00 เกิดความเปรียบเทียบชัดเจนกับอาการลุกลี้ลุกลนของแกนนำปชป.หลายคนต่อกรณีการแก้ไขรธน.ที่ทำท่า “ไม่ชัวร์” นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะถึงกับต้องร่นเวลาหารือบรรดาแกนนำพรรคร่วมให้เร็วขึ้นแบบทันใจ จากเดิมกำหนดนัดในวันที่ 25 ม.ค.มาเป็น 22 หรือ 23 ม.ค.จากนั้นก็เรียกประชุมครม.วันที่ 24 ม.ค.แล้วให้บรรจุวาระแก้ไขเข้าสภาในวันรุ่งขึ้นทันที สาเหตุที่ต้องรีบร้อนรวบรัดขนาดนี้ก็เพราะปัญหาจากเรื่อง “องค์ประชุม” ที่หมิ่นเหม่ อันเนื่องมาจาก ส.ว.สรรหากำลังจะหมดวาระในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมีบางส่วนจะลาออกก่อนกำหนดเพื่อจะลงสมัครสรรหากลับมาใหม่ ส่วนจะรอให้สรรหาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องใช้เวลานับครึ่งปีทีเดียวอย่างน้อยลากยาวถึงเดือน พ.ค. แถมยังไม่แน่นอนเสียอีก มันจึงทำให้นั่งไม่ติด
00 ขณะเดียวกันเมื่อเห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่ทำท่าวอร์คเอาท์ผสมโรงเข้าไปอีกทำให้หมิ่นเหม่ต่อการ “แท้ง” กลางคันไม่ถึงเป้าหมาย สัดส่วน 375-125 ที่ทำให้ปชป.ได้เปรียบก็ต้องวืดไปด้วย งานนี้ตอนแรกที่ว่าหมู น่าจะออกมาในทางตรงกันข้ามเสียแล้วพี่น้องเอ๋ย อย่างไรก็ดีสิ่งที่เห็น มันก็แสดงออกมาล่อนจ้อนว่าสิ่งไหนก็ตามถ้าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวแล้วรับรองว่าหาทาง “ลัดคิว” รอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว
00 กลายเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้นกันภายใน “เครือข่ายแม้ว” เสียแล้วครับพี่น้อง เมื่อบรรดาสาวกแบ่งฝักฝ่าย “ฟัดกันเอง” และกำลังแยกวงออกไป ใช่แล้วกำลังพูดถึงกรณี “เป็ดเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับ “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับพวกและกำลังมีแนวโน้มขยายวงลุกลามไปหาคนรอบข้างของแต่ละฝ่าย เรื่องของเรื่องไม่มีอะไรมากไปกว่าการแย่งกันเป็น “ผู้นำ” หรือเป็น “หุ่นเชิด” คนใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
00 เพราะถ้าทำได้สำเร็จก็มีโอกาสส้มหล่นได้เป็นนายกฯคนใหม่ตามที่ฝันเอาไว้ก็เป็นได้ แต่ที่ผ่านมากลายเป็นว่า สำหรับ เฉลิม ไม่ได้เป็นไปตามนั้นสักที เชียร์แม้วทุกทาง แม้กระทั่งเตรียมรณรงค์หาเสียง “ชูแม้วกลับบ้าน” แต่มีข้อแม้ต้องให้เหลิมเป็นนายกฯเท่านั้น อย่างไรก็ดีผ่านไปตั้งนานแม้จะเอาใจกันขนาดนี้ “นายใหญ่” ยังไม่ไฟเขียวเสียที แถมยังมีทีท่าจะดันคนอื่นขึ้นมาเสียบแทน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นอริเก่าที่เป็น “นักรบห้องแอร์” อย่าง เจ๊มิ่ง นี่เอง เป็นใครก็ย่อมปรี๊ดแตก
00 ที่บอกว่าทำท่าลุกลามไปถึง “คนรอบข้าง” ที่ถือหางแต่ละฝ่าย เพราะรับรู้มาว่าฝ่าย เจ๊มิ่ง ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะมีระดับ “ขาใหญ่” เท่าที่เห็นก็มี สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนหนึ่งล่ะที่หนุนหลังเต็มเหนี่ยว ส่วนจะเกี่ยวกับคำด่าของคนบางคนที่ว่า “อีหน่อย” ก่อนหน้านี้หรือเปล่าไม่ทราบ แต่รับรองว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการคุมโซนเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯอย่างแน่นอน
00 โดยธรรมชาติทั้งสองฝ่าย คือ สุดารัตน์ กับ เฉลิม ในวงการรับรู้กันมาตั้งนานแล้วว่า “ไม่กินเส้น” กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อโคจรมาพบกันในพรรคเพื่อไทย มันก็กลายเป็นคู่เดือดเป็นระยะ แต่คราวนี้ทำท่าว่าเหลิม “น่าจะแพ้” จึงต้องแยกวงออกไป ดังนั้นข่าวว่าจะไปตั้งพรรคใหม่ จึงเป็นไปได้สูง ส่วนในอนาคตจะไปร่วมกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ และ นิติภูมิ นวรัตน์ หรือไม่ ก็ไม่อาจมองข้ามเป็นอันขาด !!
00 แม้ว่าเมื่อวานนี้(18ม.ค.)จะมีข่าวดีที่ 4 คนไทยถูกศาลอุทธรณ์ปล่อยตัวชั่วคราวออกมาจากเรือนจำเขมรเป็นล็อตที่ 2 ตามหลัง พนิช วิกิตเศรษฐ์ และอีกคนก่อนหน้านี้ ยังเหลือเพียง “วีระ สมความคิด” ที่ยังถูก “หน่วงเหนี่ยว” เอาไว้ อย่างไรก็ดีตามกระบวนการก็ยังมีลุ้นในศาลสูงสุดที่สามารถยื่นฎีกาภายใน 15 วันนับจากนี้ ถ้ามองในแง่ดีมันก็อาจมีแนวโน้มในทางบวกว่าน่าจะได้ประกันตัวตามมาเป็นคนสุดท้าย หากพิจารณาจากสัญญาณที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามแย้มให้ฟัง
00 ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากตัวบุคคลและรูปคดีสังเกตได้จากกรณีของ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหา “จารกรรม” ยังได้รับการประกันตัวออกมา มันก็อาจทำให้มีความหวังว่าในที่สุดแล้ว วีระ อาจได้รับการปลดปล่อยชั่วคราว เพียงแต่ว่าอาจต้องยื้อออกไปให้นานสักพักหนึ่งก่อน อย่างน้อยก็ให้พ้นจากช่วงการ ชุมนุมของพันธมิตรฯในวันที่ 25 ม.ค.นี้ออกไปก่อนหรือไม่
00 การให้ประกันคนไทย 6 คน เว้น วีระ คนเดียว ทำให้เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการล็อกเป้าเอาไว้ล่วงหน้าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกัมพูชา หรือฝ่ายกัมพูชาร่วมมือกับคนในรัฐบาลไทย “บางคน” เพราะนี่คือการกำจัด “เสี้ยนหนาม” ที่ตำเท้าไปพร้อมๆกัน อย่างน้อยก็ไม่ให้เคลื่อนไหวได้สะดวก เหมือนกับเอา “ชะนัก” มาปักเอาไว้กลางหลังตลอดเวลานั่นเอง
00 การส่งสัญญาณไฟเขียวให้ตำรวจรวบ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” กับ “สมบูรณ์ ทองบุราณ” สองแกนนำกลุ่มคนไทยฯไปเมื่อวานนี้ แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นไปตาม “หมายจับเก่า” ในคดีประท้วงหน้าสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองก็ว่ากันไป แต่รับรองว่าบรรยากาศน่าจะตึงเครียดเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควร เพราะชาวบ้านต้องคิดว่างานนี้เป็นรายการ กลั่นแกล้ง เพื่อหวัง “ตัดกำลัง” ม็อบ ขณะเดียวกันยังถูกนำไปผูกรวมกับกรณีของ วีระ ในทำนองทฤษฎีสมคบคิดกับ ฮุนเซน เข้าไปอีก มันจะยุ่งไปกันใหญ่ !!
00 ขณะเดียวกันเมื่อเห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่ทำท่าวอร์คเอาท์ผสมโรงเข้าไปอีกทำให้หมิ่นเหม่ต่อการ “แท้ง” กลางคันไม่ถึงเป้าหมาย สัดส่วน 375-125 ที่ทำให้ปชป.ได้เปรียบก็ต้องวืดไปด้วย งานนี้ตอนแรกที่ว่าหมู น่าจะออกมาในทางตรงกันข้ามเสียแล้วพี่น้องเอ๋ย อย่างไรก็ดีสิ่งที่เห็น มันก็แสดงออกมาล่อนจ้อนว่าสิ่งไหนก็ตามถ้าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวแล้วรับรองว่าหาทาง “ลัดคิว” รอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว
00 กลายเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้นกันภายใน “เครือข่ายแม้ว” เสียแล้วครับพี่น้อง เมื่อบรรดาสาวกแบ่งฝักฝ่าย “ฟัดกันเอง” และกำลังแยกวงออกไป ใช่แล้วกำลังพูดถึงกรณี “เป็ดเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับ “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับพวกและกำลังมีแนวโน้มขยายวงลุกลามไปหาคนรอบข้างของแต่ละฝ่าย เรื่องของเรื่องไม่มีอะไรมากไปกว่าการแย่งกันเป็น “ผู้นำ” หรือเป็น “หุ่นเชิด” คนใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง
00 เพราะถ้าทำได้สำเร็จก็มีโอกาสส้มหล่นได้เป็นนายกฯคนใหม่ตามที่ฝันเอาไว้ก็เป็นได้ แต่ที่ผ่านมากลายเป็นว่า สำหรับ เฉลิม ไม่ได้เป็นไปตามนั้นสักที เชียร์แม้วทุกทาง แม้กระทั่งเตรียมรณรงค์หาเสียง “ชูแม้วกลับบ้าน” แต่มีข้อแม้ต้องให้เหลิมเป็นนายกฯเท่านั้น อย่างไรก็ดีผ่านไปตั้งนานแม้จะเอาใจกันขนาดนี้ “นายใหญ่” ยังไม่ไฟเขียวเสียที แถมยังมีทีท่าจะดันคนอื่นขึ้นมาเสียบแทน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นอริเก่าที่เป็น “นักรบห้องแอร์” อย่าง เจ๊มิ่ง นี่เอง เป็นใครก็ย่อมปรี๊ดแตก
00 ที่บอกว่าทำท่าลุกลามไปถึง “คนรอบข้าง” ที่ถือหางแต่ละฝ่าย เพราะรับรู้มาว่าฝ่าย เจ๊มิ่ง ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะมีระดับ “ขาใหญ่” เท่าที่เห็นก็มี สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนหนึ่งล่ะที่หนุนหลังเต็มเหนี่ยว ส่วนจะเกี่ยวกับคำด่าของคนบางคนที่ว่า “อีหน่อย” ก่อนหน้านี้หรือเปล่าไม่ทราบ แต่รับรองว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการคุมโซนเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯอย่างแน่นอน
00 โดยธรรมชาติทั้งสองฝ่าย คือ สุดารัตน์ กับ เฉลิม ในวงการรับรู้กันมาตั้งนานแล้วว่า “ไม่กินเส้น” กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อโคจรมาพบกันในพรรคเพื่อไทย มันก็กลายเป็นคู่เดือดเป็นระยะ แต่คราวนี้ทำท่าว่าเหลิม “น่าจะแพ้” จึงต้องแยกวงออกไป ดังนั้นข่าวว่าจะไปตั้งพรรคใหม่ จึงเป็นไปได้สูง ส่วนในอนาคตจะไปร่วมกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ และ นิติภูมิ นวรัตน์ หรือไม่ ก็ไม่อาจมองข้ามเป็นอันขาด !!
00 แม้ว่าเมื่อวานนี้(18ม.ค.)จะมีข่าวดีที่ 4 คนไทยถูกศาลอุทธรณ์ปล่อยตัวชั่วคราวออกมาจากเรือนจำเขมรเป็นล็อตที่ 2 ตามหลัง พนิช วิกิตเศรษฐ์ และอีกคนก่อนหน้านี้ ยังเหลือเพียง “วีระ สมความคิด” ที่ยังถูก “หน่วงเหนี่ยว” เอาไว้ อย่างไรก็ดีตามกระบวนการก็ยังมีลุ้นในศาลสูงสุดที่สามารถยื่นฎีกาภายใน 15 วันนับจากนี้ ถ้ามองในแง่ดีมันก็อาจมีแนวโน้มในทางบวกว่าน่าจะได้ประกันตัวตามมาเป็นคนสุดท้าย หากพิจารณาจากสัญญาณที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามแย้มให้ฟัง
00 ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากตัวบุคคลและรูปคดีสังเกตได้จากกรณีของ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหา “จารกรรม” ยังได้รับการประกันตัวออกมา มันก็อาจทำให้มีความหวังว่าในที่สุดแล้ว วีระ อาจได้รับการปลดปล่อยชั่วคราว เพียงแต่ว่าอาจต้องยื้อออกไปให้นานสักพักหนึ่งก่อน อย่างน้อยก็ให้พ้นจากช่วงการ ชุมนุมของพันธมิตรฯในวันที่ 25 ม.ค.นี้ออกไปก่อนหรือไม่
00 การให้ประกันคนไทย 6 คน เว้น วีระ คนเดียว ทำให้เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการล็อกเป้าเอาไว้ล่วงหน้าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกัมพูชา หรือฝ่ายกัมพูชาร่วมมือกับคนในรัฐบาลไทย “บางคน” เพราะนี่คือการกำจัด “เสี้ยนหนาม” ที่ตำเท้าไปพร้อมๆกัน อย่างน้อยก็ไม่ให้เคลื่อนไหวได้สะดวก เหมือนกับเอา “ชะนัก” มาปักเอาไว้กลางหลังตลอดเวลานั่นเอง
00 การส่งสัญญาณไฟเขียวให้ตำรวจรวบ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” กับ “สมบูรณ์ ทองบุราณ” สองแกนนำกลุ่มคนไทยฯไปเมื่อวานนี้ แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นไปตาม “หมายจับเก่า” ในคดีประท้วงหน้าสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองก็ว่ากันไป แต่รับรองว่าบรรยากาศน่าจะตึงเครียดเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควร เพราะชาวบ้านต้องคิดว่างานนี้เป็นรายการ กลั่นแกล้ง เพื่อหวัง “ตัดกำลัง” ม็อบ ขณะเดียวกันยังถูกนำไปผูกรวมกับกรณีของ วีระ ในทำนองทฤษฎีสมคบคิดกับ ฮุนเซน เข้าไปอีก มันจะยุ่งไปกันใหญ่ !!
