม่พ้นการกู้เงินมาลงทุน
ดังนั้นควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฏหมายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อการลงทุนปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นโดยลดภาระของภาครัฐและยังดูแลในเรื่องความโปร่งใส
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การตรึงราคาพลังงานบางชนิดคนจนจริงๆ ไม่ได้ประโยชน์ เช่น ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ NGV ที่ส่วนใหญ่ผู้ใช้เป็นรถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ซึ่งที่สุดก็ไม่ได้ลดค่าโดยสารให้เลย เช่นเดียวกับกรณีแอลพีจีที่ไทยต้องนำเข้ามาโดยเอาของแพงมาขายถูก ภาระก็ตกอยู่กับผู้ใช้ในอนาคตเพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็เก็บจากผู้ใช้โดยเฉพาะเบนซิน จึงเห็นว่าราคาพลังงานควรสะท้อนกลไกตลาดโลกและการช่วยเหลือคนจนควรจะมองในเรื่องของค่าครองชีพรวม
“ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของบมจ.บางจากที่จะให้ดีเซลในประเทศเหลือเกรดเดียวจากไบโอดีเซลบี 3 กับบี 5 เป็นบี 4 แทน เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ล่าสุดอยู่ระดับสูงเกือบ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลควรจะเกิน 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว แต่รัฐบาลใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุน ส่วนราคากลุ่มดีเซลสัปดาห์นี้จะเป็นอย่างไร คงอยู่ที่ภาครัฐจะอุดหนุนราคาหรือไม่” นายประเสริฐกล่าว
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 4 เกรดเดียว จากเดิมที่รัฐบาลจะประกาศดีเซล บี 5 เกรดเดียวภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 50-60 ล้านบาทต่อเดือน ลดลงจากปัจจุบันที่ต้องชดเชยน้ำมันบี 3 และบี 5 อยู่ที่ 500 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากกองทุนไม่ต้องรับภาระอุดหนุนส่วนต่างราคาระหว่างบี 3 และ บี 5 และยังแก้ไขปัญหาปาล์มขาดแคลนในขณะนี้ด้วย โดยในปลายปี 2555 บางจากจะเลิกขายเบนซิน 91 เพื่อนำหัวจ่ายมาขายอี 20 มากขึ้น” นายอนุสรณ์กล่าว
ราคาน้ำมันในปีนี้ มีโอกาสขยับแตะระดับ 100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลในระยะสั้นๆ แต่ราคาเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 85-90 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะเชื่อว่าความต้องการใช้น้ำมันจะลดลงหลังหมดช่วงฤดูหนาว และการเทขายของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ที่ถือครองน้ำมันอยู่ 170 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าปี 2555 ราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับเพิ่มเฉลี่ยจากปีนี้อีก 10 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลไปอยู่ที่ 95-110 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยในการสัมมนาหัวข้อ ”เศรษฐกิจฟื้นตัว พลังงานติดจรวด” ซึ่งจัดโดย คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรร่วมเอกชน(วปรอ.) 2550 เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ว่า นโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลเพื่อลดค่าครองชีพประชาชนในส่วนของพลังงานนั้น มองว่าท้ายสุดแล้วไม่ได้เป็นการช่วยเหลือคนยากจนที่แท้จริงเพราะคนที่ใช้รถยนต์ ก๊าซหุงต้ม ส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้พอสมควร ดังนั้นรัฐบาลควรจะมองกลุ่มเป้าหมายที่ แท้จริงในการช่วยเหลือโดยไม่ควรไปแทรกแซงราคาพลังงานจนเป็นภาระหนัก แต่ควรมองที่ค่าครองชีพรวมของประชาชน
“ผมคิดว่าควรจะถอดสินค้าพลังงาน น้ำมัน ก๊าซฯ ไฟฟ้า ออกจากการเมืองไปเลย เพราะภาระที่จะไปตรึงราคาจะมากขึ้นเนื่องจากแนวโน้มราคาพลังงานยังคงสูงขึ้นการจะดูแลประชาชนก็ควรจะให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย คนจนต้องจนจริงๆ แล้วมองที่ค่าครองชีพ อย่างวันนี้ภาคขนส่งคือภาระสำคัญที่สุดยิ่งกว่าไฟฟ้า วันนี้บริการรถสาธารณะค่อนข้างแพงมาก ค่าขนส่งยังสะท้อนมายังต้นทุนสินค้า ทำไมเราไม่จัดระบบขนส่งให้ราคาถูกลงแล้วรัฐก็อุดหนุน หรือไม่ก็แจกคูปองช่วยน้ำมันคนจนแบบตรงจุดไปเลยจะดีกว่า ประเทศไทยเราก็แปลก สร้างรถไฟฟ้าใต้ดินก็ไปไล่ที่คนจนไกลออกไปแล้วก็ผุดหมู่บ้านหรูๆ กลายเป็นคนรวยได้ใช้อีก ทำถนนก็ไล่ที่คนจนอีกเหมือนกัน” นายนิพนธ์กล่าว
นโยบายประชาวิวัฒน์จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาครัฐที่จะไม่มีเงินมาลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก เพราะงบประมาณส่วนหนึ่งหมดไปกับเรื่องเหล่านี้ และจะต้องรอการจัดเก็บรายได้ภาษีที่เพิ่มขึ้นมาลงทุน หรือไม่เช่นนั้นก็หนีไม่พ้นการกู้เงินมาลงทุน
ดังนั้นควรจะมีการปรับปรุงแก้ไขกฏหมายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อการลงทุนปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นโดยลดภาระของภาครัฐและยังดูแลในเรื่องความโปร่งใส
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การตรึงราคาพลังงานบางชนิดคนจนจริงๆ ไม่ได้ประโยชน์ เช่น ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือ NGV ที่ส่วนใหญ่ผู้ใช้เป็นรถบรรทุก รถโดยสารขนาดใหญ่ซึ่งที่สุดก็ไม่ได้ลดค่าโดยสารให้เลย เช่นเดียวกับกรณีแอลพีจีที่ไทยต้องนำเข้ามาโดยเอาของแพงมาขายถูก ภาระก็ตกอยู่กับผู้ใช้ในอนาคตเพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็เก็บจากผู้ใช้โดยเฉพาะเบนซิน จึงเห็นว่าราคาพลังงานควรสะท้อนกลไกตลาดโลกและการช่วยเหลือคนจนควรจะมองในเรื่องของค่าครองชีพรวม
“ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของบมจ.บางจากที่จะให้ดีเซลในประเทศเหลือเกรดเดียวจากไบโอดีเซลบี 3 กับบี 5 เป็นบี 4 แทน เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลตลาดสิงคโปร์ล่าสุดอยู่ระดับสูงเกือบ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลควรจะเกิน 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว แต่รัฐบาลใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุน ส่วนราคากลุ่มดีเซลสัปดาห์นี้จะเป็นอย่างไร คงอยู่ที่ภาครัฐจะอุดหนุนราคาหรือไม่” นายประเสริฐกล่าว
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 4 เกรดเดียว จากเดิมที่รัฐบาลจะประกาศดีเซล บี 5 เกรดเดียวภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 50-60 ล้านบาทต่อเดือน ลดลงจากปัจจุบันที่ต้องชดเชยน้ำมันบี 3 และบี 5 อยู่ที่ 500 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากกองทุนไม่ต้องรับภาระอุดหนุนส่วนต่างราคาระหว่างบี 3 และ บี 5 และยังแก้ไขปัญหาปาล์มขาดแคลนในขณะนี้ด้วย โดยในปลายปี 2555 บางจากจะเลิกขายเบนซิน 91 เพื่อนำหัวจ่ายมาขายอี 20 มากขึ้น” นายอนุสรณ์กล่าว
ราคาน้ำมันในปีนี้ มีโอกาสขยับแตะระดับ 100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลในระยะสั้นๆ แต่ราคาเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 85-90 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะเชื่อว่าความต้องการใช้น้ำมันจะลดลงหลังหมดช่วงฤดูหนาว และการเทขายของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ที่ถือครองน้ำมันอยู่ 170 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าปี 2555 ราคาน้ำมันตลาดโลกจะปรับเพิ่มเฉลี่ยจากปีนี้อีก 10 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลไปอยู่ที่ 95-110 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล