วานนี้(18 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้มีการพิจารณาการจัดทำงบประมาณกลางปี เหตุผลที่มีการจัดทำเพราะกลังจากที่ระยะเวลาผ่านไป 3 เดือน หรือ 1 ไตรมาส ปรากฎว่ารัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าที่ประมาณการไว้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งปีคาดว่าจะสามารถเก็บเกินเป้าหมายได้ประมาณ 1.2 แสน ล้านบาท เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีแนวความคิดว่าในการจัดทำงบประมาณไม่ว่าจะมีการจัดทำ เมื่อไหร่ในครั้งต่อไปรัฐบาลจะมีรายการที่ต้องจ่ายเงินชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 8.4 หมื่นล้านบาท
รัฐบาลจึงเห็นว่า เมื่อเราสามารถจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมาย ก็น่าจะเป็นโอกาสดี จะทำให้การจัดทำงบประมาณในปี 2555 มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เมื่อจัดทำรายการตรงนี้ โดยมีเงิน 8.4 หมื่นล้านบาท ตามกฎหมายรัฐบาลก็มีความจำเป็นที่ต้องจัดงบประมาณเพิ่มเติมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อที่จะรักษาสัดส่วนไม่ให้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นเงินประมาณ 5-6 พันล้านบาท โดย 2 รายการนี้เมื่อรวมกันแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ครม.พิจารณาแล้วก็เห็นว่าสำหรับวงเงินนอกเหนือจากนี้ที่จะต้องเพิ่มเติมเข้า ไปในงบประมาณกลางปี จะให้ไปดูกรณีของการฟื้นฟูปัญหาน้ำท่วม ที่ทุกโครงการขณะนี้ถูกส่งมายังคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ชุดที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธาน ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี โดยเราไม่มีการรับโครงการเพิ่ม และที่ขอกันเข้ามาอยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เฉพาะเรื่องของการฟื้นฟู ไม่นับยอดเงิน ที่จะมากกว่าที่เคยขอไว้ในเรื่องการชดเชยภาคการเกษตร ครม.จึงมีความเห็นว่า ควรจะให้ทางคณะกรรมการฯ และสำนักงบประมาณ กลั่นกรองดูว่าในจำนวนเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท มีโครงการใดบ้าง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณนี้ และก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน พิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย จากนั้นก็มีการเสนอเข้ามาสู่การพิจารณา
แต่ไม่ว่าจะมีกี่โครงการ ยอดเงินรวมในการจัดทำงบกลางปีต้องไม่เกิน 1.1 แสนล้านบาท และน่าจะทำได้ต่ำกว่า ส่วนรายละเอียดทั้งหมดหลังสำนักงบประมาณ และคณะกรรมการฯ ชุดของนายสาทิตย์ ไปดูก็จะเสนอกลับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 24 ม.ค.กรณีที่รัฐสภามีการประชุมในวันที่ 25 ม.ค.2554 และหลังผ่านความเห็นชอบของ ครม.ก็จะนำเสนอเข้าสู่การพิจาณาของสภาฯ.
รัฐบาลจึงเห็นว่า เมื่อเราสามารถจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมาย ก็น่าจะเป็นโอกาสดี จะทำให้การจัดทำงบประมาณในปี 2555 มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เมื่อจัดทำรายการตรงนี้ โดยมีเงิน 8.4 หมื่นล้านบาท ตามกฎหมายรัฐบาลก็มีความจำเป็นที่ต้องจัดงบประมาณเพิ่มเติมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อที่จะรักษาสัดส่วนไม่ให้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นเงินประมาณ 5-6 พันล้านบาท โดย 2 รายการนี้เมื่อรวมกันแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ครม.พิจารณาแล้วก็เห็นว่าสำหรับวงเงินนอกเหนือจากนี้ที่จะต้องเพิ่มเติมเข้า ไปในงบประมาณกลางปี จะให้ไปดูกรณีของการฟื้นฟูปัญหาน้ำท่วม ที่ทุกโครงการขณะนี้ถูกส่งมายังคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ชุดที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นประธาน ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี โดยเราไม่มีการรับโครงการเพิ่ม และที่ขอกันเข้ามาอยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท เฉพาะเรื่องของการฟื้นฟู ไม่นับยอดเงิน ที่จะมากกว่าที่เคยขอไว้ในเรื่องการชดเชยภาคการเกษตร ครม.จึงมีความเห็นว่า ควรจะให้ทางคณะกรรมการฯ และสำนักงบประมาณ กลั่นกรองดูว่าในจำนวนเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท มีโครงการใดบ้าง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณนี้ และก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน พิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัย จากนั้นก็มีการเสนอเข้ามาสู่การพิจารณา
แต่ไม่ว่าจะมีกี่โครงการ ยอดเงินรวมในการจัดทำงบกลางปีต้องไม่เกิน 1.1 แสนล้านบาท และน่าจะทำได้ต่ำกว่า ส่วนรายละเอียดทั้งหมดหลังสำนักงบประมาณ และคณะกรรมการฯ ชุดของนายสาทิตย์ ไปดูก็จะเสนอกลับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 24 ม.ค.กรณีที่รัฐสภามีการประชุมในวันที่ 25 ม.ค.2554 และหลังผ่านความเห็นชอบของ ครม.ก็จะนำเสนอเข้าสู่การพิจาณาของสภาฯ.
