ฮาร่า เดินเกมรุก ปรับสัดส่วนรายได้กรุงเทพฯเพิ่มขึ้น พร้อมหันมาขยายกลุ่มวัยรุ่นวัยเริ่มทำงาน ชูแบรนด์น้องใหม่ “จิกการู่ บาย ฮาร่า” เป็นตัวชูโรง
นางสาวลีลานุช กมลวิศิษฏ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ฮาร่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยีนส์ ฮาร่า ของไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะปรับสัดส่วนรายได้จากตลาดกรุงเทพฯเป็น 40% และตลาดต่างจังหวัด เหลือ 60% จากเดิมที่มีสัดส่วนหลักมาจาก ต่างจังหวัดกว่า 70% และกรุงเทพฯเพียง 30% ด้วยการขยายตลาดเข้ามาในกรุงเทพฯมากขึ้น
ขณะเดียวกัน จะขยายตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงานมากขึ้นด้วยการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มนี้เป็น 40% จากเดิมมีเพียง 20% ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่จะเหลือ 60% จากเดิมมี 80% ด้วยการใช้แบรนด์น้องใหม่คือ จิกการู่ บาย ฮาร่า ที่ทดลองทำตลาดมาแล้วเกือบปี ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี จึงจะเริ่มทำตลาดจริงจังจากนี้ไป
ทั้งนี้ จิกการู่ บาย ฮาร่า ในช่วงแรกมีแต่สินค้ายีนส์กลุ่มผู้หญิงครบทุกไลน์ ทั้งเสื้อ กางเกง เสื้อยืด ส่วนอนาคตจะขยายกลุ่มผู้ชายด้วย ราคาเริ่มตั้งแต่ 1,000-1,600 บาท ขณะที่ยีนส์ฮาร่าดั้งเดิมนั้นมีระดับราคาตั้งแต่ 700-1,500 บาท เน้นจับกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป
สำหรับแผนการขยายช่องทางจำหน่าย หรือจุดขายนั้น จะเพิ่มงบลงทุนอีก 20% จากปีที่แล้ว วางเป้าหมายเปิดชอปฮาร่าเพิ่มในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 120 จุด รวมทั้งเคาน์เตอร์ด้วย ส่วนในกรุงเทพฯก็พยายามขยายเช่นกัน จากปัจจุบันมี 3 ชอป คือที่ เซ็นทรัลบางนา เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และอีกกว่า 30 เคาน์เตอร์ในห้าง
ส่วนแผนเปิดจุดจำหน่ายของ จิกการู่ บาย ฮาร่านั้น ปีนี้มีประมาณ 5 ชอป เช่น ที่สยามสแควร์ สยามเซ็นเตอร์ พาราไดซ์พาร์ค เทอร์มินัล 21 ที่อยู่ระหว่างเจรจา เป็นต้น จากปัจจุบันมีชอปเดียวที่สยามพารากอน รวมทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับทางห้างเพื่อขอแยกเคาน์เตอร์เดิมที่มีอยู่ออกมาเป็นแบรนด์ จิกการู่ บาย ฮาร่า โดยเฉพาะจากปัจจุบันที่อยู่รวมกัน
ด้านการตลาดนั้น ปีนี้จะเพิ่มงบตลาดอีก 10% ทำตลาดครบวงจร โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ อีเวนต์ และจะเริ่มเน้นสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นด้วยการปรับเว็บไซต์ใหม่ www.hara.co.th ให้มีความทันสมัยและมีข้อมูลที่สามารถสื่อสารกันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบรับกับกลุ่มวัยรุ่นที่จะขยายตลาดอออกไป ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นนี้แล้วประมาณ 3,000 ราย
นางสาวลีลานุช กล่าวต่อว่า จากแผนงานปีนี้คาดว่าจะทำให้รายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 10-15% ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่เติบโต 15% ซึ่งแบรนด์ฮาร่า นั้นนับว่าติดอยู่ในท็อปไฟว์ของตลาดรวมยีนส์ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท
นางสาวลีลานุช กมลวิศิษฏ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ฮาร่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยีนส์ ฮาร่า ของไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะปรับสัดส่วนรายได้จากตลาดกรุงเทพฯเป็น 40% และตลาดต่างจังหวัด เหลือ 60% จากเดิมที่มีสัดส่วนหลักมาจาก ต่างจังหวัดกว่า 70% และกรุงเทพฯเพียง 30% ด้วยการขยายตลาดเข้ามาในกรุงเทพฯมากขึ้น
ขณะเดียวกัน จะขยายตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงานมากขึ้นด้วยการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มนี้เป็น 40% จากเดิมมีเพียง 20% ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่จะเหลือ 60% จากเดิมมี 80% ด้วยการใช้แบรนด์น้องใหม่คือ จิกการู่ บาย ฮาร่า ที่ทดลองทำตลาดมาแล้วเกือบปี ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี จึงจะเริ่มทำตลาดจริงจังจากนี้ไป
ทั้งนี้ จิกการู่ บาย ฮาร่า ในช่วงแรกมีแต่สินค้ายีนส์กลุ่มผู้หญิงครบทุกไลน์ ทั้งเสื้อ กางเกง เสื้อยืด ส่วนอนาคตจะขยายกลุ่มผู้ชายด้วย ราคาเริ่มตั้งแต่ 1,000-1,600 บาท ขณะที่ยีนส์ฮาร่าดั้งเดิมนั้นมีระดับราคาตั้งแต่ 700-1,500 บาท เน้นจับกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 30 ปีขึ้นไป
สำหรับแผนการขยายช่องทางจำหน่าย หรือจุดขายนั้น จะเพิ่มงบลงทุนอีก 20% จากปีที่แล้ว วางเป้าหมายเปิดชอปฮาร่าเพิ่มในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 120 จุด รวมทั้งเคาน์เตอร์ด้วย ส่วนในกรุงเทพฯก็พยายามขยายเช่นกัน จากปัจจุบันมี 3 ชอป คือที่ เซ็นทรัลบางนา เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และอีกกว่า 30 เคาน์เตอร์ในห้าง
ส่วนแผนเปิดจุดจำหน่ายของ จิกการู่ บาย ฮาร่านั้น ปีนี้มีประมาณ 5 ชอป เช่น ที่สยามสแควร์ สยามเซ็นเตอร์ พาราไดซ์พาร์ค เทอร์มินัล 21 ที่อยู่ระหว่างเจรจา เป็นต้น จากปัจจุบันมีชอปเดียวที่สยามพารากอน รวมทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับทางห้างเพื่อขอแยกเคาน์เตอร์เดิมที่มีอยู่ออกมาเป็นแบรนด์ จิกการู่ บาย ฮาร่า โดยเฉพาะจากปัจจุบันที่อยู่รวมกัน
ด้านการตลาดนั้น ปีนี้จะเพิ่มงบตลาดอีก 10% ทำตลาดครบวงจร โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ อีเวนต์ และจะเริ่มเน้นสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นด้วยการปรับเว็บไซต์ใหม่ www.hara.co.th ให้มีความทันสมัยและมีข้อมูลที่สามารถสื่อสารกันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบรับกับกลุ่มวัยรุ่นที่จะขยายตลาดอออกไป ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นนี้แล้วประมาณ 3,000 ราย
นางสาวลีลานุช กล่าวต่อว่า จากแผนงานปีนี้คาดว่าจะทำให้รายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 10-15% ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่เติบโต 15% ซึ่งแบรนด์ฮาร่า นั้นนับว่าติดอยู่ในท็อปไฟว์ของตลาดรวมยีนส์ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท