ASTVผู้จัดการรายวัน- นักวิชาการและผู้ค้าน้ำมันเตือนรัฐรับมือน้ำมันดิบ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลหนุนเลิกตรึงราคาดีเซลหากหมดวงเงิน 5,000 ล้านบาทเหตุสูญเปล่า แถมศก.ไทยปีนี้ต่างจากอดีตรถยนต์หันใช้แอลพีจี เอ็นจีวีส่วนใหญ่ไม่กระทบราคาสินค้าจึงควรปรับเพดานตรึงดีเซลควรเกิน 30 บาทต่อลิตรเป็น 32 บาทต่อลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางจะเป็นขาขึ้นตลอดทั้งปี 2554 เนื่องจากมีหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ภาวะความผันผวนของค่าเงิน การเก็งกำไรในน้ำมันและที่สำคัญสต็อกน้ำมันดิบลดลงเพราะกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก(โอเปค)ส่งสัญญาณไม่เพิ่มอัตราการผลิตและต้องการเห็นระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลดังนั้นรัฐควรจะปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเป็น 32-33 บาทต่อลิตรและหากหมดวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทในการดูแลแล้วก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก
“การตรึงราคาดีเซลของรัฐบาลจะเปรียบเหมือนการต่อสู้กับค่าเงินท้ายสุดไม่ได้อะไรมีแต่จะสูญเสียเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกมีแต่จะปรับขึ้น และกรณีดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นตัวเลขเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่เงินเฟ้อ เศรษฐกิจปีนี้ต่างกันตัวเลขต้องปรับใหม่ควรตรึงไว้ไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตรน่าจะเหมาะสมกว่าและไม่เห็นด้วยถ้าหมด 5 พันล้านบาทในการตรึงดีเซลจะไปเอาภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาลดเปล่าประโยชน์เพราะเวลานี้คนต่างจังหวัดก็ใช้ราคาเกิน 30บาทต่อลิตรไปแล้ว”นายมนูญกล่าว
นายมนูญกล่าวว่า น้ำมันดิบตลาดเบรนท์ ลอนดอนสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับขึ้นไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ระหว่างการซื้อขายเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาขยับไปอยู่ที่ 99.20 เหรียญฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบสหรัฐอเมริกาปิดทำการวันจันทร์โอกาสจะเห็นระดับ 100 เหรียญฯสัปดาห์นี้อาจไม่ง่ายนักแต่ระยะยาวก็ยังมีโอกาสอยู่
นายอนุสรรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ กล่าวว่า หากพิจารณาจากค่าการตลาดกลุ่มดีเซลขณะนี้เหลือเพียง 1.20 บาทต่อลิตรดังนั้นคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)จึงควรจะเร่งนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร
โดยเห็นว่ากลไกกบง.ค่อนข้างจะประชุมช้าทำให้ผู้ค้ารับภาระนานจึงควรใช้วิธีเดิมในอดีตที่ให้อำนาจรมว.พลังงานเป็นผู้เห็นชอบในการชดเชยในวงเงินครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตรเพื่อความรวดเร็ว
ทั้งนี้คาดว่า เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้เข้ามาอุดหนุนดีเซล 5,000 ล้านบาท คงจะใช้ได้ไม่นานถึง 1 เดือน เพราะราคาตลาดโลกยังพุ่งต่อเนื่องล่าสุดดีเซลสิงคโปร์อยู่ที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แนวทางที่จะไม่สร้างภาระต่อกองทุนฯมากนัก รัฐบาลน่าจะปล่อยให้ราคาดีเซลในประเทศปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงเพราะ หากดูแนวโน้มราคาน่าจะอยู่ในเกณฑ์ 31-32 บาททต่อลิตรซึ่งจะไม่กระทบต่อภาคขนส่งมากนัก เพราะหากดูรถบรรทุก หรือรถโดยสาร ส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้แอลพีจี-เอ็นจีวี เกือบหมดแล้วจึงไม่น่าจะกระทบกับราคาสินค้า
น.ส.ทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ บมจ.ไทยออยล์ จำกัด คาดว่าในสัปดาห์นี้อาจจะเห็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดเบรนท์ ลอนดอน ปรับถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เหตุจากอากาศหนาวเย็นทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อการอบอุ่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ปัญหาน้ำท่วมในออสเตรเลีย ทำให้การส่งออกถ่านหินเกิดปัญหาจีนจึงนำเข้าดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหิน ประกอบกับปัญหาท่อส่งน้ำมันในอลาสก้ายังขัดข้อง และเมื่อดูค่าการตลาดน้ำมันของไทยทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ยังต่ำอยู่ก็มีโอกาสที่ราคาขายปลีกของไทยสัปดาห์นี้อาจปรับขึ้นได้อีก
