xs
xsm
sm
md
lg

เขมรขนทหารตรึงชายแดนเข้ม ถวายฏีกาวันนี้ “ไชยวัฒน์”เมินโพล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "ไชยวัฒน์" ยันถวายฏีกาในหลวงวันนี้ ระบุรัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป เนื่องจากไม่ปกป้อง และรักษาบูรณภาพแห่งแผ่นดิน ยอมให้ทหารเขมรจับ 7 คนไทยไปคุมขัง เมินโพล 64% คัดค้าน "เทือก" ติงถวายฎีกาจะทำให้ระคายเคืองเบื้องสูง ปรามทำอะไรคิดถึงหัวใจคนไทยทั้งประเทศบ้าง ขณะที่ศาลเขมรนัดไต่สวน 5 คนไทยที่ขอประกันตัววันนี้ มทภ.2 ยอมรับเขมรขนกำลังทหารตรึงชายแดน “เขาพระวิหาร” มากสุดเท่าที่เคยมีมา ลั่นทหารไทยพร้อมตอบโต้ทันที หากถูกยิงก่อน

วานนี้ (17 ม.ค.) นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ แถลงยืนยันว่าวันนี้ (18 ม.ค.) จะเดินขบวนธรรมยาตรา เพื่อถวายฏีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรณีที่ รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากไม่ปกป้อง และรักษาบูรณภาพแห่งแผ่นดิน สมยอมให้ทหารกัมพูชาลักพาตัว 7 คนไทยไปคุมขัง โดยจะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 09.59 น. หลังเสร็จสิ้นภาระกิจ จะพิจารณาอีกครั้งว่า จะเปิดถนนพิษณุโลก หรือไม่

นายสุนทร รักษาวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เปิดเผยว่า การเดินขบวนไปถวายฎีกาในวันนี้ จะเป็นลักษณะธรรมยาตรา มีพระสงฆ์นำหัวขบวน เป็นการเดินด้วยความสงบ ไม่มีการใช้เครื่องเสียง เมื่อถึงพระบรมหาราชวัง ก็จะยื่นถวายฎีกาผ่านตัวแทนสำนักพระราชวัง คาดว่าไม่เกิน 12.00 น. ก็จะเดินทางกลับมายังทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นการเคลื่อนไหวจะลดพฤติกรรมในเชิงกดดันลง แต่จะเน้นการติดตามเรื่องที่เคยไปยื่นกดดันตามหน่วยงานต่างๆ และยืนยันว่า จะไม่มีการไปชุมนุมปิดด่านไทยกัมพูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายคนไทยฯ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่ถนนพิษณุโลก ถูกปิดลงทางเครือข่ายฯได้นำเต้นท์ ขนาดใหญ่ และเต้นท์ส่วนตัวจำนวนมาก มากางเป็นแนวยาวสองฝั่งถนน มีพลาสติกขึงกันแดด พร้อมกันนี้มีการจัดตั้งโรงครัว เพื่อทำอาหารแจกจ่ายผู้ชุมนุม รวมทั้งนำไม้มาสร้างเป็นเวทีชั่วคราว เพื่อใช้ในการปราศรัย แต่ผู้ชุมนุมยังคงบางตา โดยส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกองทัพธรรม ขณะที่ผู้ชุมนุมได้ช่วยกันเขียนป้ายโจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ว่า ขายชาติ ขณะเดียวกันได้ยกย่อง นายวีระ สมความคิด ว่าเป็นวีรบุรุษของคนไทย

**"เทือก" ติงถวายฎีการะคายเบื้องสูง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึง การที่เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ปิดถนนพิษณุโลกชุมนุมยื้ดเยื้อ เพื่อขับไล่รัฐบาลทำให้เกิดปัญหาการเจรจาติดขัด ว่าต้องขอความกรุณาผู้ชุมนุมว่า ต้องไม่ชุมนุมในลักษณะที่เป็นการปิดถนนเพราะ จะทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชน และเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่บช.น.ไปเจรจาพูดคุย เพื่อให้การชุมนุมอยู่ในกรอบและขอบเขตของกฎหมายแล้ว

ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะยื่นถวายฎีกา เพื่อขับไล่รัฐบาลในวันที่ 18 ม.ค.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เกิดมาเป็นคนไทย ต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต้องตระหนักว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ประสงค์ที่จะให้มีอะไรที่เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะฉะนั้นการที่จะไปดำเนินการอะไร ขอให้คิดถึงหัวใจของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศด้วย

เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรในการหาทางออกกับปัญหาเหล่านี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้บอกหลายครั้งแล้วว่า กรณีที่มีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีวิธีการใดที่จะดีกว่าการพูดคุยเจรจากัน ซึ่งเราต้องอดทนและใจเย็น เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายออกไป จึงต้องพูดคุยกันทุกเวที และคิดว่าในสัปดาห์นี้ คงจะมีความคืบหน้ามากขึ้น

เมื่อถามว่าความคืบหน้าที่ระบุคือ การมีสัญญาณที่ดีที่คนไทยที่เหลือจะได้รับการประกันตัวใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนขอพูดในภาพรวมดีกว่า ส่วนรายละเอียดเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และส่วนตัวคิดว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น เมื่อถามว่า สื่อมวลชนกัมพูชา ระบุ ศาลอาจจะตัดสินคดีนี้ในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่าในส่วนของรัฐบาลไม่ได้มีการคาดการณ์อะไร รอดูกระบวนการยุติธรรมกัมพูชาว่า จะดำเนินการเป็นอย่างไร หลังจากนั้นเราก็จะปูทางในการเตรียมการแก้ไขปัญหาต่อไป ส่วนจะเป็นอย่างไร ขอให้มีคำพิพากษาก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองปรากฏการณ์ที่คนเสื้อแดงไปให้กำลังใจและขึ้นเวทีของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าคนอื่นมอง และคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เมื่อถามว่า กลัวว่ากลุ่มคนเสื้อแดง จะแตะมือกับคนเสื้อเหลือง และจะส่งผลเป็นแรงกดดันอย่างใดอย่างหนึ่งต่อรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามมองด้วยความเข้าใจ และไม่มีอะไรที่ต้องกังวลใจรัฐบาลถูกกดดันมาตลอด แต่เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่สามารถทำตามสิ่งที่คนอื่นกดดันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลปิดกั้น ไม่รับฟังใคร

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่ากลุ่มผุ้ชุมนุมจะอาศัยสถานการณ์นี้ ชุมนุมยืดเยื้อจนถึงวันที่ 25 ม.ค. ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่จริงเราก็รู้กันมาตลอดว่า สิ่งที่เขาพูดคุยกันเราก็พอเข้าใจ ซึ่งรัฐบาลคงจะป้องกันคนมาชุมนุมได้ยาก

เมื่อถามว่า รัฐบาลได้เตรียมหาทำเนียบรัฐบาลสำรอง หรือไม่ หากการชุมนุมยืดเยื้อ นายสุเทพ กล่าวว่า "เปล่าครับ อยู่ที่นี่แหละ และไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมจะมาเยอะหรือมาน้อย แต่เชื่อว่าประชานคนไทยไม่ต้องการเห็นความวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้นในบ้านเมือง"

**"วิชัย"เจรจาเปิดถนนไม่สำเร็จ

ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เข้าเจรจา แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือพี่น้อง 7 คนไทย ที่ข้างทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกมิสกวัน เพื่อขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดถนน 2 ช่องทาง หน้าทำเนียบ ประตู 4 เนื่องจากที่ผ่านมาทำให้การจรากรติดขัดมาก แต่การเจรจาไม่เป็นผล กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่า อีก 1-2 วันนี้ จะมีแนวร่วมมาสมทบจำนวนมาก จากนั้นจะเปิดการจราจรให้ ในวันที่ 19 ม.ค.

