xs
xsm
sm
md
lg

ท่านนายกฯครับ...ผมขอมากไปหรือ ?

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

เข้าใจครับว่าขณะนี้คนไทย 7 คนยังไร้อิสรภาพอยู่ในคุกกัมพูชา การพูดหรือการแสดงออกใด ๆ พึงกระทำด้วยความระมัดระวัง และก็เข้าใจเช่นกันว่าท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเจ็บปวดไม่แพ้คนไทยคนไหนในกรณีนี้ แต่จะให้นั่งพับเพียบรอความเมตตาจากกัมพูชาอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่แสดงออกในฐานะคนไทยคนหนึ่งเลยเห็นจะไม่ได้

ทำความเข้าใจร่วมกันเป็นพื้นฐานก่อน ณ ที่นี้ว่าเราพูดและแสดงออกต่อรัฐบาลไทย ถ้าเราจะกดดัน เราก็กดดันรัฐบาลไทย

เราไม่มีหน้าที่ไปพูดไปแสดงออกหรือไปกดดันรัฐบาลกัมพูชา

ถ้าเราพูดแสดงออกและกดดันรัฐบาลชุดนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหนักไปนิดแรงไปหน่อยจนอาจจะทำให้ท่าน “เสียความรู้สึก” ไปบ้าง ก็ขอได้โปรดเข้าใจว่าเป็นเพราะเราเคยตั้งความหวังไว้สูงพอสมควรกับรัฐบาลชุดนี้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเราเริ่มจะ “เสียความรู้สึก” เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ ทั้งในกรณีนี้และกรณีอื่น ผิดหรือครับที่เราเคยฝันเอาไว้ว่าคนที่อุดมไปด้วยคุณสมบัติเพียบพร้อมแถม “เกิดมามีหยกติดตัวมาด้วย” อย่างท่านเมื่อผ่านวิกฤตหนักมา 2 ปีแล้วรอดมาได้น่าจะก้าวข้ามความเป็นนักการเมืองคนหนึ่งไปสู่ประตูแห่งความเป็นรัฐบุรุษ

ถ้ามีมาตรวัดความรู้สึก เชื่อเถอะครับว่าระดับของ “เสียความรู้สึก” ต่อกันนั้นเรามีมากกว่าท่านนายกฯแน่ !

ต่อกรณีจับ 7 คนไทย ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากมายจากท่านนายกฯเลย ขอเพียงให้ท่านยึดมั่นดังคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553เท่านั้น

1 วันหลังคนไทยถูกจับ ท่านแถลงจุดยืนของรัฐบาลไทยต่อกรณีนี้โดยมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงด้วย ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สาระสำคัญของคำแถลงนั้นทำให้สื่อมวลชนแทบทุกสำนักพาดหัวข่าวได้ตรงกัน ขอยกตัวอย่างของสำนัก ASTV ผู้จัดการก็แล้วกันนะครับ...

“นายกฯกร้าวฮุนเซน : ปล่อย 7 คนไทยไร้เงื่อนไข - ปัดกระบวนการศาล”

ขออนุญาตคัดบางส่วนมาให้อ่านกันคำต่อคำ...

“ต้องขอเรียนว่าการจับกุมที่เกิดขึ้น ถ้าจับกุมในเขตแดนของเรา เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้แน่นอนเด็ดขาด แต่การจับกุมครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าเป็นการจับกุมเลยหลักเขตแดนของไทยไปแล้ว กำลังมีการตรวจสอบโดยกระทรวงการต่างประเทศส่งคนลงไปในพื้นที่ พร้อมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อไปดูจุดต่าง ๆ...

“สิ่งที่เราได้ข้อมูลตรงกับทุกฝ่ายคือ คนทั้ง 7 ได้ลงจากรถที่ถนนศรีเพ็ญ แล้วมุ่งหน้าไปทางหลักเขตแดนที่ 46 ที่ยังไม่ตรงกันจากที่มีการรายงานจากที่กัมพูชาอ้าง คือเดินไปไกลแค่ไหน ฉะนั้นอยากเรียนว่า การที่รัฐบาลจะดำเนินการกำหนดท่าทีขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงตรงนี้เป็นสำคัญ ซึ่งกำลังเร่งให้ตรวจสอบ ส่วนที่กัมพูชาระบุว่ามีการพบคนของเราที่วัดโจ๊กเจีย ถ้าเป็นจริงตามนี้ชัดเจนว่าจะเลยเขตแดนของเราที่เรากำหนด แต่ขณะนี้ต้องตรวจสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วัดโจ๊กเจียอยู่ห่างจากจุดที่ถูกควบคุมตัวลึกเข้าไปอีก นอกจากนี้เส้นทางตามที่มีการกล่าวอ้างของคนเหล่านี้ตามที่กัมพูชาอ้าง คือพอเขาไปจากถนน เขาไม่ได้มุ่งตรงจุดที่ใกล้สุดที่เป็นลวดหนาม หรือบริเวณชุมชน แต่เขาอ้อมเข้าไปข้างหลังในจุดที่เลยเขตแดนแต่ยังไม่ถึงตัวชุมชนเพราะอ้อมเลยหลักเขตไปแล้ว....

แต่ไม่ว่ากรณีจับกุมจะเกิดขึ้นที่ฝั่งใดก็ตาม เราเห็นว่าบุคคลทั้ง 7 ควรจะได้รับการปล่อยตัวทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า ทางฝ่ายนโยบายทั้ง 2 ฝ่ายได้เคยคุยกันว่ากรณีที่เกิดปัญหาในชายแดนลักษณะนี้ โดยเฉพาะไม่มีอะไรบ่งบอกว่าคนทั้ง 7 มีอาวุธ ไม่ควรที่จะมีการจับกุมและเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะว่าจะทำให้ปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านเคยเกิดกรณีกับนายวีระ สมความคิด มาแล้วครั้งหนึ่งในบริเวณนี้ ก็ใช้วิธีการประสานงานแล้วก็มีการส่งตัวกลับมา ฉะนั้นในชั้นนี้ถือว่าเรากำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการจับกุมเกิดขึ้นที่บริเวณใด...

“แต่จะเป็นกรณีใดก็ตาม เราต้องการให้มีการปล่อยตัวบุคคลทั้ง 7 ออกมาทันที เราก็ประสานไปยังรัฐบาลกัมพูชาเช่นนั้น อันนี้คือแนวทางที่เราดำเนินการอยู่”

แม้ท่านนายกฯไม่ได้ยืนยันว่าจุดที่ 7 คนไทยถูกจับเป็นแผ่นดินของใครก็จริง เพราะขณะนั้นยังไม่แน่ชัดจากกระบวนการตรวจสอบของรัฐบาล เรื่องนี้แม้จะแตกต่างจากมุมมองของผมและภาคประชาชน แต่ก็ไม่มีใครตำหนิท่านในเรื่องนี้ เพราะคำพูดคำแถลงของรัฐบาลจะให้เหมือนภาคประชาชนคงไม่ได้ แต่ท่านก็ยืนยันหนักแน่นด้วยประโยคที่ขึ้นต้นว่า “แต่ไม่ว่ากรณีจับกุมจะเกิดขึ้นที่ฝั่งใดก็ตาม....” กัมพูชาควรจะต้องปล่อยคนไทยทั้งหมดทันทีโดยไร้เงื่อนไข ไม่ควรเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะว่า “จะทำให้สถานการณ์มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น...” มีความหมายซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัดในประโยคนี้มากมายนะครับ

ท่านนายกฯย่อมจะรู้ดีว่าการที่คนไทยต้องขึ้นศาลกัมพูชามีความหมายละเอียดอ่อนเพียงใด

ทั้งในด้านขั้นตอนการช่วยเหลือ และในด้านการเพิ่มข้ออ้างข้อต่อสู้ของกัมพูชาในการเจรจาเรื่องเขตแดนในโอกาสต่อไป

เรามีจุดยืนเดียวกันครับในเรื่องนี้

ปัญหาที่เราต้องวิพากษ์วิจารณ์ก็คือท่านนายกฯใช้ทุกมาตรการที่มีอยู่อย่างทันท่วงทีแล้วหรือไม่เพื่อให้จุดยืนของรัฐบาลท่าน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2553 ปรากฏเป็นจริง ไม่ใช่เพียงลมปาก ทั้งก่อนหน้าและภายหลังเวลาการแถลง นี่เป็นประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่งคือหากปรากฏว่ากัมพูชาไม่ยินยอมตามนี้แล้วท่านและรัฐบาลไทยจะทำอย่างไรต่อไป

ทั้ง 2 ประการนี้รัฐบาลยังสอบไม่ผ่านครับ !

หากให้มองอย่างเข้าใจ ผมก็มองได้ครับว่าท่านนายกฯอยู่ท่ามกลางวงล้อมของระบบราชการที่เสียประพฤตและขาดจิตสำนึก ทั้งด้านกระทรวงการต่างประเทศ และด้านหน่วยงานความมั่นคงที่โอบอุ้มท่านขึ้นมาเป็นนายกฯ ผมเชื่อว่าลึก ๆ ท่านปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าอะไรเป็นอะไรในกรณีนี้ว่าทำไมและอะไรทำให้คนไทยด้วยกันต้องการให้เขตแดนตรงนั้นมันคลุมเครืออยู่ตลอดไป

ผมเข้าใจและเคยเห็นใจมาตลอด แต่จะให้เห็นใจตลอดไปคงไม่ได้

ผมเฝ้ารอวันที่ท่านจะฝ่าวงล้อมความฟอนเฟะและขาดจิตสำนึกเหล่านั้นออกมาสู้อ้อมอกของภาคประชาชนที่พร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กในท่านดำเนินการปฏิรูปใหญ่ประเทศ จะให้ต้องรอไปถึงไหนครับ

ท่านนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะตอบผมหน่อยสิครับ !
จุดที่คนไทย 7 คนถูกทหารกัมพูชาจับกุม
กำลังโหลดความคิดเห็น