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางจะเป็นขาขึ้นตลอดทั้งปี 2554 เนื่องจากมีหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ภาวะความผันผวนของค่าเงิน การเก็งกำไรในน้ำมันและที่สำคัญสต็อกน้ำมันดิบลดลงเพราะกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก(โอเปค)ส่งสัญญาณไม่เพิ่มอัตราการผลิตและต้องการเห็นระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลดังนั้นรัฐควรจะปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเป็น 32-33 บาทต่อลิตรและหากหมดวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทในการดูแลแล้วก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก
“การตรึงราคาดีเซลของรัฐบาลจะเปรียบเหมือนการต่อสู้กับค่าเงินท้ายสุดไม่ได้อะไรมีแต่จะสูญเสียเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกมีแต่จะปรับขึ้น และกรณีดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นตัวเลขเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่เงินเฟ้อ เศรษฐกิจปีนี้ต่างกันตัวเลขต้องปรับใหม่ควรตรึงไว้ไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตรน่าจะเหมาะสมกว่าและไม่เห็นด้วยถ้าหมด 5 พันล้านบาทในการตรึงดีเซลจะไปเอาภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาลดเปล่าประโยชน์เพราะเวลานี้คนต่างจังหวัดก็ใช้ราคาเกิน 30บาทต่อลิตรไปแล้ว”นายมนูญกล่าว
นายมนูญกล่าวว่า น้ำมันดิบตลาดเบรนท์ ลอนดอนสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับขึ้นไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ระหว่างการซื้อขายเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาขยับไปอยู่ที่ 99.20 เหรียญฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบสหรัฐอเมริกาปิดทำการวันจันทร์โอกาสจะเห็นระดับ 100 เหรียญฯสัปดาห์นี้อาจไม่ง่ายนักแต่ระยะยาวก็ยังมีโอกาสอยู่
นายอนุสรรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ กล่าวว่า หากพิจารณาจากค่าการตลาดกลุ่มดีเซลขณะนี้เหลือเพียง 1.20 บาทต่อลิตรดังนั้นคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)จึงควรจะเร่งนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร
โดยเห็นว่ากลไกกบง.ค่อนข้างจะประชุมช้าทำให้ผู้ค้ารับภาระนานจึงควรใช้วิธีเดิมในอดีตที่ให้อำนาจรมว.พลังงานเป็นผู้เห็นชอบในการชดเชยในวงเงินครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตรเพื่อความรวดเร็ว
ทั้งนี้คาดว่า เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้เข้ามาอุดหนุนดีเซล 5,000 ล้านบาท คงจะใช้ได้ไม่นานถึง 1 เดือน เพราะราคาตลาดโลกยังพุ่งต่อเนื่องล่าสุดดีเซลสิงคโปร์อยู่ที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แนวทางที่จะไม่สร้างภาระต่อกองทุนฯมากนัก รัฐบาลน่าจะปล่อยให้ราคาดีเซลในประเทศปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงเพราะ หากดูแนวโน้มราคาน่าจะอยู่ในเกณฑ์ 31-32 บาททต่อลิตรซึ่งจะไม่กระทบต่อภาคขนส่งมากนัก เพราะหากดูรถบรรทุก หรือรถโดยสาร ส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้แอลพีจี-เอ็นจีวี เกือบหมดแล้วจึงไม่น่าจะกระทบกับราคาสินค้า
น.ส.ทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ บมจ.ไทยออยล์ จำกัด คาดว่าในสัปดาห์นี้อาจจะเห็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดเบรนท์ ลอนดอน ปรับถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เหตุจากอากาศหนาวเย็นทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อการอบอุ่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ปัญหาน้ำท่วมในออสเตรเลีย ทำให้การส่งออกถ่านหินเกิดปัญหาจีนจึงนำเข้าดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหิน ประกอบกับปัญหาท่อส่งน้ำมันในอลาสก้ายังขัดข้อง และเมื่อดูค่าการตลาดน้ำมันของไทยทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ยังต่ำอยู่ก็มีโอกาสที่ราคาขายปลีกของไทยสัปดาห์นี้อาจปรับขึ้นได้อีก