xs
xsm
sm
md
lg

สงครามครั้งสุดท้ายของทักษิณ – คนเสื้อแดงกำลังเข้าตาจน (1)

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

แม้นว่าสงครามการเมืองที่ทักษิณนำทัพจากนอกประเทศ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสื่อผสมบัญชาการตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมาให้กองทัพคนเสื้อแดงปฏิบัติการและให้ยื้อการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อไป โดยสงครามการเมืองครั้งนี้ที่กองทัพคนเสื้อแดงใช้กรุงเทพมหานคร เป็นจุดดุล (Centre of Gravity) ของสมรภูมิเช่นเคย ตามทฤษฎีของเคลาสวิทซ์ แต่ไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์ได้ตามแผน เพราะทุกแผนปฏิบัติของคนเสื้อแดงถูกฝ่ายภาคประชาชนและภาครัฐป้องกันไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ยุทธวิธียืดหยุ่น (Flexibility Tactics) เป็นยุทธวิธีประยุกต์ที่ฝ่ายศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นกลไกของรัฐในการใช้ควบคุมสถานการณ์ ที่ฝ่ายทักษิณ ซึ่งใช้กลุ่มเสื้อแดงในการล้มล้างรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยใช้อำนาจตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ใช้ในการรับมือการชุมนุมที่หวังผลก่อกวนสร้างความสนใจของสังคมให้เกิดความคิดหลากหลาย ทั้งรำคาญ ทั้งเบื่อ หรือแม้กระทั่งคล้อยตาม เพราะเป้าหมายการชุมนุมต้องการกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของสังคม ให้เป็นตัวช่วยบีบบังคับรัฐบาลอีกทางหนึ่ง อันเป็นปรัชญาหลักของการชุมนุมต่อต้านระบบใดระบบหนึ่ง ตามหลักสังคมวิทยาและรัฐศาสตร์

หลักการยืดหยุ่นใช้ได้ผลถึงแม้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ แต่ก็สามารถอ่อนตัวรับการปฏิบัติการ ซึ่งฝ่ายคนเสื้อแดงต้องการสร้างกระแสให้นำสู่การใช้กำลังต่อต้านด้วยความรุนแรง

การที่สร้างปราการของ ศอ.รส.ไว้ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถนนพหลโยธิน นั้น เป็นการบีบบังคับไม่ให้ฝ่ายเสื้อแดงสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มมวลชนขนาดใหญ่ได้ แต่ถูกบีบให้อยู่ในแนวเส้นตรงยาวตามถนน ไม่มีโมเมนต้มในการสร้างกระแส และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์มีพื้นที่ภายในด้านหน้ากว้างขวางเป็นลานใหญ่ และมีสนามบินที่เฮลิคอปเตอร์วิ่งขึ้นและลงได้อย่างสะดวก มีรั้วรอบขอบชิด รวมทั้งได้ใช้ยุทธวิธีทางทหารในการป้องกันการรุกด้วยการวางลวดหนามหีบเพลง ซึ่งยากพอสมควรที่จะทำลายได้ง่ายๆ ทั้งยังสามารถสร้างแนวลวดหนามป้องกันได้รวดเร็วหากคนเสื้อแดงผลักดันผ่านประตูทางเข้า – ออกของหน่วยทหารแห่งนี้ได้ และมีเวลาที่นายกรัฐมนตรี และคณะใน ศอ.รส. สามารถจะย้ายที่บังคับบัญชาไปยังที่ที่จัดสำรองไว้แล้ว ทำให้การบังคับบัญชาสั่งการไม่ขาดตอน เพราะระบบทั้งที่ติดตั้ง ณ ศอ.รส. ที่ ร.11 รอ. กับ ศอ.รส.สำรองที่มีมากกว่า 1 แห่ง ได้ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูลเดียวกันทั้งหมด จึงไม่มีอุปสรรคปัญหาในการประเมินสถานการณ์และสั่งการให้เหมาะสมกับสถานการณ์

หน่วยพลเรือน ทหาร และตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับแผนการรับมือคนเสื้อแดง ได้รับการอบรมและสั่งการ รวมทั้งการฝึกจำลอง (Simulation) ไว้บ้างแล้ว จึงทำให้การประสานงานราบเรียบ เจ้าหน้าที่ไม่ตระหนกตกใจ

มีหน่วยเคลื่อนที่เร็วในการสยบสถานการณ์มิให้ลุกลามหากคนเสื้อแดงใช้ความรุนแรง เช่น การยึดรถเมล์ รถบรรทุกน้ำมัน หรือรถบรรทุกก๊าซ ด้วยเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญในการดับเพลิงและถอดระเบิด ที่มีอุปกรณ์และสารเคมีไว้พร้อมรับสถานการณ์

มีฝ่ายการข่าวกรองนอกเครื่องแบบแฝงตัวเต็มไปในทุกพื้นที่ที่คาดว่าคนเสื้อแดงจะไปปฏิบัติการ เช่น ในเขตรับผิดชอบของหน่วยทหารหรือตำรวจหน่วยใด หน่วยนั้นก็จัดเจ้าหน้าที่การข่าวที่ชำนาญงานรายงานลำดับเหตุการณ์เข้ามาที่ ศอ.รส. ซึ่งมีการประชุมประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และนายกรัฐมนตรีสามารถรับข้อมูลและตัดสินใจตามระบบการนำเสนอของฝ่ายเสนาธิการ ตามวิธีการของทหารซึ่งมีการกลั่นกรองการข่าวจากการสั่งการของฝ่ายคนเสื้อแดงที่ต้องออกอากาศสั่งการหรือแสดงเจตนาจากเวที ซึ่งง่ายแก่การวิเคราะห์ เพราะเป็นข้อมูลเปิด

ศอ.รส.มีมาตรการ 7 ขั้นตอน ซึ่งชัดเจนมากในเจตนารมณ์ที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง หรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เช่น การใช้หน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาของหน่วยบัญชาการรบพิเศษ ตั้งวงปราศรัยควบคู่ ณ บริเวณ ศอ.รส. กรม ร.11 รอ. ด้วยอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีกำลังวัตต์มากกว่าในข่มกลบเสียงของฝ่ายคนเสื้อแดง มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1970 เมื่อ ยูคิโอะ มิชิมา (Yukio Mishima) นักประพันธ์ขวาจัด นิยมลัทธิชิโด ยึดกองบัญชาการป้องกันตัวเองภาคตะวันออกของญี่ปุ่น เพื่อกระตุ้นให้ทหารญี่ปุ่นทำการปฏิวัติรัฐประหาร แล้วนำศักดิ์ศรีคนญี่ปุ่นกลับคืนด้วยหนทางบูชิโด

และวันนั้นเขาได้แจ้งให้เพื่อนนักหนังสือพิมพ์มาทำข่าว ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเพื่อน น.ส.พ. ได้เช่าเฮลิคอปเตอร์พร้อมอุปกรณ์การแพร่ภาพทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นความต้องการของมิชิมาอยู่แล้ว แต่เสียงของเฮลิคอปเตอร์กลบเสียงของมิชิมาที่กำลังกล่าวสุนทรพจน์ปลุกเร้าให้ทหารอาทิตย์อุทัยย้อนยุคกลับเป็นกองทัพบูชิโด หรือวิถีนักรบ หรือวิถีซามูไร ที่เป็นความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ดำรงศักดิ์ศรี สร้างสังคมบริสุทธิ์และยุติธรรม นับถือการต่อสู้ การดำรงเกียรติ และการยอมตาย

เสียงมิชิมาถูกกลบโดยเสียงเฮลิคอปเตอร์ ทหารไม่ได้ยินว่ามิชิมาพูดอะไร เขารู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว เพราะแม้ว่ากองทัพได้จัดเครื่องเสียงและแท่นพูดไว้ที่เฉลียงตึกบัญชาการ โดยผู้บัญชาการหน่วยทหารถูกจับเป็นตัวประกัน เมื่อทหารไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ จึงกลับเข้าไปในห้องแล้วทำพิธีสังหารตัวเอง และสมาชิกคนที่ 2 ตัดคอเขาก็สังหารตัวเองตาม และถูกตัดคอโดยสมาชิกคนที่3 พิธีนี้เรียกว่าเซปปูกู (Seppuku)

มิชิมาเคยมาเมืองไทย และเขียนหนังสือเรื่อง “วัดอรุณ” หรือ “The Temple of Dawn” ในปี ค.ศ. 1970 เกี่ยวกับการระลึกชาติ เขาเป็นคนหนึ่งที่เคยรับเลือกเข้าชิงรางวัลโนเบิล สาขาวรรณกรรมแต่ยอมสละให้ผู้อาวุโสกว่าชาวญี่ปุ่น

คนเสื้อแดงไม่สามารถที่จะใช้ยุทธบริเวณชุมชนเป็นเครื่องมือในการสร้างความวุ่นวาย เพราะไม่สามารถจะเจาะเข้าไปได้ เนื่องจากชุมชนร่วมมือกันสร้างแนวป้องกันเป็นเครือข่าย ผ่านระบบการสื่อสารโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งได้เตือนแนวร่วมเสื้อแดงที่มีในแต่ละชุมชนอย่าได้ใช้ชุมชนเป็นเครื่องมือต่อรองกับรัฐบาล เช่น การปิดเส้นทางคมนาคมชุมชน สำนักงานเขตในแต่ละชุมชนก็เฝ้าระวังในเรื่องการก่อวินาศกรรมวางเพลิง ทำให้หน่วยก่อวินาศกรรมรับจ้างเสื้อแดงไม่สามารถจะลอบเข้าไปปฏิบัติการได้ นอกจากนี้ทุกชุมชนย่อมมีอาสาสมัครเฝ้าระวัง และเป็นตัวเชื่อมข้อมูลสถานการณ์กับ ศอ.รส.

แต่ก็ยังมีเหตุการณ์รุนแรง เมื่อหน่วยเคลื่อนที่เร็วของฝ่ายที่ต้องการความรุนแรง ยิงระเบิดมือเข้าไปในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ในวันที่ 15 มีนาคม เวลา 13.30 น. จำนวน 3 นัด โดยนัดที่ 1 ตกบริเวณหน้ากองบังคับการกรม นัดที่ 2 ตกลงบริเวณสวนสุขภาพ ซึ่งโชคดีที่ไม่มีลูกเล็กเด็กแดงไปเล่นออกกำลังกายในเวลานั้น และนัดที่ 3 ตกลงบริเวณกองพันที่ 1 ร. 1 รอ. เป็นเหตุให้ทหาร 2 นายได้รับบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง เมื่อสะเก็ดระเบิดฝังในร่างกาย โดยมีการคาดการณ์ว่าผู้ร้ายยิงจากรถยนต์บนถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า

เมื่อกองทัพเสื้อแดงที่มีมาเพียงประมาณไม่เกิน 100,000 คน เพี้ยนไปจากที่คุยเอาไว้ว่าจะมีถึง 1 ล้านคนนั้น ไม่สามารถที่จะปรับแผนเอาชนะยุทธวิธียืดหยุ่นของรัฐได้ ก็ใช้หลักการสร้างสัญลักษณ์เอาเลือดราดทำเนียบรัฐบาล และบ้านนายกรัฐมนตรี ซึ่งมิได้สร้างความสำคัญอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีความหมายอะไรในเชิงจิตวิทยาการเมือง และการนี้คงไม่มีใครกล้าเผาตัวเอง เช่น กรณีพระญวณเผาตัวเองในอดีตกรุงไซ่ง่อน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2506 เนื่องจากถูกกดดันจากรัฐบาลที่เลือกปฏิบัติกับพุทธศาสนา แต่ให้สิทธิพิเศษกับโบสถ์คริสตัง โดยบังคับให้พุทธศาสนาเปลี่ยนคำสอน และห้ามพุทธศาสนิกชนเมืองเว้ชักธงพุทธศาสนาในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และห้ามประกอบพิธีทางพุทธศาสนา คนสั่งคือรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ โง ดินห์ ถึก พี่ชาย โง ดินห์ เดียม ซึ่งถูกรัฐประหารและถูกสังหารในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 ถือได้ว่าเป็นเรื่องของกรรม

คำถามสำคัญ เสื้อแดงตั้งประเด็นชุมนุมต่อต้านรัฐบาลผสม และจี้ให้นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ยุบสภาด้วยเหตุผลและวัตถุประสงค์อะไร รัฐบาลบริหารประเทศผิดร้ายแรงกว่ารัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร หรือรัฐบาลนายสมชาย หรือไม่อย่างไร และถ้านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ยุบสภาแล้ว จะทำให้เหตุการณ์สงบลงหรือไม่ เพราะกลุ่มที่ไม่ต้องการรัฐบาลภายใต้การชี้นำของทักษิณผ่านพรรคเพื่อไทย จะมีมากกว่ากลุ่มคนเสื้อแดง เสื้อเหลือง แน่นอน แล้วความสงบสุขจะเกิดหรือไม่

คนเสื้อแดงไม่สามารถที่จะสาธยายอะไรได้มากมาย ว่าอะไรอำมาตยาธิปไตยที่แท้จริง ใครเป็นเผด็จการอำมาตย์และมีอำนาจจริงหรือ รัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่ภายใต้อิทธิพลอำมาตย์จริงหรือ มีข้อพิสูจน์หรือไม่ หรือรัฐบาลบริหารไร้ประสิทธิภาพจริงหรือไม่ ในประการหลังก็เป็นที่รู้กันในสังคมธุรกิจและอุตสาหกรรมว่า เศรษฐกิจกำลังอยู่ในห้วงฟื้นตัว นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวในไทย การส่งออกมีสัญญาณดีมากในอีกอย่างน้อยครึ่งทศวรรษหน้า ทั้งคุณภาพ ราคาแข่งขัน และการตรงต่อเวลา

ยังไม่มีใครที่จะสามารถให้นิยามศัพท์ว่าอำมาตยาธิปไตย หรือเผด็จการอำมาตย์ เป็นอย่างไร เพราะคำแปลง่ายๆ คือ ข้าราชการ ข้าเฝ้า ที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นยศของข้าราชการพลเรือน เช่น รองอำมาตย์ อำมาตย์ และมหาอำมาตย์ แต่มีการยกเลิกเมื่อ พ.ศ. 2475 ครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน

ส่วนอำมาตยาธิปไตยระบอบการปกครองที่ขุนนางหรือข้าราชการเป็นใหญ่ ซึ่งแท้จริงแล้ว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้ประกาศใช้คำสั่ง ที่ 66/23 ให้เป็นนโยบายต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์ ด้วยการรุกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนจากความรุนแรงเป็นทางสันติ และใช้มวลชนเป็นตัวชี้วัด และเพื่อขจัดเงื่อนไขที่คอมมิวนิสต์ใช้เป็นเครื่องมือเกณฑ์สมาชิกด้วยการโจมตีรัฐบาลทุจริต คอร์รัปชัน และกดขี่ราษฎร ส่วนประกาศ ที่ 66/25 นั้น เป็นแผนรุกทางการเมือง ต่อต้านแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ด้วยการที่รัฐบาลต้องสร้างศรัทธาให้กับประชาชน เน้นให้ข้าราชการทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนหรือแท้จริงแล้วคือการกำจัดข้าราชการชั่วนั่นเอง (อ่านต่อวันศุกร์หน้า)

                    nidd.riddhagni@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น