ASTVผู้จัดการรายวัน-ทนายนปช. กลับลำ ยุติแผนฟ้ององค์คณะผู้พิพากษาคดีก่อการร้าย แต่ใช้วิธีทำหนังสือเปิดผนึกให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และยื่นคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ ร้องขอความเป็นธรรมแทน อ้างไม่ให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีและคณะผู้พิพากษาไม่ได้เบิกตัวจำเลยมาร่วมฟังการพิจารณาคดี แย้มการฟ้องร้ององค์คณะผู้พิพากษาอาจเป็นขั้นตอนต่อไป หากผลสรุปยังไม่เป็นที่พอใจ
นายคารม พลทะกลาง ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า หลังจากได้ปรึกษากับทีมทนายความ รวมทั้งจำเลยทั้ง 19 คน ในคดีก่อการร้ายแล้ว เห็นว่า ควรให้ใช้วิธีทำหนังสือเปิดผนึก เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อนายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และคณะกรรมการตุลาการ ศาลยุติธรรม (กต.) เพื่อให้พิจารณาเรื่องข้อขัดข้องในกระบวนการพิจารณาคดีที่แกนนำนปช. ตกเป็นจำเลยฐานก่อการร้าย เนื่องจากที่ผ่านมา มีปัญหาด้านการประสานงานระหว่างองค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนกับตัวจำเลย และทีมทนายความมาโดยตลอด
สาเหตุที่ทนายความจำเลยต้องออกมาเรียกร้องในเรื่องนี้ เนื่องจากรู้สึกว่าศาลไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ อีกทั้งองค์คณะผู้พิพากษาไม่ได้เบิกตัวจำเลยมาร่วมฟังการพิจารณาคดี และไม่ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยเปิดเผย เนื่องจากมีคำสั่งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังการพิจารณา ทั้งที่คดีนี้มีโทษจำคุกเกินกว่า 10 ปี ซึ่งถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทนายความจำเลยจึงไม่ลงชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณามาโดยตลอด
“หลังจากยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และคณะกรรมการตุลาการ ศาลยุติธรรม ซึ่งถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงขององค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้แล้ว ต้องรอดูว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรือไม่ หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทีมทนายความคงต้องมากำหนดแนวทางต่อสู้เรื่องนี้กันใหม่ แต่จะถึงขั้นต้องฟ้องร้ององค์คณะผู้พิพากษาหรือไม่นั้นคงยังไม่สามารถตอบได้”นายคารมกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายคารม ซึ่งเป็นทนายความให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลฐานหมิ่นประมาท รวม 4 สำนวน ก็ได้ขัดขวางการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์ วงศ์ยืน องค์คณะผู้พิพากษา โดยนายจตุพร อ้างว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขา และยื่นคำร้องคัดค้านการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์ เริ่มจากขอความเป็นธรรม ต่อประธานศาลฎีกา ยื่นฟ้องเป็นคู่กรณีพิพาทต่อศาลอาญา และยื่นคัดค้านต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา สุดท้าย ผลการกระทำของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ทำให้ นายสมศักดิ์ ขอถอนตัวจากการเป็นผู้พิพากษาองค์คณะคดีดังกล่าว และได้มีการแต่งตั้งองค์คณะใหม่ ขึ้นมารับผิดชอบสำนวนคดีทั้ง 47 สำนวน
ทั้งนี้ ผลจากการที่นายจตุพร ได้รับประโยชน์จากการต่อสู้คดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ฟ้อง จึงได้มอบหมายให้ทนายความนำวิธีการดังกล่าว มาใช้กับคดีก่อการร้าย ที่นายจตุพร และแกนนำคนเสื้อแดง ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล ทั้งที่ คดีดังกล่าวยังไม่มีการพิจารณาคดีในศาล แต่พวกจำเลยกลับอ้างว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์คณะผู้พิพากษา จึงได้ร้องต่อ กต.และ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
นายคารม พลทะกลาง ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า หลังจากได้ปรึกษากับทีมทนายความ รวมทั้งจำเลยทั้ง 19 คน ในคดีก่อการร้ายแล้ว เห็นว่า ควรให้ใช้วิธีทำหนังสือเปิดผนึก เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อนายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และคณะกรรมการตุลาการ ศาลยุติธรรม (กต.) เพื่อให้พิจารณาเรื่องข้อขัดข้องในกระบวนการพิจารณาคดีที่แกนนำนปช. ตกเป็นจำเลยฐานก่อการร้าย เนื่องจากที่ผ่านมา มีปัญหาด้านการประสานงานระหว่างองค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนกับตัวจำเลย และทีมทนายความมาโดยตลอด
สาเหตุที่ทนายความจำเลยต้องออกมาเรียกร้องในเรื่องนี้ เนื่องจากรู้สึกว่าศาลไม่เปิดโอกาสให้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ อีกทั้งองค์คณะผู้พิพากษาไม่ได้เบิกตัวจำเลยมาร่วมฟังการพิจารณาคดี และไม่ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยเปิดเผย เนื่องจากมีคำสั่งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังการพิจารณา ทั้งที่คดีนี้มีโทษจำคุกเกินกว่า 10 ปี ซึ่งถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทนายความจำเลยจึงไม่ลงชื่อในรายงานกระบวนการพิจารณามาโดยตลอด
“หลังจากยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และคณะกรรมการตุลาการ ศาลยุติธรรม ซึ่งถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงขององค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้แล้ว ต้องรอดูว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรือไม่ หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทีมทนายความคงต้องมากำหนดแนวทางต่อสู้เรื่องนี้กันใหม่ แต่จะถึงขั้นต้องฟ้องร้ององค์คณะผู้พิพากษาหรือไม่นั้นคงยังไม่สามารถตอบได้”นายคารมกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายคารม ซึ่งเป็นทนายความให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลฐานหมิ่นประมาท รวม 4 สำนวน ก็ได้ขัดขวางการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์ วงศ์ยืน องค์คณะผู้พิพากษา โดยนายจตุพร อ้างว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขา และยื่นคำร้องคัดค้านการทำหน้าที่ของ นายสมศักดิ์ เริ่มจากขอความเป็นธรรม ต่อประธานศาลฎีกา ยื่นฟ้องเป็นคู่กรณีพิพาทต่อศาลอาญา และยื่นคัดค้านต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา สุดท้าย ผลการกระทำของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ทำให้ นายสมศักดิ์ ขอถอนตัวจากการเป็นผู้พิพากษาองค์คณะคดีดังกล่าว และได้มีการแต่งตั้งองค์คณะใหม่ ขึ้นมารับผิดชอบสำนวนคดีทั้ง 47 สำนวน
ทั้งนี้ ผลจากการที่นายจตุพร ได้รับประโยชน์จากการต่อสู้คดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ฟ้อง จึงได้มอบหมายให้ทนายความนำวิธีการดังกล่าว มาใช้กับคดีก่อการร้าย ที่นายจตุพร และแกนนำคนเสื้อแดง ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล ทั้งที่ คดีดังกล่าวยังไม่มีการพิจารณาคดีในศาล แต่พวกจำเลยกลับอ้างว่า เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์คณะผู้พิพากษา จึงได้ร้องต่อ กต.และ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา