ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - BOI เผยสรุปภาพรวมการลงทุนในภาคเหนือปี 2553 พบมีการขยายตัว โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมมีมูลค่าการลงทุนกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4 เท่าตัว ขณะที่คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2554 ยังเชื่อว่าน่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทแข็งและการเมือง
นายสมมาตย์ ตั้งสกุล ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุน ภาคที่ 1 เปิดเผยสรุปภาวะการลงทุนภาคเหนือในปี 2553 ที่ผ่านมา ว่า โครงการที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีจำนวนทั้งสิ้น 106 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 47,973.9 ล้านบาท แบ่งเป็น 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 75 โครงการ มูลค่าการลงทุน 14,880.7 ล้านบาท และ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 31 โครงการ มูลค่าการลงทุน 33,093.2 ล้านบาท โดยเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 ที่มีโครงการยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 122 โครงการ มูลค่าการลงทุน 39,670.4 ล้านบาท แล้ว จำนวนโครงการลดลง แต่มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น
ขณะที่โครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในปี 2553 นั้น มีจำนวน 95 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 24,052.5 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ได้รับการอนุมัติใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 69 โครงการ มูลค่าการลงทุน 8,429.3 ล้านบาท และ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 26 โครงการ มูลค่าการลงทุน 15,623.2 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่ได้รับการอนุมัติในปี 2553 เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน เมื่อเปรียบกับปี 2552 ที่ได้รับการอนุมัติ 61 โครงการ มูลค่าการลงทุน 5,895.7 ล้านบาท
สำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับการอุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในปี 2553 นั้น นายสมมาตย์ กล่าวว่า ใน 3 อันดับแรกเมื่อคิดตามจำนวนโครงการแล้วนั้น อันดับหนึ่งเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร จำนวน 29 โครงการ มูลค่าการลงทุน 3,417.2 ล้านบาท รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค 22 โครงการ มูลค่าการลงทุน 11,132.7 ล้านบาท และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 18 โครงการ มูลค่าการลงทุน 4,530.4 ล้านบาท ขณะที่ขนาดการลงทุนของโครงการที่ได้รับกรอนุมัตินั้น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนขนาดไม่เกิน 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 1 คาดการณืแนวโน้มการลงทุนของภาคเหนือในปี 2554 ว่า น่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งจากการคาดการณ์ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเศรษฐกิจในปี 2554 จะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 ส่วนขนาดการลงทุนส่วนใหญ่ยังน่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กและขนาดกลางเป็นหลัก
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะมีผลกระทบต่อการลงทุนนั้น คงจะเป็นในเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบางและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติ และปัญหาการเมือง