เกาะติดเม็ดเงินนอกทะลัก ธปท.แจงความพร้อมเข้าแทรกแซงค่าเงินบาท ตามความจำเป็น-เหมาะสม เพื่อลดความผันผวน ป้องกันผลกระทบการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน คาดเงินทุนต่างชาติไหลเข้า อาจผลักดันให้เงินบาทแข็งค่าได้ถึง 4% จากปัจจุบันแข็งค่าไปแล้ว 2.5%
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มผันผวนจากกรณีเงินทุนจำนวนมากไหลเข้าประเทศ โดยระบุว่า ธปท.จะเข้าไปดูแลค่าเงินบาทตามความจำเป็นและความเหมาะสม เพื่อลดความผันผวนไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
“ท่านผู้ว่าฯ พูดเสมอว่าจะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเกินไปจนเป็นอุปสรรคต่อผู้ส่งออก ที่ผ่านมาเราก็ดูแลค่อนข้างเยอะ”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเงินบาทจะปรับตัวทิศทางใด ขณะเดียวกัน ธปท.ไม่มีนโยบายตรึงค่าเงินบาทไว้ระดับใดระดับหนึ่ง และค่าเงินบาทเทียบดอลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้ ยังไม่กระทบการส่งออก โดยจะเห็นได้ว่ามูลค่าส่งออกล่าสุดยังเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ ประเมินว่า เม็ดเงินต่างประเทศยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดหุ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิกว่า 4 หมื่นล้านบาท และคาดว่า จะยังมีแรงซื้อต่อเนื่องอีกราว 1-2 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานว่า เงินทุนต่างชาติจะผลักดันให้เงินบาทแข็งค่าราว 4% จากปัจจุบันแข็งค่าไปแล้ว 2.5% จึงคาดว่า จะทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแตะระดับ 800 จุดได้
สำหรับทิศทางค่าเงินบาทในวันนี้ เปิดตลาดที่ระดับ 32.31/32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวจากเย็นวันศุกร์ซึ่งปิดตลาดที่ระดับ 32.30/31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
