ASTV ผู้จัดการรายวัน -เอ็น.ซี.ฯระบุแดงชุมนุมการเมืองป่วนไม่มีผลต่อตลาดรวม ชี้ลูกค้ายังเร่งซื้อ-โอน เหตุกลัวไม่ได้ประโยนช์จากภาษี ส่งผลยอดขาย2เดือนแรกโตกว่าช่วงปลายปี แจงสต็อกบ้านพร้อมอยู่ถูกระบายกว่าครึ่ง พร้อมเร่งก่อสร้างบ้านรักษาสต็อก 400-500 ล้านบาท ย้ำชัดแนวโน้มยอดขายบ้านแฝดมาแรงแซงทาวน์เฮาส์ เชื่อไตรมาส 2 ตลาดขยายตัวต่อเหตุแนวโน้มดอกเบี้ยยังต่ำ เศรษฐกิฟื้นตัวเต็มที่ ไม่หวั่นการเมืองเดือดเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่หาดจอมเทียน 26 มี.ค.นี้
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น .ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาสแรกยังขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีปัจจัยลบด้านการเมืองเข้ามาแต่กลับไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเนื่องจากการชุมนุมไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าคลายความกังวล ในขณะที่การสิ้นสุดอายุมาตรการทางภาษีในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ กลับสร้างความกังวลต่อผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่าปัญหาด้านการเมือง
จากความกังวลของลูกค้าที่เกรงว่าจะโอนบ้านไม่ทันมาตรการภาษีที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 2/8 มีนาคมนี้ ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 53 นี้มียอดการซื้อบ้านในตาดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยในส่วนของ เอ็น.ซี.ฯนั้นสามารถระบายสต็อกบ้านพร้อมอยู่ ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดออกไปกว่า 50% ของสต็อก ซึ่งปกติบริษัทจะมีสต็อกบ้านไว้รองรับลูกค้าในมือทั้งปี 400-500 ล้านบาท ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา เอ็น.ซี.ฯต้องเร่งก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่เพื่อรักษาระดับสต็อกให้มอยู่ในระดับเดิมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้กลุ่มที่อยู่อาศัย ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคือกลุ่มบ้านแฝด จาก เดิมที่คาดการณ์ว่ากลุ่มทาวน์เฮาส์จะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้าเห็นว่ารูปแบบของบ้านแฝดในปัจจุบัน มีการออกแบบฟังค์ชั่นการใช้งาน การจัดสรรพื้นที่ใช้สอย และรูปแบบบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าทาวน์เฮาส์ ในขณะที่ราคาขายไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้บ้านแฝดเริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มมาขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมาสต็อกบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดพร้อมอยู่ของบริษัทถูกระบายออกไปเกือบหมด ทำให้บริษัทต้องเร่งงานสร้างบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด เพื่อทดแทนสต็อกเก่าที่ระบายออกไป โดยคาดว่าสต็อกใหม่ที่เข้ามาจะมีมูลค่ารวมประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในช่วงที่เหลือได้”นายสมนึกกล่าว
นายสมนึก กล่าวว่า สำหรับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของลูกค้าที่คาดว่าจะยังส่งผลต่อตลาดอสังหาฯโดยรวมนั้น เชื่อว่าผลกระทบมีน้อยมาก เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯได้รับผลกระทบจากการเมืองมาโดยตลอด ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการมีการเตรียมแผนรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นไว้รับสถานการณ์ในกรณีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ในขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็เริ่มชินกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
“ ปัญหาการเมืองที่จะเข้ามากระทบตลาดอสังหาฯนั้นเชื่อว่ายังไม่สิ้นสุด แม้ว่าการชุมชุนในช่วงนี้จะหยุดไป แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะยังมีปัญหาอื่นๆ เข้ามาอีก ทำให้บริษัทมีแผนเตรียมรับมือปัญหาไว้ล่วงหน้าแล้ว เชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็เช่นกัน”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ บริษัทมีแผนจะจัดแคมเปญพิเศษ พร้อมการออกบูท ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ในระหว่างวันที่19-28 มี.ค.นี้ โดยจะนำบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดรวมถึงทาวน์เฮาส์ จาก 4 โครงการของบริษัทมาออกบูท มอบส่วนลด และแจกของแถมสำหรับลูกค้าที่จองซื้อบ้านภายในงานด้วย
นายสมนึก กล่าวว่า สำหรับในช่วงไตรมาส 2 หลังจากที่มาตรการภาษีอสังหาฯสิ้นสุดลง เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อตลาดรวม เนื่องจากตลาดอสังหาฯสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ชัดเจน และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีการขยายตัวที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาจะยิ่งส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ในขณะเดียวกันแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงเชื่อว่าลูกค้าจะยังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการตัดสินใจเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวในเมืองพัทยา ที่หาดจอมเทียนของบริษัทในวันที่ 26 มี.ค.นี้ แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงการเมืองร้อนระอุ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อยอดขายของโครงการดังกล่าวนั้น เชื่อว่าปัญหาการเมืองจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเนื่องจากขณะนี้มีลูกค้าที่เข้ามาลงชื่อแสดงความต้องการซื้อบ้านในโครงการจำนวนมากสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าในพัทยาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น นอกจากนี้โครงการที่เปิดขายในพัทยาจำนวน 2 โครงการก่อนหน้านั้นก็ปิดการขายหมดแล้ว ทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดขายโครงการใหม่เพื่อให้มีสินค้ารองรับความต้องการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น .ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาสแรกยังขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีปัจจัยลบด้านการเมืองเข้ามาแต่กลับไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเนื่องจากการชุมนุมไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าคลายความกังวล ในขณะที่การสิ้นสุดอายุมาตรการทางภาษีในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 26 มี.ค.นี้ กลับสร้างความกังวลต่อผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่าปัญหาด้านการเมือง
จากความกังวลของลูกค้าที่เกรงว่าจะโอนบ้านไม่ทันมาตรการภาษีที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 2/8 มีนาคมนี้ ทำให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 53 นี้มียอดการซื้อบ้านในตาดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยในส่วนของ เอ็น.ซี.ฯนั้นสามารถระบายสต็อกบ้านพร้อมอยู่ ทั้งในส่วนของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดออกไปกว่า 50% ของสต็อก ซึ่งปกติบริษัทจะมีสต็อกบ้านไว้รองรับลูกค้าในมือทั้งปี 400-500 ล้านบาท ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา เอ็น.ซี.ฯต้องเร่งก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่เพื่อรักษาระดับสต็อกให้มอยู่ในระดับเดิมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้กลุ่มที่อยู่อาศัย ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคือกลุ่มบ้านแฝด จาก เดิมที่คาดการณ์ว่ากลุ่มทาวน์เฮาส์จะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้าเห็นว่ารูปแบบของบ้านแฝดในปัจจุบัน มีการออกแบบฟังค์ชั่นการใช้งาน การจัดสรรพื้นที่ใช้สอย และรูปแบบบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าทาวน์เฮาส์ ในขณะที่ราคาขายไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้บ้านแฝดเริ่มได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มมาขึ้น
“ในช่วงที่ผ่านมาสต็อกบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดพร้อมอยู่ของบริษัทถูกระบายออกไปเกือบหมด ทำให้บริษัทต้องเร่งงานสร้างบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด เพื่อทดแทนสต็อกเก่าที่ระบายออกไป โดยคาดว่าสต็อกใหม่ที่เข้ามาจะมีมูลค่ารวมประมาณ 250 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในช่วงที่เหลือได้”นายสมนึกกล่าว
นายสมนึก กล่าวว่า สำหรับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของลูกค้าที่คาดว่าจะยังส่งผลต่อตลาดอสังหาฯโดยรวมนั้น เชื่อว่าผลกระทบมีน้อยมาก เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯได้รับผลกระทบจากการเมืองมาโดยตลอด ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการมีการเตรียมแผนรับมือปัญหาที่เกิดขึ้นไว้รับสถานการณ์ในกรณีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ในขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็เริ่มชินกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
“ ปัญหาการเมืองที่จะเข้ามากระทบตลาดอสังหาฯนั้นเชื่อว่ายังไม่สิ้นสุด แม้ว่าการชุมชุนในช่วงนี้จะหยุดไป แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะยังมีปัญหาอื่นๆ เข้ามาอีก ทำให้บริษัทมีแผนเตรียมรับมือปัญหาไว้ล่วงหน้าแล้ว เชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็เช่นกัน”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ บริษัทมีแผนจะจัดแคมเปญพิเศษ พร้อมการออกบูท ที่ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ในระหว่างวันที่19-28 มี.ค.นี้ โดยจะนำบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดรวมถึงทาวน์เฮาส์ จาก 4 โครงการของบริษัทมาออกบูท มอบส่วนลด และแจกของแถมสำหรับลูกค้าที่จองซื้อบ้านภายในงานด้วย
นายสมนึก กล่าวว่า สำหรับในช่วงไตรมาส 2 หลังจากที่มาตรการภาษีอสังหาฯสิ้นสุดลง เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อตลาดรวม เนื่องจากตลาดอสังหาฯสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ชัดเจน และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีการขยายตัวที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาจะยิ่งส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ในขณะเดียวกันแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงเชื่อว่าลูกค้าจะยังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการตัดสินใจเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวในเมืองพัทยา ที่หาดจอมเทียนของบริษัทในวันที่ 26 มี.ค.นี้ แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงการเมืองร้อนระอุ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อยอดขายของโครงการดังกล่าวนั้น เชื่อว่าปัญหาการเมืองจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเนื่องจากขณะนี้มีลูกค้าที่เข้ามาลงชื่อแสดงความต้องการซื้อบ้านในโครงการจำนวนมากสะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าในพัทยาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น นอกจากนี้โครงการที่เปิดขายในพัทยาจำนวน 2 โครงการก่อนหน้านั้นก็ปิดการขายหมดแล้ว ทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดขายโครงการใหม่เพื่อให้มีสินค้ารองรับความต้องการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง