ASTVผู้จัดการรายวัน-สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จี้ “พาณิชย์” เพิ่มมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย หวังเจาะตลาดล่าง แทนเน้นแต่พรีเมี่ยม เกรด หลังกำลังซื้อหดหาย แต่คนยังอยากกินข้าวหอมมะลิไทย เผยดีกว่าให้ผู้นำเข้าไปปนเอง
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการปรับปรุงมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย เพื่อการส่งออกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับกรมการค้าต่างประเทศ และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มมาตรฐานการส่งออกข้าวหอมมะลิอีก 2 เกรด คือ 1.มีเนื้อข้าวหอมมะลิในสัดส่วน 80% และผสมข้าวชนิดอื่นได้ไม่เกิน 20% และ 2.มีเนื้อข้าวหอมมะลิ 70%ผสมข้าวชนิดอื่นได้ไม่เกิน 30% จากปัจจุบันมีมาตรฐานเดียว คือ มีเนื้อข้าวหอมมะลิ 92% และผสมข้าวชนิดอื่นได้ไม่เกิน 8% เท่านั้น
ทั้งนี้ การเสนอให้เพิ่มมาตรฐานข้าวหอมมะลิ เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประเทศที่นำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยเป็นประจำ กำลังซื้อยังไม่กลับมาเหมือนเดิม และราคาข้าวไทยสูงมาก จึงต้องลดการนำเข้าลง ไทยจึงจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรฐานใหม่ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทุกชนชั้น ไม่ใช่เน้นเฉพาะตลาดระดับบน หากไม่เพิ่มมาตรฐานให้หลากหลาย อาจทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยให้กับตลาดข้าวหอมของเวียดนาม รวมถึงข้าวแจ๊ซแมนของสหรัฐฯ ได้ เพราะราคาถูกกว่ามากถึงตันละ 250-300 เหรียญสหรัฐฯ โดยข้าวหอมเวียดนามตันละประมาณ 700 เหรียญสหรัฐ ข้าวแจ๊ซแมนกว่า 600 เหรียญสหรัฐ แต่ข้าวหอมมะลิไทยกว่า 900 เหรียญสหรัฐ
“ปัจจุบัน ไทยส่งออกข้าวหอมมะลิลดลงมาก ในช่วง 2 เดือนแรกส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 200,000 ตัน จากในช่วงปกติกว่า 300,000 ตัน เพราะหลายประเทศลดการนำเข้า หรือบางประเทศแทบไม่ซื้อเลย ทั้งๆ ยังชอบกินอยู่ จึงจำเป็นต้องทำเกรดข้าวหอมมะลิส่งออกให้หลากหลายมากขึ้น ถ้ากระทรวงพาณิชย์ยอมตามที่ขอ นอกจากจะทำให้ส่งออกข้าวหอมมะลิไทยได้มากขึ้นแล้ว ยังส่งออกข้าวชนิดอื่น ที่ผสมในข้าวหอมมะลิได้มากขึ้นด้วย” นายชูเกียรติกล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเช่นนี้ รัฐบาลไม่ต้องกังวลจะทำให้ภาพพจน์และคุณภาพมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยเสียหาย เพราะในการส่งออก จะมีการระบุที่ข้างบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจนว่า เป็นข้าวหอมมะลิผสม และจะไม่ได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานข้าวหอมมะลิจากกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ จะดีกว่าส่งออกตามคุณภาพมาตรฐาน แล้วให้ผู้นำเข้าจากประเทศอื่นๆนำข้าวท้องถิ่นมาผสมเอง เพราะไทยจะส่งออกได้เฉพาะข้าวหอมมะลิเท่านั้น
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการปรับปรุงมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย เพื่อการส่งออกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับกรมการค้าต่างประเทศ และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มมาตรฐานการส่งออกข้าวหอมมะลิอีก 2 เกรด คือ 1.มีเนื้อข้าวหอมมะลิในสัดส่วน 80% และผสมข้าวชนิดอื่นได้ไม่เกิน 20% และ 2.มีเนื้อข้าวหอมมะลิ 70%ผสมข้าวชนิดอื่นได้ไม่เกิน 30% จากปัจจุบันมีมาตรฐานเดียว คือ มีเนื้อข้าวหอมมะลิ 92% และผสมข้าวชนิดอื่นได้ไม่เกิน 8% เท่านั้น
ทั้งนี้ การเสนอให้เพิ่มมาตรฐานข้าวหอมมะลิ เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประเทศที่นำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยเป็นประจำ กำลังซื้อยังไม่กลับมาเหมือนเดิม และราคาข้าวไทยสูงมาก จึงต้องลดการนำเข้าลง ไทยจึงจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรฐานใหม่ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ทุกชนชั้น ไม่ใช่เน้นเฉพาะตลาดระดับบน หากไม่เพิ่มมาตรฐานให้หลากหลาย อาจทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยให้กับตลาดข้าวหอมของเวียดนาม รวมถึงข้าวแจ๊ซแมนของสหรัฐฯ ได้ เพราะราคาถูกกว่ามากถึงตันละ 250-300 เหรียญสหรัฐฯ โดยข้าวหอมเวียดนามตันละประมาณ 700 เหรียญสหรัฐ ข้าวแจ๊ซแมนกว่า 600 เหรียญสหรัฐ แต่ข้าวหอมมะลิไทยกว่า 900 เหรียญสหรัฐ
“ปัจจุบัน ไทยส่งออกข้าวหอมมะลิลดลงมาก ในช่วง 2 เดือนแรกส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 200,000 ตัน จากในช่วงปกติกว่า 300,000 ตัน เพราะหลายประเทศลดการนำเข้า หรือบางประเทศแทบไม่ซื้อเลย ทั้งๆ ยังชอบกินอยู่ จึงจำเป็นต้องทำเกรดข้าวหอมมะลิส่งออกให้หลากหลายมากขึ้น ถ้ากระทรวงพาณิชย์ยอมตามที่ขอ นอกจากจะทำให้ส่งออกข้าวหอมมะลิไทยได้มากขึ้นแล้ว ยังส่งออกข้าวชนิดอื่น ที่ผสมในข้าวหอมมะลิได้มากขึ้นด้วย” นายชูเกียรติกล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเช่นนี้ รัฐบาลไม่ต้องกังวลจะทำให้ภาพพจน์และคุณภาพมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยเสียหาย เพราะในการส่งออก จะมีการระบุที่ข้างบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจนว่า เป็นข้าวหอมมะลิผสม และจะไม่ได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานข้าวหอมมะลิจากกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้ จะดีกว่าส่งออกตามคุณภาพมาตรฐาน แล้วให้ผู้นำเข้าจากประเทศอื่นๆนำข้าวท้องถิ่นมาผสมเอง เพราะไทยจะส่งออกได้เฉพาะข้าวหอมมะลิเท่านั้น
