xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยแตก “เหลิม” แยกวงตั้งพรรคใหม่ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ผ่าประเด็นร้อน

การยื่นเงื่อนไขสามข้อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยพิจารณา พร้อมทั้งขู่ว่าหากยังเมินเฉย ก็จะทิ้งพรรคไปตั้ง “พรรคทางเลือกใหม่” สะท้อนความจริงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยถึงคราวที่จะต้องแตกกันยับ และอาจลดขนาดลงมากลายเป็นพรรคการเมืองขนาดกลางหลังการเลือกตั้งคราวหน้าก็เป็นได้

สำหรับเงื่อนไขดังกล่าวที่ ร.ต.อ.เฉลิม ยื่นคำขาด แม้ว่าจะมี 3 ข้อ คือให้ชู ทักษิณ ชินวัตร ในการหาเสียง สองให้แบ่งโชนพื้นที่เลือกตั้งกรุงเทพฯเป็น 3 ส่วนคือนอก กลาง และธนบุรี แล้วกำหนดตัวบุคคลขึ้นมาคุมโซนและสามให้สมาชิกในพรรคจูนความคิดเข้าหากันเป็นหนึ่งเดียว

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาตามความเป็นจริงและความหมายที่ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องการสื่อความหมายไปถึงคือ เงื่อนไขข้อที่สองนั่นแหละ นั่นคือ ให้มีการแบ่งโซนคุมเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ให้แยกกัน โดยตนเองขอคุมพื้นที่ฝั่งธนบุรี ส่วนอีกสองเขตที่เหลือให้ไปแบ่งกันระหว่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับคนอื่นๆ

ประเด็นถัดมาก็คือเวลานี้เหมือนกับ เฉลิม จะรู้ชะตากรรมแล้วว่า อยู่ในพรรคเพื่อไทยต่อไปไม่ได้ เพราะลักษณะเหมือนกับ “หัวเดียวกระเทียมลีบ” ทำให้ต้องเผ่นออกมาตั้งพรรคใหม่ ซึ่งมีการกำหนดชื่อไว้ว่า “พรรคทางเลือกใหม่” และมีการพูดคุยทาบทามตัวบุคคลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เช่น ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ ผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพฯและ นิติภูมิ นวรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.และผู้ว่าฯกรุงเทพฯเช่นเดียวกัน โดยเขามั่นใจว่าหากรวมกันแล้วจะมีคะแนนเสียงในเมืองกรุงนับล้านคะแนน

นาทีนี้สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม คงรู้อีกว่า เวลานี้กลุ่ม ก๊กต่างๆภายในพรรคเพื่อไทยต่างรวมหัวกันยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ส.ส.อีสานบางกลุ่มและ กลุ่มสุดารัตน์ ที่ให้การสนับสนุน มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้นำทัพในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมาถึงนี้ และในคราวเดียวกันก็ต้องหนุนให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แนบไปกับญัตติดังกล่าวอีกด้วย

ความหมายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การให้ความสำคัญกับ มิ่งขวัญมากกว่า เฉลิม ทำให้ต้องออกอาการปรี๊ดแตก ด่ากราดบรรดาหัวหน้าก๊กต่างๆภายในพรรคเพื่อไทย แต่สำหรับ เฉลิม ด้วยชื่อชั้นที่เป็น “ขิงแก่” ผ่านการเมืองมานานย่อมรู้ดีว่าเขาควรจะจำกัดขอบเขตอารมณ์เอาไว้อยู่ในระดับใด เพราะถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าจะฟาดงวงฟาดงาเข้าใส่หลายคนไม่ว่าจะเป็น กลุ่ม สุดารัตน์ มิ่งขวัญ ที่บอกว่าเป็น “นักรบห้องแอร์” นั่นแหละ แต่อย่างไรก็ดีเขาก็รู้ว่าไม่ “ก้ำเกิน” ไปถึง ทักษิณ ชินวัตร เพราะรู้ดีว่ายังต้องพึ่งพาแรงส่งจาก กระแส เพื่อเป้าหมายทางการเมืองในวันหน้า จึงกลายเป็นว่าถล่มคนรอบข้างแต่ยังเชิดชูทักษิณ

ทั้งที่ถ้ามองเข้าไปในใจของ ร.ต.อ.เฉลิม แล้ว เขาย่อมรู้ดีว่าสาเหตุที่ยัง “แป๊ก” อยู่แบบนี้ในพรรคเพื่อไทยก็ล้วนมาจาก ทักษิณ นั่นแหละ ทั้งที่พยายามทำให้ “เข้าตา”หลายอย่าง แต่ก็ไม่ยอมเคาะเสียที ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรค ผู้นำฝ่ายค้าน หรือแม้แต่ผู้นำทัพในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ยังไม่ได้

