xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯไม่หวั่นศึกซักฟอก ปชป.ขู่ตัดต่อคลิปเจอดีแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (16 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายหลังเปิดการประชุมสภาในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ว่า คงต้องดูตัวญัตติและเนื้อหาสาระ ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ผู้สื่อถามต่อว่า พรรคเพื่อไทยระบุว่า จะเน้นเรื่องการทุจริต และการสลายชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานต้องพร้อมตอบทุกเรื่องอยู่แล้ว ตนไม่หนักใจประเด็นใด พร้อมที่จะชี้แจงอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เกรงว่าประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะถูกนำไปขยายผลในการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ เพราะนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เตรียมตัวอย่างเต็มที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นอย่างนี้มาทุกครั้ง ไม่เป็นไร เป็นเรื่องปฏิบัติหน้าที่กันไป

**สถานะส.ส."พนิช"ต้องรอศาลเขมร
เมื่อถามว่า ขั้นตอนของสภาฯจะเป็นอย่างไร หากศาลมีคำวินิจฉัยให้ถอนการประกันตัวนายจตุพร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องดูคำตัดสินของศาล ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ก่อน เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญ ระบุว่า หากถูกคุมขังต้องให้ประธานร้องขอให้ปล่อยตัว ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ เขาต้องแจ้งประธานสภาฯ ก่อน ถ้าสมมุติว่า มีการจับกุมคุมขังนอกสมัยประชุม พอถึงสมัยประชุม ก็ต้องแจ้งประธานสภาฯ ซึ่งประธานสภาฯ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง
ต่อข้อถามถึงกรณี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ประเทศกัมพูชา พรรคประชาธิปัตย์ได้หารือเพื่อพิจารณาสถานะของนายพนิชหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไร เพราะยังไม่มีคำพิพากษา หากมีคำพิพากษาออกมาต้องดูกันอีกที แต่ว่าทั้งหมดต้องรอให้กระบวนการศาลกัมพูชาเสร็จสิ้นก่อน ถึงจะมีความชัดเจน

**ท้าพท.โชว์หลักฐาน รมต.ปั่นหุ้น
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมรับการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ และกลไกของสภาฯ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ที่ฝ่ายค้านจะทำได้ แต่ควรจะมีการควบคุม และมีความรับผิดชอบในการใช้ข้อมูลตรวจสอบรัฐบาล โดยเท่าที่ทราบฝ่ายค้านได้เตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลใน 2 เรื่อง คือ 1. การดูแลความสงบของประเทศในการชุมนุมทางการเมือง เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.53 พรรคอยากให้มีการตรวจสอบข้อมูลที่จะนำเสนอในที่ประชุมสภาโดยให้หน่วยงานที่เป็นอิสระ และเป็นกลางมาตรวจสอบ เพราะหากใช้คลิปเสียงที่ฝ่ายค้านรู้เห็นในการตัดต่อ ก็จะเข้าข่ายใส่ร้ายรัฐบาล
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องคือ การทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ โดยนายกฯ ได้ยึดกฎเหล็ก 9 ข้อ ในการบริหารประเทศ หากฝ่ายค้านมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็พร้อมนำไปปรับปรุง แต่หากเป็นข้อมูลที่เลื่อนลอย ไม่มีพยาน เช่นที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ที่กล่าวหาว่ามีรัฐมนตรีในรัฐบาลไปตั้งบริษัทนอมินีนอกประเทศ ทำการปั่นหุ้นในประเทศ อยากให้นายพิชัย แสดงหลักฐานว่าเป็นรัฐมนตรีคนใด ตั้งบริษัทอะไร และปั่นหุ้นอะไร หากเป็นจริงรัฐบาลก็พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายด้วยมาตรฐานที่สูงกว่า แต่หากเป็นเพียงเรื่องที่กล่าวมาเรียกน้ำย่อยเพื่อเตรียมอภิปรายโดยไม่มีความจริง รัฐบาลก็จะใช้สิทธิ์ดำเนินการทางกฎหมาย

