ASTVผู้จัดการรายวัน- บล.ดีบีเอส ฯเล็งเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศมากขึ้น อย่างต่ำ 6 ครั้ง หวังดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเซีย ผู้บริหาร เผย มีแผนนำอีทีเอฟ -ทีซีอาร์ เทรดในตลาดหุ้นไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนแก่นักลงทุนไทย ลั่น มาร์เกตแชร์ปีนี้ ใกล้เคียงปีก่อนน่าพอใจ
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ในต่างประเทศมากขึ้นทั้งการพาบริษัทจดทะเบียน และการให้นักวิเคราะห์ของบริษัทไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อที่จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างประเทศให้มีความสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น จากทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเซีย จากที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจะไปโรดโชว์ 6 ครั้ง แบ่งเป็นการจัดสัมนาใหญ่ 2 ครั้ง ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบล.ดีบีเอส ฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่ประเทศสิงคโปร์ และอีก 2-4 ครั้ง จะไปยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่รวมการไปให้ข้อมูลของทีมการตลาดของบริษัท ซึ่งในเดือนมกราคมนี้ บริษัทเดินทางไปโรดโชว์ สิงคโปร์ เป็นครั้งแรก
ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้บล.ทุกแห่งก็จะให้ความสำคัญในการไปโรดโชว์ต่างประเทศมากขึ้นเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานปีนี้ของ บล.ดีบีเอส ประเทศไทย ปีนี้จะมีกความพร้อมมากขึ้นในเรื่องการรองรับการทำธุรกรรมทั้งการให้ลูกค้าในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ และการนำลูกค้าต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและบริษัท มีแผนที่จะมีการนำบริษัทกองทุนอีทีเอฟต่าง และการนำใบรับฝากหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนมือได้ (TCR) ของหุ้นต่างประเทศเข้ามาเสนอขายแก่นักลงทุนไทยเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ
"บริษัทมีแผนที่ไปโรดโชว์ เดือนเว้นเดือน เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และมีแผนนำอีทีเอฟต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งอาจจะเป็นอีทีเอฟของประเทศ มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี" รวมถึงการนำ TCR เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นในการทำธุรกิจขาเข้า และขาออกมากขึ้น โดยจะมีบทบาทในการนำนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยใช้เครือข่ายของกลุ่มดีบีเอส ซึ่งเราจะเน้นเป็นช่องทางการลงทุนที่ครบวงจรให้กับนักลงทุน "
นางภัทธีรา กล่าวว่า ในปี 2554 บริษัทจะเริ่มประกอบธุรกิจการยืมและให้ยืม (SBL)ให้ครบวงจรมากขึ้น และส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนซึ่งจะเอื้อให้การทำธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์มากขึ้น และบริษัทจะมีการทำการตลาดเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์ให้มากขึ้น ในการเพิ่มฐานนักลงทุนใก้มากขึ้น และมีการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ อ้างอิงหุ้นที่มีความหลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมีการเสนอขายแก่นักลงทุนในวงจำกัด โดยแต่ละปีมูลค่าการเสนอขายจำนวน 1,000 ล้านบาท
โดยบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้อยู่ที่ 2.5% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีมาร์เกตแชร์ 2.54% นั้นถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจที่สามารถรักษาระดับดังกล่าวจากการแข่งขัน และบริษัทไม่มีการลงทุนเพื่อบัญชีหลักทรัพย์ (พอร์ตเทรด)
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ในต่างประเทศมากขึ้นทั้งการพาบริษัทจดทะเบียน และการให้นักวิเคราะห์ของบริษัทไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อที่จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างประเทศให้มีความสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น จากทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเซีย จากที่เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจะไปโรดโชว์ 6 ครั้ง แบ่งเป็นการจัดสัมนาใหญ่ 2 ครั้ง ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มบล.ดีบีเอส ฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่ประเทศสิงคโปร์ และอีก 2-4 ครั้ง จะไปยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่รวมการไปให้ข้อมูลของทีมการตลาดของบริษัท ซึ่งในเดือนมกราคมนี้ บริษัทเดินทางไปโรดโชว์ สิงคโปร์ เป็นครั้งแรก
ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้บล.ทุกแห่งก็จะให้ความสำคัญในการไปโรดโชว์ต่างประเทศมากขึ้นเพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น
สำหรับแผนการดำเนินงานปีนี้ของ บล.ดีบีเอส ประเทศไทย ปีนี้จะมีกความพร้อมมากขึ้นในเรื่องการรองรับการทำธุรกรรมทั้งการให้ลูกค้าในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ และการนำลูกค้าต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและบริษัท มีแผนที่จะมีการนำบริษัทกองทุนอีทีเอฟต่าง และการนำใบรับฝากหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนมือได้ (TCR) ของหุ้นต่างประเทศเข้ามาเสนอขายแก่นักลงทุนไทยเพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ
"บริษัทมีแผนที่ไปโรดโชว์ เดือนเว้นเดือน เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และมีแผนนำอีทีเอฟต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งอาจจะเป็นอีทีเอฟของประเทศ มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี" รวมถึงการนำ TCR เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นในการทำธุรกิจขาเข้า และขาออกมากขึ้น โดยจะมีบทบาทในการนำนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยใช้เครือข่ายของกลุ่มดีบีเอส ซึ่งเราจะเน้นเป็นช่องทางการลงทุนที่ครบวงจรให้กับนักลงทุน "
นางภัทธีรา กล่าวว่า ในปี 2554 บริษัทจะเริ่มประกอบธุรกิจการยืมและให้ยืม (SBL)ให้ครบวงจรมากขึ้น และส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนซึ่งจะเอื้อให้การทำธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์มากขึ้น และบริษัทจะมีการทำการตลาดเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นกู้อนุพันธ์ให้มากขึ้น ในการเพิ่มฐานนักลงทุนใก้มากขึ้น และมีการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ อ้างอิงหุ้นที่มีความหลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมีการเสนอขายแก่นักลงทุนในวงจำกัด โดยแต่ละปีมูลค่าการเสนอขายจำนวน 1,000 ล้านบาท
โดยบริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้อยู่ที่ 2.5% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีมาร์เกตแชร์ 2.54% นั้นถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจที่สามารถรักษาระดับดังกล่าวจากการแข่งขัน และบริษัทไม่มีการลงทุนเพื่อบัญชีหลักทรัพย์ (พอร์ตเทรด)