นี่แหละคือประเด็นที่ว่าทำไม ร.ต.อ.เฉลิม จึงต้องเตรียมตีจาก เพราะย่อมรู้ดีว่าหากขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่ถูกรวมหัวเย้ยหยันจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในฐานะที่ตัวเองถือตัวว่าผ่านการเมืองมาอย่างโชกโชน ย่อมไม่ยอมอยู่ในสภาพเบี้ยล่างแบบนี้แน่นอน

การที่เสนอเงื่อนไขออกมาทั้ง 3 ข้อดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งมีการเตรียมออกไปตั้งพรรคใหม่ โดยกำหนดชื่อเอาไว้ล่วงหน้าอย่างเปิดเผย นั่นย่อมมีความหมายชัดเจนว่า เขาไปแน่

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาย้อนหลังถึงแบ็กกราวด์ส่วนตัวจะพบว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกันมาก็คือ เขาเป็นคนที่ผูกพันกับลูกมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่ผ่านมากรณีที่เกิดขึ้นได้สร้างรอยด่าง และอีกมุมหนึ่งกลายเป็น “ผลลบ” ต่อเขาในทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง และคราวนี้ก็เช่นเดียวกันเหตุผลหนึ่งสำหรับการเสนอให้มีการแบ่งโซนในกรุงเทพมหานครออกเป็นสามโซนนั่นคือ ชั้นนอก ชั้นกลางและธนบุรี ก็เพื่อให้เขาได้คุมพื้นที่เลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยในเขตฝั่งธนฯ ซึ่งอีกเป้าหมายหนึ่งในวงการรับรู้ว่าต้องการผลักดันให้ “ลูกชาย” ตัวเอง ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งนั่นเอง

แม้ว่าในขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกจะต้องผ่านการเห็นชอบภายในระดับผู้บริหารพรรค แต่รับรองว่าในระดับพื้นที่ชี้ขาดก็ต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าคุมโซนซึ่งก็คือตัว ร.ต.อ.เฉลิม นั่นเอง หากเงื่อนไขในเรื่องการแบ่งพื้นที่กรุงเทพฯได้รับไฟเขียว

นอกเหนือจากนี้สิ่งที่น่าจับตาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข่าวการไม่ลงเลือกตั้งของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน และหากพิจารณาจากปัญหาก็คงออกมาในลักษณะทำนองเดียวกันกับกรณีของ ร.ต.อ.เฉลิม นั่นคือ “ผิดหวัง” หลังจากยอมลงทุน “กลืนน้ำลาย” หวนกลับมาสู่วงการเมืองในพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

อย่างไรก็ดีสำหรับกรณีของ พล.อ.ชวลิต ก็ย่อมมีความหวังไม่ต่างไปจาก เฉลิม เช่นเดียวกันนั่นคือฝันอยากนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้งในบั้นปลายชีวิต ต้องการฉวยโอกาสสอดแทรกเข้ามาในช่วงที่ระดับขาใหญ่ แถวหนึ่งแถวสองติดอยู่ในบ้านเลขที่ 111 และ 109 ทำให้ตัวเองมีลุ้นมากที่สุดคนหนึ่ง แต่แล้วมาถึงวันนี้ก็ยังไม่เป็นไปตามคาด เพราะรู้กันอยู่ว่าเจ้าของพรรคตัวจริงอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ธรรมดา เป็นนักลงทุนทางการเมือง ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้กำไรก็ไม่มีทางยอมอะไรง่ายๆเป็นอันขาด และอย่าได้แปลกใจที่ในระยะหลังจะมีข่าวผลักดันน้องสาวของตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นมันก็ย่อมทำให้บรรดา นักเก็งกำไร นักฉวยโอกาสทั้งหลายต้องอกหัก ซึ่งหากพุดกันอย่างตรงไปตรงมาทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และ พล.อ.ชวลิต รวมไปถึงคนอื่นๆล้วนอยู่ในข่ายดังกล่าวทั้งสิ้น แต่ด้วยท่าทีที่ชัดเจน อ่านไม่ยาก และแนวโน้มก็คืออีกไม่นานก็ต้องแยกวงจากไปทางใครทางมัน !!
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
กำลังโหลดความคิดเห็น