ASTVผู้จัดการรายวัน- “กบง.”ถกวันนี้ ควักเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาท เบรกดีเซลไม่ให้ทะลุเกิน 30 บาทต่อลิตร คาดโปะอีก 50 สตางค์ต่อลิตร หลังตลาดโลกพุ่งพรวดรับปี 54 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือน ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องจ่ายอุดหนุนรวมเป็นลิตรละ 1 บาท เผยต้นมี.ค. หมดหน้าตักแน่ แนะรัฐปล่อยปตท.ขึ้นราคาก๊าซ NGV ลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ด้านปตท. บางจาก กัดฟันไม่ขึ้นราคาน้ำมันตามผู้ค้ารายอื่น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (5ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานเป็นประธาน เพื่อเห็นชอบแนวทางการการใช้กรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5,000 ล้านบาท มาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเพิ่มเติมทั้งไบโอดีเซลบี 3 และไบโอดีเซลบี 5 โดยคาดว่าจะมีการอุดหนุนเพิ่มอีกเฉลี่ยลิตรละ 50 สตางค์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้เงินในการอุดหนุนไปแล้วลิตรละ 50 สตางค์
“หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกวิ่งในระดับเกิน 90 เหรียญต่อบาร์เรล การใช้เงินอุดหนุน 1 บาทต่อลิตร จะคิดเป็นการใช้เงินดูแลประมาณกว่า 2,400 ล้านบาท ก็จะดูแลได้ 2 เดือน คือ ถึงก.พ.หรือต้นมี.ค.เป็นอย่างเร็ว หลังจากหมดกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาทแล้ว คงจะต้องให้คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กพช.) พิจารณาว่าจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันหรือไม่อย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การประชุมกบง.วันนี้ จะหารือเรื่องการอุดหนุนราคาดีเซลเพิ่มเติมจากวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กพช.ได้อนุมัติกรอบการช่วยเหลือไว้ที่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาทซึ่งก่อนหน้าได้อุดหนุนดีเซลแล้วลิตรละ 50 สตางค์มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. โดยครั้งนั้นมีผลให้ราคาขายปลีกลดลงไปเพียง 30
สตางค์ต่อลิตร เพราะค่าการตลาดต่ำ และวันนี้คงจะต้องอุดหนุนเพิ่ม เพราะราคาตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการปรับราคาขายปลีกเพิ่มอีก ส่วนจะเท่าใดคงต้องดูอีกครั้ง
“ถือเป็นการดูแลระดับราคาน้ำมันมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50 สตางค์ต่อลิตรมีผล 8 ธ.ค.2553 และต่อมา คือ วงเงิน 5,000 ล้านบาทด้วยการอุดหนุนอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งหากดูราคาจริงๆ น้ำมันดีเซล ถ้าไม่อุดหนุนก็คงจะต้องบวกไป 1 บาทต่อลิตร และจะต้องรวมกับกบง.ครั้งนี้อีกก็น่าจะบาทกว่า” นายวีระพลกล่าว
นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คงจะต้องรอดูนโยบายกบง.ว่าท้ายสุดจะมีมติออกมาอย่างไร จึงจะมีการตัดสินใจปรับราคาขายปลีกอีกครั้งหนึ่ง โดยจะดูราคาปิดตลาดสิงคโปร์เป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากกองทุนฯ ไม่อุดหนุนเพิ่มจะต้องปรับราคากลุ่มดีเซลอีกอย่างต่ำ 40 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าบี 3 ราคาอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตรแต่ บี 5 อยู่ที่ 29.59 บาทต่อลิตร โดยยังไม่ปรับขึ้น เพราะต้องการรักษาส่วนต่างให้ต่ำกว่าบี 3 ไว้ 40 สตางค์ต่อลิตร
“ขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น ควรจะต้องปรับขึ้นอีก ขณะที่กลุ่มเบนซิน 1.50 บาทต่อลิตร หากราคาตลาดโลกสูง โอกาสปรับราคากลุ่มเบนซินจะมีสูงโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์”นายสรัญกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนก.พ.2554 ปรับขึ้น 17 เซนต์ปิดที่ 91.55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดตั้งแต่ต.ค.2551 หรือสูงสุดในรอบ 27 เดือน เช่นเดียวกับดิบเบรนท์ที่ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกันปรับขึ้น 9 เซนต์ปิดที่ 94.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเดือนพ.ย.สูงสุดรอบ 5 เดือน และคาดการณ์สภาพอากาศจะหนาวเย็นลงอีกในปลายม.ค.2554 ซึ่งเท่าที่ดูแล้วถือว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ เพราะมองว่าต้นปีไม่น่าจะเกิน 90 เหรียญต่อบาร์เรล โดยคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่แท้จริงอยู่ที่กก.ละ 14.45 บาท แต่ราคาขายอยู่ที่ 8.50 บาท โดยรัฐบาลต้องอุดหนุนสูงถึงกก.ละ 5 บาท เห็นว่า ควรจะอนุมัติให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นราคาอย่างน้อยกก.ละ 2-4 บาท เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และลดภาระกองทุนน้ำมันฯ พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้ปตท. ขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้น
นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปตท.นั้นขยายสถานีบริการเอ็นจีวีได้เพียง 440 แห่ง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทต้องแบกภาระการขาดทุน จากการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีตั้งแต่ปี 2547-2553 รวมกว่า 23,000 ล้านบาท และหากตรึงราคาเดิม อาจทำให้ปีนี้บริษัทจะขาดทุนเพิ่มอีก 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อแผนการลงทุนขยายท่อก๊าซธรรมชาติอย่างแน่นอน
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากยังไม่ปรับเปลี่ยนราคาขายปลีกน้ำมัน ตามผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ ที่ปรับราคาขายปลีกขึ้น 30 สต./ลิตร โดยจะขอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ก่อน รวมถึงนโยบายกระทรวงพลังงาน ในเรื่องของน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีอัตราการชดเชยในส่วนของ บี 5 และบี 3 หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากบางจาก ยังมีปตท. ที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมัน โดยผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ทั้งเซลล์ เอสโซ่ ปิโตรนาส ที่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดไปแล้ว 30 สต./ลิตร
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (5ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานเป็นประธาน เพื่อเห็นชอบแนวทางการการใช้กรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 5,000 ล้านบาท มาอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเพิ่มเติมทั้งไบโอดีเซลบี 3 และไบโอดีเซลบี 5 โดยคาดว่าจะมีการอุดหนุนเพิ่มอีกเฉลี่ยลิตรละ 50 สตางค์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้เงินในการอุดหนุนไปแล้วลิตรละ 50 สตางค์
“หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกวิ่งในระดับเกิน 90 เหรียญต่อบาร์เรล การใช้เงินอุดหนุน 1 บาทต่อลิตร จะคิดเป็นการใช้เงินดูแลประมาณกว่า 2,400 ล้านบาท ก็จะดูแลได้ 2 เดือน คือ ถึงก.พ.หรือต้นมี.ค.เป็นอย่างเร็ว หลังจากหมดกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาทแล้ว คงจะต้องให้คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กพช.) พิจารณาว่าจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันหรือไม่อย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การประชุมกบง.วันนี้ จะหารือเรื่องการอุดหนุนราคาดีเซลเพิ่มเติมจากวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กพช.ได้อนุมัติกรอบการช่วยเหลือไว้ที่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาทซึ่งก่อนหน้าได้อุดหนุนดีเซลแล้วลิตรละ 50 สตางค์มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. โดยครั้งนั้นมีผลให้ราคาขายปลีกลดลงไปเพียง 30
สตางค์ต่อลิตร เพราะค่าการตลาดต่ำ และวันนี้คงจะต้องอุดหนุนเพิ่ม เพราะราคาตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการปรับราคาขายปลีกเพิ่มอีก ส่วนจะเท่าใดคงต้องดูอีกครั้ง
“ถือเป็นการดูแลระดับราคาน้ำมันมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50 สตางค์ต่อลิตรมีผล 8 ธ.ค.2553 และต่อมา คือ วงเงิน 5,000 ล้านบาทด้วยการอุดหนุนอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งหากดูราคาจริงๆ น้ำมันดีเซล ถ้าไม่อุดหนุนก็คงจะต้องบวกไป 1 บาทต่อลิตร และจะต้องรวมกับกบง.ครั้งนี้อีกก็น่าจะบาทกว่า” นายวีระพลกล่าว
นายสรัญ รังคสิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คงจะต้องรอดูนโยบายกบง.ว่าท้ายสุดจะมีมติออกมาอย่างไร จึงจะมีการตัดสินใจปรับราคาขายปลีกอีกครั้งหนึ่ง โดยจะดูราคาปิดตลาดสิงคโปร์เป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากกองทุนฯ ไม่อุดหนุนเพิ่มจะต้องปรับราคากลุ่มดีเซลอีกอย่างต่ำ 40 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าบี 3 ราคาอยู่ที่ 29.99 บาทต่อลิตรแต่ บี 5 อยู่ที่ 29.59 บาทต่อลิตร โดยยังไม่ปรับขึ้น เพราะต้องการรักษาส่วนต่างให้ต่ำกว่าบี 3 ไว้ 40 สตางค์ต่อลิตร
“ขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น ควรจะต้องปรับขึ้นอีก ขณะที่กลุ่มเบนซิน 1.50 บาทต่อลิตร หากราคาตลาดโลกสูง โอกาสปรับราคากลุ่มเบนซินจะมีสูงโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์”นายสรัญกล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันกล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนก.พ.2554 ปรับขึ้น 17 เซนต์ปิดที่ 91.55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดตั้งแต่ต.ค.2551 หรือสูงสุดในรอบ 27 เดือน เช่นเดียวกับดิบเบรนท์ที่ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกันปรับขึ้น 9 เซนต์ปิดที่ 94.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเดือนพ.ย.สูงสุดรอบ 5 เดือน และคาดการณ์สภาพอากาศจะหนาวเย็นลงอีกในปลายม.ค.2554 ซึ่งเท่าที่ดูแล้วถือว่าราคาน้ำมันปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ เพราะมองว่าต้นปีไม่น่าจะเกิน 90 เหรียญต่อบาร์เรล โดยคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) ที่แท้จริงอยู่ที่กก.ละ 14.45 บาท แต่ราคาขายอยู่ที่ 8.50 บาท โดยรัฐบาลต้องอุดหนุนสูงถึงกก.ละ 5 บาท เห็นว่า ควรจะอนุมัติให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ปรับขึ้นราคาอย่างน้อยกก.ละ 2-4 บาท เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และลดภาระกองทุนน้ำมันฯ พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้ปตท. ขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้น
นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปตท.นั้นขยายสถานีบริการเอ็นจีวีได้เพียง 440 แห่ง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทต้องแบกภาระการขาดทุน จากการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีตั้งแต่ปี 2547-2553 รวมกว่า 23,000 ล้านบาท และหากตรึงราคาเดิม อาจทำให้ปีนี้บริษัทจะขาดทุนเพิ่มอีก 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อแผนการลงทุนขยายท่อก๊าซธรรมชาติอย่างแน่นอน
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากยังไม่ปรับเปลี่ยนราคาขายปลีกน้ำมัน ตามผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ ที่ปรับราคาขายปลีกขึ้น 30 สต./ลิตร โดยจะขอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ก่อน รวมถึงนโยบายกระทรวงพลังงาน ในเรื่องของน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องรอดูว่าจะมีอัตราการชดเชยในส่วนของ บี 5 และบี 3 หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากบางจาก ยังมีปตท. ที่ยังไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมัน โดยผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ทั้งเซลล์ เอสโซ่ ปิโตรนาส ที่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดไปแล้ว 30 สต./ลิตร