นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ หรือ เอ็นจีวี ที่แท้จริงอยู่ที่กิโลกรัมละ 14.45 บาท จากปัจจุบันที่กำหนดราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาทว่า รัฐบาลจำเป็นต้องอนุมัติให้บริษัท ปตท.ปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีอย่างน้อยอีกกิโลกรัมละ 2-4 บาท เพื่อสะท้อนต้นทุน และลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมกับกำหนดเงื่อนไขให้บริษัท ปตท.นั้นขยายสถานีให้บริการเอ็นจีวี ตามแนวท่อก๊าซแทนการใช้สถานีบริการลูกเช่นในปัจจุบัน
นายมนูญ กล่าวต่อไปว่า ผู้ใช้รถนั้นควรเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงทุกประเภท มีโอกาสปรับขึ้นราคา โดยศึกษาสมรรถภาพ และตรวจสอบรถยนต์ วางแผนการเดินทาง รวมถึงพิจารณาการใช้รถยนต์ประเภทอีโคคาร์ เป็นต้น
ด้าน นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปตท.นั้นขยายสถานีบริการเอ็นจีวีได้เพียง 440 แห่ง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทต้องแบกภาระการขาดทุน จากการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีตั้งแต่ปี 2547-2553 รวมกว่า 23,000 ล้านบาท และหากตรึงราคาเดิมอาจทำให้ปีนี้บริษัทขาดทุนเพิ่มอีก 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อแผนการลงทุนขยายท่อก๊าซธรรมชาติอย่างแน่นอน
นายมนูญ กล่าวต่อไปว่า ผู้ใช้รถนั้นควรเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงทุกประเภท มีโอกาสปรับขึ้นราคา โดยศึกษาสมรรถภาพ และตรวจสอบรถยนต์ วางแผนการเดินทาง รวมถึงพิจารณาการใช้รถยนต์ประเภทอีโคคาร์ เป็นต้น
ด้าน นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปตท.นั้นขยายสถานีบริการเอ็นจีวีได้เพียง 440 แห่ง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทต้องแบกภาระการขาดทุน จากการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีตั้งแต่ปี 2547-2553 รวมกว่า 23,000 ล้านบาท และหากตรึงราคาเดิมอาจทำให้ปีนี้บริษัทขาดทุนเพิ่มอีก 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อแผนการลงทุนขยายท่อก๊าซธรรมชาติอย่างแน่นอน