** "ชัย" ทวงวิปเสนอ ร่าง กม.การชุมนุม

นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ยืนยันจะชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาล ว่า ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ นอกจากจะแก้ไขกฎหมายเหมือนต่างประเทศ เกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งขณะนี้บรรจุอยู่ในระเบียบวาระการประชุมแล้ว 4 ฉบับ ซึ่งตนก็บอกให้วิปรัฐบาลนำเข้าเพราะค้างมา 3 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ปัญหาก็เกิดขึ้น ถ้าไม่มีกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่า เป็นสิทธิ เสรีภาพในการชุมนุม จึงขอฝากสื่อไปบอกวิปรัฐบาลด้วยว่าชอให้รีบนำเข้าสภา ปัญหาจะได้หมดไป ไม่อย่างนั้นปัญหาก็ไม่หมด

**สวนดุสิตโพลค้านถวายฎีกา

สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่อกรณีที่เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ จะเข้าชื่อถวายฎีกา โดยอ้างว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะปฏิบัติหน้าที่ ไม่ปกป้อง และรักษาบูรณภาพแห่งแผ่นดิน สมยอมให้ทหารกัมพูชาลักพาตัว 7 คนไทยไปคุมขัง โดยสำรวจระหว่างวันที่ 16-17 ม.ค.54

ประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไรกับการประท้วงของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติกรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุม

อันดับ 1 มีผลมาจากการดำเนินการของรัฐบาลที่ยืดเยื้อ ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร 44.67 % อันดับ 2 การชุมนุมเป็นสิทธิที่ประชาชนสามารถทำได้ แต่ควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม 20.27 %
อันดับ 3 อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็น อดทน ควรใช้เหตุผลมาคุยกันจะดีกว่า เชื่อว่าทุกคนมีความห่วงใยคนไทยที่ถูกจับกุม 18.82 %

อันดับ 4 ไม่อยากให้มีการเข้าชื่อถวายฎีกา เพราะเป็นการไม่บังควร รบกวนเบื้องพระยุคลบาท 16.24 %

ส่วนการที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ จะเข้าชื่อถวายฎีกา โดยอ้างว่าภาคประชาชน ใช้สิทธิยื่นถวายฎีกาตามรัฐธรรมนูญ โดยชี้ข้อหาร้ายแรงว่า รัฐบาลสมคบคิดกับรัฐบาลต่างชาติ อันเป็นเหตุให้เสียดินแดนนั้นสมควรหรือไม่

อันดับ 1 ไม่สมควร 64.81 % เพราะเป็นการไม่บังควร รบกวนเบื้องพระยุคลบาท ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจะดีกว่า ไม่อยากเห็นคนไทยด้วยกันต้องมาขัดแย้งกันเอง

อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 32.40 % เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ ที่มีความละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลาในการศึกษาและดำเนินการ

อันดับ 3 สมควร 2.79 % เพราะ เป็นสิทธิของประชาชน ดูจากท่าทีการดำเนินการของรัฐบาล และการออกมาชี้แจงความคืบหน้าที่ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

ประชาชนคิดว่าเหตุการณ์ที่ยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะสาเหตุใด

อันดับ 1 รัฐบาลยังรอดูท่าที เพราะกลัวเสียเปรียบ เพลี่ยงพล้ำ ไม่กล้าทำอะไรมาก / มีผลมาจากความขัดแย้งเรื่องเขาพระวิหาร 43.15 %

อันดับ 2 รัฐบาลยังไม่มีข้อมูลหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะต่อรองกับทางกัมพูชา /ยังไม่มั่นใจในข้อมูลที่มีอยู่ 31.54 %

อันดับ 3 กัมพูชาไม่ได้เล่นตามระบบ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฮุนเซน /ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ 19.92 %

อันดับ 4 รัฐบาลอาจมีการดำเนินการหรือเจรจาอย่างลับๆกับทางกัมพูชาโดยที่ประชาชนไม่รู้ 5.39 %
ส่วนประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรดำเนินการอย่างไร จึงจะแก้ไขเรื่องนี้ได้

อันดับ 1 รัฐบาลควรแสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา มีความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหา /ดำเนินการขั้นเด็ดขาดในการนำตัว 7 คนไทยกลับคืนมา 42.95 %

อันดับ 2 นายกฯอภิสิทธิ์ ควรออกโรงเจรจาด้วยตนเอง / ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจาตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ 25.36 %

อันดับ 3 รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศให้ได้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย / ทุกฝ่ายควรยุติการประท้วงและร่วมมือหาทางแก้ไข 22.08 %

อันดับ 4 รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จัดการเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาการรุกล้ำ 9.61 %

**คดี 7 คนไทยชัดเจนในสัปดาห์นี้

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีคนไทย 7 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมว่า เชื่อว่าจะดำเนินการได้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ พร้อมกับยืนยันว่า ทางการไทยพยายามช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย จะหารือเรื่องนี้กับ นายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาด้วย

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการขออุทธรณ์ 5 คนไทย ที่ศาลกัมพูชาไม่อนุญาตให้ประกันตัวว่า ศาลอุทธรณ์ของกัมพูชา ได้นัดพิจารณาคำร้องในเรื่องดังกล่าว วันที่ 18 ม.ค.นี้ หลังจากทนายความยื่นอุทธรณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนคดีของคนไทยทั้ง 7 คน ในข้อหาลักลอบเข้าเมือง และรุกล้ำเข้าพื้นที่ทหารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น คาดว่าศาลกัมพูชาจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ว่า จะพิจารณาคดี และอ่านคำพิพากษาเลยหรือไม่

ในส่วนของนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่ถูกตั้งข้อหาเพิ่มฐานประมวลข่าวสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อการปกป้องประเทศนั้น หลังจากศาลกัมพูชาไต่สวนเพิ่มเติมแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ

**ไต่สวน 5 คนไทยขอประกันวันนี้

ทั้งนี้ ในวันนี้ (18 ม.ค.) คนไทย 5 คน ที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเปรซอร์ ประเทศกัมพูชา จะถูกนำตัวมาไต่สวนเพื่อหาเหตุผลการยื่นขอประกันตัวที่ศาลอุทธรณ์ โดยเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจาก ผู้อำนวยการศาลอุทธรณ์ว่า ศาลได้นัดคนไทย 5 คนในวันนี้ โดยเมื่อมาถึงศาลอุทธรณ์ผู้พิพากษา 3 คน จะนั่งบัลลังก์ และไต่สวนถึงเหตุผลการขอประกันตัวของคนไทยทั้ง 5 คน ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ หลังจากที่ฟังเหตุผลครบทุกคนแล้ว ศาลอุทธรณ์จะตัดสินในวันนี้ ว่าจะให้ประกันตัวได้หรือไม่

หากศาลให้ประกันตัว ก็จะได้อิสรภาพชั่วคราวระหว่างรอการตัดสินเรื่องความผิดใน 3 ข้อหา คือ ข้ามแดนผิกกฎหมาย เข้าไปในเขตทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และอีก 2 คน ใน 1 ข้อหา คือนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ในข้อหาประมวลข่าวสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อกัมพูชาอีก 1 ข้อหา แต่ถ้าหากศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัวในวันนี้ ทั้ง 5 คน สามารถยื่นเรื่องขอประกันตัวไปที่ศาลฎีกาได้ภายใน 15 วัน

**แม่วีระแฉทูตไทยในเขมรกีดกัน

นายสุนทร รักษาวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับนางวิไลวรรรณ สมความคิด มารดา ของนายวีระ สมความคิด ที่ได้ไปเยี่ยมนายวีระ ที่เรือนจำเปรซอว์ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยนางวิไลวรรณ เล่าว่า นายวีระ ได้ฝากขอบคุณคนไทยทุกคนที่ออกมาต่อสู้ ปกป้องดินแดนของไทยทุกคน พร้อมกันนี้ ยังต้องการทนาย และล่ามแปลภาษา เนื่องจากถูกกีดกันจากสถานทูตไทยในกัมพูชามาตลอด

**'กษิต-ฮอร์ นัมฮง' เห็นพ้องแก้ชายแดน

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์หลังพบนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาว่า ตนได้ยืนยันสิ่งที่พูดไปแล้วคือความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือด้านอื่นๆ ต่อไป และอยากให้เรื่องที่ค้างคาอยู่ยุติโดยเร็วตามกระบวนการศาลกัมพูชา

พร้อมกันนี้ ได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประชาชนสองประเทศตลอดแนวชายแดน รัฐบาลนี้ไม่มีสิ่งอื่นใด นอกจากจะทำทุกอย่างให้มันดี ถูกต้อง และให้ราบรื่น จึงไม่อยากให้เอาพฤติกรรมของคนบางกลุ่มในสังคมมาเป็นอารมณ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด เพราะรัฐบาลนี้แน่วแน่ในการสร้างความสัมพันธ์และแก้ไขปัญหาต่างๆ

