ASTVผู้จัดการรายวัน - "ไตรรงค์" เผยกรอบงบประมาณปี 55 ขาดดุลไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ลดลงจากปี54 ขาดดุล 4.2 แสนล้านบาท ระบุต้องการเข้าสู่กรอบงบประมาณสมดุลภายในปี 59
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจเปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ 4 หน่วยงานว่า สำนักงบประมาณได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณปี 2555 รอบแรก โดยกระทรวงการคลังได้เสนอกรอบการจัดเก็บรายได้มา 1.8 ล้านล้านบาท ภายใต้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ที่ 4.5% อัตราเงินเฟ้อ 3.5% ขณะที่การขาดดุลงบประมาณ รัฐบาลต้องการไม่ให้เกิน 4 แสนล้านบาทหรือ 3.9% ของจีดีพี ลดลงจากงบประมาณปี 2554 ที่ขาดดุล 4.2 แสนล้านบาท
“รัฐบาลต้องการดูแลให้การขาดดุลงบประมาณลดลงจากปีก่อน เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า จะสามารถจัดทำงบประมาณสมดุลได้ภายในปี 2559 ตามที่กระทรวงการคลังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ไว้กับสำนักงบประมาณ ดังนั้นจึงได้ขยับตัวเลขการจัดเก็บรายได้ปี 2555 ขึ้นเป็น 1.9 ล้านล้านบาท และปีนี้ยังจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่การตั้งงบลงทุนจะตั้งตามจริง เพื่อให้สอดคล้องความเป็นจริงมากที่สุด เพราะในแต่ละปีที่ตั้งไว้ 100% แต่พบว่า มีการเบิกจ่ายจริงเพียง 76% เท่านั้น”นายไตรรงค์กล่าว
นายไตรรงค์กล่าวต่อว่า ในงบประมาณปี 2555 จะมีงบประมาณเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเสนอเป็นวาระแรกๆ เพราะกำหมายกำหนดไว้แล้ว หากมีการใช้เงินคงคลังเท่าใด จะต้องตั้งชดเชยเต็มจำนวนทันทีในงบประมาณปีถัดไป ขณะที่กรอบเพดานการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลจะตั้งไว้ที่ 4.1 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงต้องตั้งขาดดุลไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ส่วนการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลนั้น จะเป็นลักษณะการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน(พีพีพี) เพื่อดึงเม็ดเงินการลงทุนของอกชนมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากการจัดทำงบประมารปี 2555 จะตั้งขาดดุลไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ภายใต้งบประมารรายได้ที่ 1.9 ล้านล้านบาท จึงคาดว่า งบประมาณรายจ่ายน่าจะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท.
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจเปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ 4 หน่วยงานว่า สำนักงบประมาณได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณปี 2555 รอบแรก โดยกระทรวงการคลังได้เสนอกรอบการจัดเก็บรายได้มา 1.8 ล้านล้านบาท ภายใต้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ที่ 4.5% อัตราเงินเฟ้อ 3.5% ขณะที่การขาดดุลงบประมาณ รัฐบาลต้องการไม่ให้เกิน 4 แสนล้านบาทหรือ 3.9% ของจีดีพี ลดลงจากงบประมาณปี 2554 ที่ขาดดุล 4.2 แสนล้านบาท
“รัฐบาลต้องการดูแลให้การขาดดุลงบประมาณลดลงจากปีก่อน เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า จะสามารถจัดทำงบประมาณสมดุลได้ภายในปี 2559 ตามที่กระทรวงการคลังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ไว้กับสำนักงบประมาณ ดังนั้นจึงได้ขยับตัวเลขการจัดเก็บรายได้ปี 2555 ขึ้นเป็น 1.9 ล้านล้านบาท และปีนี้ยังจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่การตั้งงบลงทุนจะตั้งตามจริง เพื่อให้สอดคล้องความเป็นจริงมากที่สุด เพราะในแต่ละปีที่ตั้งไว้ 100% แต่พบว่า มีการเบิกจ่ายจริงเพียง 76% เท่านั้น”นายไตรรงค์กล่าว
นายไตรรงค์กล่าวต่อว่า ในงบประมาณปี 2555 จะมีงบประมาณเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเสนอเป็นวาระแรกๆ เพราะกำหมายกำหนดไว้แล้ว หากมีการใช้เงินคงคลังเท่าใด จะต้องตั้งชดเชยเต็มจำนวนทันทีในงบประมาณปีถัดไป ขณะที่กรอบเพดานการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลจะตั้งไว้ที่ 4.1 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงต้องตั้งขาดดุลไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ส่วนการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลนั้น จะเป็นลักษณะการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน(พีพีพี) เพื่อดึงเม็ดเงินการลงทุนของอกชนมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากการจัดทำงบประมารปี 2555 จะตั้งขาดดุลไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ภายใต้งบประมารรายได้ที่ 1.9 ล้านล้านบาท จึงคาดว่า งบประมาณรายจ่ายน่าจะอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านบาท.