xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

น่าเศร้าเพราะเรายังขายของเก่ากิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวไทยส่วนใหญ่คงได้ยินเรื่องราว หรือได้ไปชมความน่าอภิรมย์ของอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมาแล้ว ผมเพิ่งมีโอกาสผ่านไปเห็นสองครั้งเมื่อเร็วๆ นี้เนื่องจากมีผู้ใหญ่ชวนให้ไปร่วมงานในฐานะผู้มีพื้นความรู้ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและสิ่งแวดล้อม ก่อนไปที่นั่น ผมได้รับการบอกเล่าจากผู้ที่ไปพบปะสังสรรค์และประชุมสัมมนากันตามรีสอร์ตต่างๆ ว่า อากาศในย่านวังน้ำเขียวเย็นสบาย

หลังจากได้สัมผัสอากาศและสภาพแวดล้อมของวังนำเขียวสองครั้ง ผมมองว่าแม้อากาศที่นั่นจะค่อนข้างเย็นสบายจนทำให้ผมสูดอากาศเข้าปอดได้เต็มที่ก็จริง แต่สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปทำให้ผมเศร้าใจมากเนื่องจากมันยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า การพัฒนาของไทยจะไม่มีทางยั่งยืนเพราะวางอยู่บนฐานของการทำไร่เลื่อนลอยและขายของเก่ากิน

สำหรับผู้ที่อาจหลงลืมไป ขอทบทวนเรื่องไร่เลื่อนลอยว่าเป็นการทำเกษตรกรรมโดยการเผาป่าเพื่อนำที่ดินมาปลูกพืชล้มลุก หลังใช้ที่ดินนั้นปลูกพืชจนดินจืดเมื่อปุ๋ยธรรมชาติในดินหมดไปซึ่งอาจเป็นในช่วงเวลา 3-5 ปี เกษตรกรก็จะละทิ้งพื้นที่ตรงนั้นแล้วพากันอพยพไปเผาป่าตรงที่ใหม่ ป่าที่ถูกทำลายมักกลายเป็นทุ่งหญ้าคามากกว่าจะคืนสภาพกลับมาเป็นป่าเช่นเดิม เมืองไทยในอดีต สภาพเช่นนั้นมักเกิดขึ้นทางภาคเหนือเมื่อชาวเขาเผาป่าเพื่อนำที่ดินมาปลูกข้าวผสมผสานกับการปลูกฝิ่น

แต่ในปัจจุบันนี้ ผู้ที่เผาป่าคือผู้มีอิทธิพลและนายทุนขนาดใหญ่ซึ่งนำที่ดินมาทำสวนผลไม้และไร่พืชเชิงเดี่ยว จะเห็นว่า ณ วันนี้ยังมีการเผาป่ากันอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะป่ารอบๆ เขตป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติในภาคเหนือ มีรายงานว่าผู้บงการเผาป่าบางคนเป็นญาติของนักโทษไทยที่หนีคุกไปบงการเผาบ้านเผาเมืองตัวเองอยู่ในต่างแดน

ย่านวังน้ำเขียวมีรีสอร์ตและบ้านผุดขึ้นปานดอกเห็ดเพราะมันกำลังเป็นที่นิยมของนักจัดสัมมนาและมหาเศรษฐีที่มองหาย่านสร้างบ้านไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ การซื้อขายที่ดินด้วยราคาแพงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายทั้งที่พื้นที่ตรงนั้นยังไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายกันได้ตามกฎหมายที่ดิน หากมองให้ลึกลงไปจะเห็นว่าวิวัฒนาการนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำไร่เลื่อนลอยซึ่งเกิดขึ้นตามแหล่งต่างๆ ของประเทศ การเผาป่าเพื่อนำที่ดินมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวเกิดขึ้นเรื่อยมาในช่วงเวลา 50-60 ปีจากวันที่เรามีนโยบายเร่งรัดพัฒนาประเทศ แม้แต่ที่ดินตามชายฝั่งและเกาะต่างๆ ก็ถูกทำลาย การตัดป่าไม้โกงกางเพื่อนำพื้นที่มาทำบ่อกุ้งเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

ตัวอย่างทางด้านการสร้างรีสอร์ตได้แก่ทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไทยซึ่งเริ่มเมื่อหลายสิบปีก่อนที่บางแสน หลังบางแสนเสื่อมโทรมและหมดความนิยมลงก็เลื่อนไปพัทยาเหนือ แล้วลงไปพัทยาใต้ต่อไปถึงหาดจอมเทียน และเกาะช้างเกาะกูด ทางฝั่งตะวันตกของอ่าวไทยก็เริ่มจากหัวหินแล้วลามถึงชะอำ ปราณบุรี เกาะสมุย และพะงัน

ส่วนทางฝั่งทะเลอันดามันก็ที่ภูเก็ต เกาะในเขตจังหวัดตรังและชายฝั่งจังหวัดพังงา สถานที่เหล่านั้นส่วนใหญ่เกิดจากการทำลายป่าเพื่อนำเนื้อที่มาสร้างโรงแรม รีสอร์ตและบ้านพักตากอากาศ การทำลายป่ามักตามมาด้วยความสกปรกของผืนดินชายฝั่งและน้ำทะเล นอกจากนั้นยังมีบริการโสเภณีที่มีทั้งแบบลับๆ และแบบออกหน้าออกตา เช่น ที่พัทยาเหนือจนทำให้เมืองไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเพื่อปลดเปลื้องความคั่งค้างทางเพศ

หลังจากได้เห็นอำเภอวังน้ำเขียวกลายเป็นเนินเขาหัวโล้นโดยทั่วไป และแทบจะไม่มีนกบินไปมาให้เห็น ผมนึกถึงหนังสือเรื่อง Silent Spring ของ Rachel Carson เรื่อง An Inconvenient Truth ของ Al Gore และเรื่อง Collapse ของ Jared Diamond เล่มแรกพูดถึงความเงียบเหงาของธรรมชาติเมื่อปราศจากเสียงนก สภาพเช่นนั้นเกิดขึ้นเพราะสารเคมีจำพวกดีดีทีได้เข้าไปทำลายสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เปลือกของไข่นกเปราะบางจนฟักออกเป็นตัวไม่ได้ ผู้แต่งเรียกความสนใจได้สูงมากจนในที่สุดสารเคมีจำพวกดีดีทีก็ถูกห้าม

อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปสำหรับตัวเขาเองที่ต้องตายก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งซึ่งสารเคมีอาจมีส่วนทำให้เกิดขึ้น การที่นกหายไปจากวังน้ำเขียวนั้นอาจเกิดจากการทำลายป่าแบบน่าอดสูจนนกไม่มีที่จะอยู่อาศัยจำเป็นต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น หรือจากการใช้สารเคมีทำไร่ในย่านนั้นจนเกิดผลกระทบทางลบต่อการขยายพันธุ์ของนกก็ได้

ส่วนหนังสือสองเล่มหลังซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้วทั้งคู่พูดถึงเกาะฮิสปันโยลาอันเป็นดินแดนแห่งแรกของโลกใหม่ที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางไปถึงเมื่อปี พ. ศ. 2035 ในปัจจุบันเกาะนี้เป็นที่ตั้งของทั้งสาธารณรัฐโดมินิกันและเฮติ ผู้แต่งนำภาพถ่ายทางอากาศมาเสนอ ภาพนั้นแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดว่าทางฝั่งโดมินิกันยังมีพื้นที่สีเขียวอยู่ทั่วไป ส่วนทางฝั่งเฮติได้กลายเป็นสีน้ำตาลเกือบทั้งหมด การนำเกาะนั้นมาเสนอก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า การทำลายป่านำมาซึ่งความล่มสลายเนื่องจากการทำลายป่าก็คือการทำลายตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ความล่มสลายของเฮติมิใช่ของใหม่เนื่องจากการทำลายป่าได้ทำให้สังคมล่มสลายมามากต่อมากแล้ว หากย้อนไปดูสังคมใหญ่ๆ ในยุคบาบิโลนในตะวันออกกลาง ยุคโรมันในทางตอนใต้ของยุโรปและสังคมมายาในอเมริกากลางจะเห็นว่าการทำลายป่าเป็นปัจจัยสำคัญของการทำให้สังคมเหล่านั้นล่มสลาย

เมื่อผมเข้าไปดูภาพถ่ายทางอากาศของเมืองไทยในอินเทอร์เน็ตก็พบว่า บริเวณวังน้ำเขียวและเขาใหญ่มีสภาพไม่ต่างกับเฮติและโดมินิกันแม้แต่น้อย นั่นจะเป็นการบอกอะไรกับใครอย่างไรหรือไม่ผมไม่อาจเดา แต่สำหรับผมมันตอกย้ำให้เกิดความแน่ใจอีกครั้งหนึ่งว่า การพัฒนาของไทยเป็นแบบการทำไร่เลื่อนลอยและขายของเก่ากินติดต่อกันมาเป็นเวลานานและยังดำเนินต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง ตัวเลขต่างๆ จำพวกรายได้ประชาชาติ หรือจีดีพี และการอยู่ดีกินดีที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 50-60 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่มีการทำลายป่าเพื่อนำที่ดินมาใช้ในกิจการต่างๆ เป็นส่วนประกอบสำคัญ ร้ายยิ่งกว่านั้น เมื่อการทำลายป่าก่อให้เกิดรายได้ก็ถูกนำไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายด้วยการก่อสร้างสิ่งต่างๆ ซึ่งใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าดังที่คอลัมน์นี้ได้ชี้ให้เห็นแล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา

การทำลายป่าไม่ได้นำมาซึ่งการลงทุนแบบยั่งยืน ฉะนั้น เมื่อป่าหมดไป เมืองไทยก็จะไม่มีทุนสำหรับพัฒนาต่ออย่างเพียงพอซึ่งจะทำให้การพัฒนาหยุดชะงัก ร้ายยิ่งกว่านั้นประเทศอาจล่มจมแบบเฮติก็ได้หากการทำลายป่ายังไม่หยุดยั้งยังผลให้คนไทยมีใจอำมหิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนฆ่าฟันกันเองได้เช่นชาวเฮติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปีสองปีมานี้ชี้ให้เห็นว่าจิตใจของคนไทยเริ่มวิวัฒน์ไปในทางนั้นแล้ว

ทางออกสำคัญอยู่ที่การเปลี่ยนฐานของการคิดให้เป็นไปในแนวเศรษฐกิจพอเพียงโดยเฉพาะความรู้จักพอของผู้ที่มีอันจะกินแล้ว รัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินนโยบายและสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงดังที่ได้เสนอไว้ในหนังสือชื่อ “สู่ความเป็นอยู่แบบยั่งยืน” และ “ทางข้ามเหว” ซึ่งมีแจกให้ผู้สนใจตามที่เรียนไว้ในเว็บไซต์ www.sawaiboonma.com
กำลังโหลดความคิดเห็น