เมื่อถามว่าฝ่ายกัมพูชามีท่าทีต่อคำชี้แจงอย่างไร นายกษิต กล่าวว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตนได้พูดคุยกับนายฮอร์ นัม ฮง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเราได้พูดกับฝ่ายกัมพูชาเยอะ และพูดกันในทุกระดับตลอดเวลาเพื่อให้เขาเห็นว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกัน สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือความสัมพันธ์สองประเทศ และในฐานะที่เป็นสมาชิกอาเซียน ได้ย้ำกันว่า อะไรที่เป็นอุปสรรค อะไรที่เป็นปัญหาก็ให้ยุติโดยเร็ว

"ผมได้อธิบายที่มาที่ไปของเรื่อง ใครเป็นใคร มีเป้าประสงค์อะไร อย่าให้เรื่องแบบนี้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะคนบางกลุ่มบางคนทำอะไรไม่งดงาม อยากให้เราทะเลาะกัน อยากให้เขาตั้งสติให้เห็นภาพ ถ้ามองจากสื่ออย่างเดียว ด่าทอกันก็เกิดอารมณ์ อาจเกิดความเข้าใจผิดกัน" นายกษิตกล่าว

นายกษิต กล่าวด้วยว่าระหว่างประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ตนได้พูดถึงเรื่องที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศควรต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อผลักดันความร่วมมือต่างๆ และได้ขอโทษว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การเมืองไทยได้สร้างความสับสน หวาดหวั่นให้ประเทศสมาชิกอาเซียน แต่มันเป็นวิวัฒนาการทางการเมืองของไทย ซึ่งเราไม่ได้มีเจตนาหรือมุ่งหวังใดๆ ที่จะสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะหากประเทศใดมีปัญหากันก็จะทำให้การรวมตัวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนชะงักงันไปโดยปริยาย

"อยากให้ฝ่ายต่างๆในสังคมไทยรู้ว่า เรามีหน้าที่รับผิดชอบต่อประเทศโดยรวม จะพูดหรือจะทำอย่างไร จะเอาแต่อุดมการณ์ของตัวเองเป็นตัวตั้ง หรือมุ่งทำร้ายกัน ไม่อยากให้คนส่วนใหญ่ในสังคมต้องเดือดร้อน เพราะคนกลุ่มหนึ่งที่มีจุดยืนไม่ฟังเหตุผลใคร เราต้องพบกันครึ่งทาง เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีเจตนามุ่งร้าย หรือมีอะไรแอบแฝง เราต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และต้องขจัดลัทธิที่สร้างความเกลียดชังทั้งหลาย" นายกษิตกล่าว

**เขมรขนทหารจ่อไทยมากที่สุด

พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการข่าวฝ่ายกัมพูชา ขนกำลังทหารตรึงชายแดน ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ว่า จากรายงานทราบว่าเป็นการสับเปลี่ยนกำลังออกไปฝึกเป็นปกติ เหมือนกำลังของฝ่ายไทยที่มีการหมุนเวียน

ปัจจุบันในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 มีหน่วยเข้าไปฝึกในชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกเดือนใช้เวลาในการฝึกประมาณ 20 วัน เฉลี่ยประมาณ 300-400 นาย ฝึกทั้งทหารราบ ม้า ปืน แล้วแต่จะจัดการฝึกเข้าไป ทุกหน่วยก็จะเข้าไปฝึกการใช้อาวุธ แต่เมื่อมีการฝึกทางไทยเราก็จะแจ้งไปยังทางฝ่ายกัมพูชาให้ทราบ เช่นเดียวกัน เมื่อทางกัมพูชาฝึกก็จะต้องแจ้งทางฝ่ายไทยเราว่ามีการใช้อาวุธ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่มีอยู่แล้ว

"การที่มีข่าวดังกล่าวออกมาเนื่องจากเป็นช่วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่งโดยปกติประมาณ 1-2 เดือน ทหารจะให้หยุดพักกลับไปเยี่ยมบ้าน ก็จะมีกำลังชุดใหม่เข้ามา ซึ่งในส่วนของฝ่ายกัมพูชา ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการใช้กำลังทหารตามแนวชายแดนมากเหมือนในปัจจุบันนี้ ซึ่งกัมพูชาเองเขาพยายามปรับกำลังทหารลดลง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพราะเป็นการสิ้นเปลื้องงบประมาณ แทนที่จะนำเงินไปใช้อย่างอื่น ซึ่งในระดับพื้นที่ ผมได้พูดคุยกับระดับผู้นำทหารไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีเหตุการณ์ที่เขาไม่มั่นใจ ก็อาจจัดกำลังเข้ามาเพิ่มเติมได้ แต่คิดว่าคงจะไม่มากไปกว่านี้เพราะที่มาก็หมดแล้ว"

** พร้อมตอบโต้หากถูกยิงก่อน

ต่อข้อถามหลังมีข่าวการเสริมกำลังทหารเป็นจำนวนมากของฝ่ายกัมพูชา ทางผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า มีการประชุมกันทุกเดือนท่านได้กำชับตลอดให้ใช้ความระมัดระวัง อย่าพยายามสร้างปัญหาให้มากขึ้น รวมทั้งกฎการปะทะต้องเคร่งครัด อย่างไรก็ต้องพูดคุยกันก่อน นอกจากฝ่ายเขายิงมาก่อน เราก็จะต้องยิงป้องกันตัวกลับไปเช่นกัน หากมีความจำเป็น แต่ขอยืนยันว่าในส่วนของทหารเคร่งครัดเรื่องนี้มาก แม้จะมีการปะทะกันเมื่อหยุดแล้วเราก็ต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน เพราะไม่เราไม่โกรธแค้นอะไรกัน เพียงแต่ทุกฝ่ายก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น เรื่องจบก็คือจบกันทั้ง 2 ฝ่าย

"อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านติดกับภาคอีสาน ยืนยันว่า จะสามารถดูแลพื้นที่ชายแดนให้สงบเรียบร้อยได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และรับมือได้ทุกสถานการณ์" พล.ท.ธวัชชัย กล่าว

ทั้งนี้ การวางกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่ายตามแนวชายแดน ยังเป็นไปตามปกติ โดยยังคงมีการลาดตระเวนร่วมกันในพื้นที่ที่มีปัญหา ทั้ง 4.6 ตร.กม.บนเขาพระวิหาร ซึ่งกำลังทหารอยู่ห่างกันประมาณ 20-50 เมตร ระดับพื้นที่ก็ยังพูดคุยกันได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก ยืนยันว่ากองทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ชายแดนได้ ไม่มีปัญหา

**9โมง รู้"เขมร"ให้ประกันหรือไม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 18 ม.ค.เวลาประมาณ 08.00น. - 09.00 น.ทางศาลกัมพูชา ได้นัดอ่านเรื่องการประกันตัว ดังนั้นก็น่าจะทราบๆได้ว่าศาลกัมพูชาจะให้ประกันตัวคนไทยทั้งหมดหรือไม่หมด ทางไทยนั้นได้ยื่นขอประกันตัวไปทั้ง 5 คนที่เหลือ ส่วนจะได้รับการประกันตัวหมดหรือไม่ ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ส่วนจะให้ประกันอยู่อย่างไรที่ละ 3 คน หรือ ที่ละ 2 คนนั้นเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะทางรัฐบาลไทยไปขอตรงนั้นไม่ได้ทั้งหมดอยู่ที่ศาล และหลังจากที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ได้รับการประกันตัวออกมาทางกระทรวงการต่างประเทศเอง ยังไม่ได้มีการโทรศัพท์พุดคุยด้วยแต่อย่างใด

“ พรุ่งนี้คงมีความชัดเจนในเรื่องการประกันตัว และเรื่องการพิจารณาคดีคงจะมีแนวโน้มที่จะดำเนินการได้โดยเร็วทางศาลกัมพูชาที่ผ่านมาไม่ได้มีการขอเอกสาร หรือพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติม คิดว่าเขาเองนั้นได้ไต่สวนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รอแต่เพียงเรื่องการประกันตัวเขานัดเจ็ดโมงเช้า หรือเก้าโมงเช้า ก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว ” เลขาฯนุการรมว.ต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น