นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาการเมืองและปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นปัจจัยที่สำคัญจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ โดยหากปัจจัยทางการเมืองขาดเสถียรภาพ และเกิดความวุ่นวาย รวมทั้งปัญหามาบตาพุดยังไม่สามารถคลี่คลายในครึ่งหลังของปี ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวช้า จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 2-3 แต่มีโอกาสเกิดกรณีนี้ได้เพียงร้อยละ 10 เท่านั้น โดยหากการเคลื่อนไหวทางการเมืองมีความรุนแรงถึงขั้นปะทะกัน จะส่งผลต่อเม็ดเงินภาคการท่องเที่ยวให้หายไปถึง 50,000-100,000 ล้านบาท การบริโภคชะลอตัว 3-5 หมื่นล้านบาท และเกิดการชะลอการลงทุน 2-4 หมื่นล้านบาท ในทางตรงข้ามหากการเมืองมีเสถียรภาพ และสามารถแก้ปัญหามาบตาพุดได้ รวมทั้งเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว พร้อมๆ กับการขับเคลื่อนมาตรการไทยเข้มแข็ง จะทำให้เศรษฐกิจนั้นขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3-4 ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด