เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (6 ม.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบโอวาทแก่เด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า เด็กและเยาวชนคือผู้ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติ และเป็นอนาคตของประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญแก่เด็กและเยาวชนเป็นพิเศษ
ในแผนการปฏิรูปประเทศไทยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของเด็กและเยาวชน โดยเริ่มตั้งแต่แม่ที่ตั้งครรภ์ เด็กแรกเกิด เด็กเล็ก และเยาวชน ทั้งในเรื่องการเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอน การพัฒนาทักษะ จนถึงการช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งแนวทางนี้ นอกเหนือจากเป็นการสร้างโอกาสเพื่อความเสมอภาคเท่าเทียมแล้ว ยังจะเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับความเข้มแข็งของประเทศชาติบ้าน เมืองต่อไป
ในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2554 นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กไว้ว่า "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ" ซึ่งคำขวัญนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ความเป็นจริงของโลก ปัจจุบัน และความจำเป็นที่เด็กและเยาวชน จะต้องมีความสามารถในการอยู่ในโลกปัจจุบัน และเติบโตขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีคุณภาพได้ เพราะโลกปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร เป็นโลกของการแข่งขัน ฉะนั้นในแต่ละวัน เด็กและเยาวชนต้องรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ มากมาย ขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ในภาวะที่จะต้องมีการแข่งขัน ทั้งด้านการเรียนหรือด้านอื่นๆ ซึ่งทำให้เราต้องการที่จะเห็นเด็กและเยาวชนนั้นเผชิญกับสภาวะอย่างนี้ได้โดย สามารถที่จะพัฒนาตัวเอง และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการรับข้อมูลข่าวสารว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญ แต่การรับข้อมูลข่าวสารนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างรอบด้าน หากรับข้อมูลข่าวสารเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ครบถ้วน ก็จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ผิด
ฉะนั้นการใช้คำว่า "รอบคอบ" เพราะต้องการให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความเป็นจริงว่า หลายสิ่งหลายอย่างมีความสลับซับซ้อน มีหลายแง่มุม การที่จะรับข่าวสาร การที่จะตัดสินใจ การที่จะมีความคิดเห็นในเรื่องใดก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความรอบคอบ
"รู้คิด" ก็เป็นการที่จะต้องมีการยับยั้งชั่งใจที่จะพิจารณาอย่างถ่องแท้ในข้อมูลข่าวสาร หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยต้องรู้จักคิด กลั่นกรอง พิจารณาว่าสิ่งใดเป็นคุณ เป็นโทษ เฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ตกเป็นเหยื่อในสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น แต่สามารถที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
"มีจิตสาธารณะ" เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นรุนแรง ถ้าแต่ละคนคิดถึงแต่ตัวเอง สังคมก็จะมีแต่ความเห็นแก่ตัว เรื่องสำคัญของส่วนรวม สังคม บ้านเมือง ก็จะถูกละเลยไป คนจะขาดน้ำใจไมตรีต่อกัน สังคมจะมีแต่การแก่งแย่ง มีแต่ความเลวร้าย และสุดท้ายก็ทำให้ชีวิตของทุกคนไม่มีความสุข ไม่สามารถที่จะมีคุณภาพได้ แต่หากทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ คำนึงถึงส่วนรวม ร่วมใจกันรักษาสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และวัฒนธรรม เป็นหลักชัย เป็นรากฐานความมั่นคงและความเป็นไทย ก็จะทำให้ทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้ในสังคมที่ดี มีความเข้มแข็ง มีความเอื้ออาทรต่อกัน
ดังนั้น คำขวัญ "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ" จึงมอบให้กับเด็กในยุคปัจจุบันเพื่อใช้เป็นแนวทางในการที่จะปฏิบัติตน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเอง และการพัฒนาสังคมที่ดียิ่งขึ้นไป
" ผมขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคน มุ่งมั่นที่จะให้มีการพัฒนาเพื่อให้คนสามารถเรียนรู้เพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ อย่างมีคุณภาพ ต้องการที่จะเห็นบุคลากรของประเทศมีความคิดที่ก้าวหน้า สร้างสรรค์ ตามนโยบายของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศ และการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ซึ่งเป็นการปฏิรูปทั้งระบบ และนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษา และการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความ รู้ และการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผลและพอเพียง ผมหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะได้ช่วยกันผลักดันให้เกิดความสำเร็จตามเป้าหมายของการปฏิรูปอย่างมี ประสิทธิภาพต่อไป"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะเดียวกันนายกฯ ได้กล่าว แสดงความชื่นชมยินดีกับเด็กและเยาวชนดีเด่น ที่ได้นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติทุกคน ว่า เป็นรางวัลที่ทุกคนควรจะมีความภาคภูมิใจ โดยขอให้ทุกๆ คนได้ดำรงรักษาคุณความดี ความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนรู้ การฝึกฝนทักษะ การปฏิบัติตนเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีความกตัญญู และทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมไว้ให้ยั่งยืนตลอดไป
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเด็ก แม้ว่าเรากำลังจะทำให้เด็กมีความสุข แต่สิ่งที่ต้องตระหนัก และเตรียมการให้ดี คือเตรียมรับสถานการณ์ปัญหาที่จะเกิดกับเด็กๆด้ว ยคือ
1.ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อันดับหนึ่ง ที่เด็กๆได้ตกเป็นเหยื่อทั้งร่วมเสพ ครอบครองและจำหน่าย โดยตัวแปรที่สำคัญอยู่ที่การกวาดล้างจับกุมอย่างจริงจัง และสกัดการนำเข้าอย่างได้ผล
2 ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นมากขึ้น ทั้งจำนวนและกลุ่มอายุที่น้อยลง โดยจะมีปัญหาการท้อง การคลอดลูกและทิ้ง การทำแท้ง และเป็นแม่วัยรุ่นปรากฏขึ้นอย่างมากมาย ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ครอบครัวจะต้องมีบทบาทในการเอาใจใส่ ให้ความใกล้ชิด การให้ความรู้ทางเพศศึกษาที่ถูกต้องและอย่างทั่วถึง จึงจะลดปัญหาได้
3. ปัญหาการใช้ความรุนแรงซึ่งจะมีปรากฏการณ์การใช้ความรุนแรงต่อกันมากขึ้น ทั้งยกพวกตีกัน การรังแกข่มเหงเด็กอายุน้อยกว่า การรุมโทรมเด็กหญิง และการแสดงออกที่รุนแรงของการฝ่าฝืนกฎหมาย ตัวแปรสำคัญอยู่ที่การส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชนทำกิจกรรมที่หลากหลายอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการปรับพลังขับดันภายในไปสู่การแสดงออกที่สร้างสรรค์
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า กลสำคัญในการทำให้ตัวแปรปกป้องคุ้มครองเด็กเกิดผลในทางปฏิบัติ คือ
1. องค์กรท้องถิ่น เช่น อบต. เทศบาล และอบจ. ต้องกำหนดงานด้านการดูแลและพัฒนาเด็กเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆในการทำงานพื้นที่พร้อมกำหนดงบประมาณเข้าดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะพื้นที่ย่อมรับรู้และเข้าใจว่าเด็กๆในพื้นที่ของตนประสบปัญหาอะไร และต้องการการส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องใด
2. สภาเด็กและเยาวชนทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับอำเภอและรดับตำบลต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายและส่วนพื้นที่อย่างจริงจัง ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลเด็กและเยาวชน ทั้งการเข้าร่วมวางแผน มาตรการและร่วมลงมือปฏิบัติ เพราะสภาเด็กและเยาวชนนี้คือกลไกที่เกิดจากเด็กและเยาวชน เข้าใจความคิด เข้าใจความต้องการและปัญหาของกลุ่มเป้าหมายตัวเองได้ดีกว่าผู้ใหญ่
ในแผนการปฏิรูปประเทศไทยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของเด็กและเยาวชน โดยเริ่มตั้งแต่แม่ที่ตั้งครรภ์ เด็กแรกเกิด เด็กเล็ก และเยาวชน ทั้งในเรื่องการเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอน การพัฒนาทักษะ จนถึงการช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งแนวทางนี้ นอกเหนือจากเป็นการสร้างโอกาสเพื่อความเสมอภาคเท่าเทียมแล้ว ยังจะเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับความเข้มแข็งของประเทศชาติบ้าน เมืองต่อไป
ในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2554 นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กไว้ว่า "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ" ซึ่งคำขวัญนี้ นายกฯได้ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ความเป็นจริงของโลก ปัจจุบัน และความจำเป็นที่เด็กและเยาวชน จะต้องมีความสามารถในการอยู่ในโลกปัจจุบัน และเติบโตขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีคุณภาพได้ เพราะโลกปัจจุบันเป็นโลกของข้อมูลข่าวสาร เป็นโลกของการแข่งขัน ฉะนั้นในแต่ละวัน เด็กและเยาวชนต้องรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ มากมาย ขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ในภาวะที่จะต้องมีการแข่งขัน ทั้งด้านการเรียนหรือด้านอื่นๆ ซึ่งทำให้เราต้องการที่จะเห็นเด็กและเยาวชนนั้นเผชิญกับสภาวะอย่างนี้ได้โดย สามารถที่จะพัฒนาตัวเอง และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการรับข้อมูลข่าวสารว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญ แต่การรับข้อมูลข่าวสารนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างรอบด้าน หากรับข้อมูลข่าวสารเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ครบถ้วน ก็จะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ผิด
ฉะนั้นการใช้คำว่า "รอบคอบ" เพราะต้องการให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความเป็นจริงว่า หลายสิ่งหลายอย่างมีความสลับซับซ้อน มีหลายแง่มุม การที่จะรับข่าวสาร การที่จะตัดสินใจ การที่จะมีความคิดเห็นในเรื่องใดก็ตาม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความรอบคอบ
"รู้คิด" ก็เป็นการที่จะต้องมีการยับยั้งชั่งใจที่จะพิจารณาอย่างถ่องแท้ในข้อมูลข่าวสาร หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยต้องรู้จักคิด กลั่นกรอง พิจารณาว่าสิ่งใดเป็นคุณ เป็นโทษ เฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ตกเป็นเหยื่อในสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น แต่สามารถที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
"มีจิตสาธารณะ" เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นรุนแรง ถ้าแต่ละคนคิดถึงแต่ตัวเอง สังคมก็จะมีแต่ความเห็นแก่ตัว เรื่องสำคัญของส่วนรวม สังคม บ้านเมือง ก็จะถูกละเลยไป คนจะขาดน้ำใจไมตรีต่อกัน สังคมจะมีแต่การแก่งแย่ง มีแต่ความเลวร้าย และสุดท้ายก็ทำให้ชีวิตของทุกคนไม่มีความสุข ไม่สามารถที่จะมีคุณภาพได้ แต่หากทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ คำนึงถึงส่วนรวม ร่วมใจกันรักษาสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และวัฒนธรรม เป็นหลักชัย เป็นรากฐานความมั่นคงและความเป็นไทย ก็จะทำให้ทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้ในสังคมที่ดี มีความเข้มแข็ง มีความเอื้ออาทรต่อกัน
ดังนั้น คำขวัญ "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ" จึงมอบให้กับเด็กในยุคปัจจุบันเพื่อใช้เป็นแนวทางในการที่จะปฏิบัติตน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเอง และการพัฒนาสังคมที่ดียิ่งขึ้นไป
" ผมขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคน มุ่งมั่นที่จะให้มีการพัฒนาเพื่อให้คนสามารถเรียนรู้เพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ อย่างมีคุณภาพ ต้องการที่จะเห็นบุคลากรของประเทศมีความคิดที่ก้าวหน้า สร้างสรรค์ ตามนโยบายของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศ และการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ซึ่งเป็นการปฏิรูปทั้งระบบ และนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษา และการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความ รู้ และการประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผลและพอเพียง ผมหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะได้ช่วยกันผลักดันให้เกิดความสำเร็จตามเป้าหมายของการปฏิรูปอย่างมี ประสิทธิภาพต่อไป"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะเดียวกันนายกฯ ได้กล่าว แสดงความชื่นชมยินดีกับเด็กและเยาวชนดีเด่น ที่ได้นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติทุกคน ว่า เป็นรางวัลที่ทุกคนควรจะมีความภาคภูมิใจ โดยขอให้ทุกๆ คนได้ดำรงรักษาคุณความดี ความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนรู้ การฝึกฝนทักษะ การปฏิบัติตนเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีความกตัญญู และทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมไว้ให้ยั่งยืนตลอดไป
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเด็ก แม้ว่าเรากำลังจะทำให้เด็กมีความสุข แต่สิ่งที่ต้องตระหนัก และเตรียมการให้ดี คือเตรียมรับสถานการณ์ปัญหาที่จะเกิดกับเด็กๆด้ว ยคือ
1.ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อันดับหนึ่ง ที่เด็กๆได้ตกเป็นเหยื่อทั้งร่วมเสพ ครอบครองและจำหน่าย โดยตัวแปรที่สำคัญอยู่ที่การกวาดล้างจับกุมอย่างจริงจัง และสกัดการนำเข้าอย่างได้ผล
2 ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นมากขึ้น ทั้งจำนวนและกลุ่มอายุที่น้อยลง โดยจะมีปัญหาการท้อง การคลอดลูกและทิ้ง การทำแท้ง และเป็นแม่วัยรุ่นปรากฏขึ้นอย่างมากมาย ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ครอบครัวจะต้องมีบทบาทในการเอาใจใส่ ให้ความใกล้ชิด การให้ความรู้ทางเพศศึกษาที่ถูกต้องและอย่างทั่วถึง จึงจะลดปัญหาได้
3. ปัญหาการใช้ความรุนแรงซึ่งจะมีปรากฏการณ์การใช้ความรุนแรงต่อกันมากขึ้น ทั้งยกพวกตีกัน การรังแกข่มเหงเด็กอายุน้อยกว่า การรุมโทรมเด็กหญิง และการแสดงออกที่รุนแรงของการฝ่าฝืนกฎหมาย ตัวแปรสำคัญอยู่ที่การส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชนทำกิจกรรมที่หลากหลายอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการปรับพลังขับดันภายในไปสู่การแสดงออกที่สร้างสรรค์
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า กลสำคัญในการทำให้ตัวแปรปกป้องคุ้มครองเด็กเกิดผลในทางปฏิบัติ คือ
1. องค์กรท้องถิ่น เช่น อบต. เทศบาล และอบจ. ต้องกำหนดงานด้านการดูแลและพัฒนาเด็กเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆในการทำงานพื้นที่พร้อมกำหนดงบประมาณเข้าดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะพื้นที่ย่อมรับรู้และเข้าใจว่าเด็กๆในพื้นที่ของตนประสบปัญหาอะไร และต้องการการส่งเสริมและสนับสนุนเรื่องใด
2. สภาเด็กและเยาวชนทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับอำเภอและรดับตำบลต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายและส่วนพื้นที่อย่างจริงจัง ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลเด็กและเยาวชน ทั้งการเข้าร่วมวางแผน มาตรการและร่วมลงมือปฏิบัติ เพราะสภาเด็กและเยาวชนนี้คือกลไกที่เกิดจากเด็กและเยาวชน เข้าใจความคิด เข้าใจความต้องการและปัญหาของกลุ่มเป้าหมายตัวเองได้ดีกว่าผู้ใหญ่