**“เหลิม”น้อยใจ "เจ๊มิ่ง"นำทีมซักฟอก
นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินมาในที่ประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยส่งสัญญาณให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นผู้นำทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ก็คงจะทำให้เกิดความชัดเจนในตัวผู้นำการอภิปรายได้ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีคนคอยขัดขวางหลายคนก็ตาม แต่เมื่อนายใหญ่ชี้นิ้วบัญชาการมาอย่างนี้แล้ว ก็คงจะไม่มีใครขัดขืน อาจจะแอบบ่นน้อยใจเพียงคนเดียว เหมือนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พลาดโอกาส นายใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ จนต้องเก็บตัวไม่เข้าร่วมประชุมพรรค

**ลิ่วล้องมงายไสยศาสตร์เหมือนนาย

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมายอมรับว่าการหาข้อมูลครั้งนี้ยากกว่าและมีข้อมูลด้อยกว่าการอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมานั้น นายเทพไทกล่าวว่า แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีข้อมูลมากเพียงพอที่จะเปิดอภิปรายได้ เมื่อดูจากหนังสือทุจริตอภิสิทธิ์ชนที่พิมพ์ออกมา ก็เห็นได้ว่าข้อมูลดังกล่าวยิ่งกว่าข้อมูลตัดแปะ เมื่อการอภิปราย 2 ครั้งที่ผ่านมา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การอภิปรายครั้งนี้ก็คงมีแต่ข้อมูลลม
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการปรับโลโก้พรรคเพื่อไทยที่ไม่ถูกโฉลก อาจทำให้ถูกยุบพรรคอีกครั้งว่า ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โลโก้พรรคเป็นตัวอักษรถูกตัดหัวทั้งสิ้น จึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้พรรคเหล่านี้ถูกยุบ อยากจะให้คนในพรรคเพื่อไทยอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ควรงมงายบ้าหมอดูหรือไสยศาสตร์ เหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าพรรคการเมืองไม่โกงเลือกตั้ง ไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ไม่มีวันจะถูกยุบ จะเปลี่ยนแปลงโลโก้อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยอันถาวรของคนในพรรค ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกยุบพรรคได้อย่างแน่นอน

**โพลชี้ 53.2 % คิดรับเงินซื้อเสียง
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องพฤติกรรมการรับเงินซื้อเสียง และจุดยืนทางการเมืองของสาธารณชน โดยทำการสำรวจผ่านตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 18 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 2,604 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-15 ม.ค.54 พบว่า
ประชาชนที่ถูกศึกษา 53.2 % จะรับเงินซื้อเสียง และ 40.2 % ไม่รับ และ 6.6 % ไม่แน่ใจ โดยมีสัดส่วนผู้ชายเป็นผู้ที่ตั้งใจจะรับเงินซื้อเสียงมากกว่าผู้หญิง
ที่น่าเป็นห่วงคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือ 79.5 % ระบุมีการซื้อเสียงในชุมชน หมู่บ้านที่ตนพักอาศัยอยู่ ในขณะที่ 20.5 % คิดว่าไม่มี
เมื่อจำแนกประชาชนที่คาดการณ์ว่าจะมีการซื้อเสียงในชุมชน หมู่บ้านที่ตนเองพักอาศัยอยู่ออกตามพื้นที่ พบว่าประชาชนในเขตเทศบาล ไม่เว้นแม้แต่คน กทม. ส่วนใหญ่คาดว่า จะมีการซื้อเสียงเกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองของสาธารณชนในปัจจุบันนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ 61.1 % ยังคงเป็นกลุ่มพลังเงียบ ขออยู่ตรงกลาง ไม่อยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ในขณะที่ 27.2 % สนับสนุนรัฐบาล และ 11.7 % ไม่สนับสนุนรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น