ประมวลความรู้สึกจากการใช้งาน Amazon Kindle 2 ชิ้นนี้จะทำให้คุณเข้าใจได้ว่า เหตุใด Amazon Kindle จึงยังคงมีสาวกที่เต็มใจควักกระเป๋าซื้อหา Kindle ไว้ใช้งานแทนที่จะรอ Apple iPad ซึ่งไม่แน่ว่า คุณอาจจะเป็นคนต่อไปก็ได้ที่มีความคิดแบบนี้
***Amazon Kindle ดีอย่างไร? ทำไมไม่รอ Apple’s iPad?
บทความโดย จักรพงษ์ คงมาลัย (ติดตามงานของจักรพงษ์ได้ที่ jakrapong.com หรือ Twitter ทาง @jakrapong)
หลังจากที่เป็นลูกค้าผู้ภักดี ของ Amazon.com มานานร่วม 10 ปี วันนี้ผมก็กลายร่างมาเป็น “แฟน” ด้วยการซื้อ Amazon Kindle เครื่องอ่านอีบุ๊ก หรือ e-Reader มาครอบครอง ณ ตอนที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้ ผมใช้งาน Amazon Kindle มาแล้ว 1 อาทิตย์ อาจจะดูน้อยไปหน่อยถ้าจะเขียน review การใช้งาน แต่เหตุผลที่ผมเขียนถึงมันในวันนี้ ก็เพราะต้องการที่จะบอกกับหลายๆ คนว่า Kindle น่าสนใจอย่างไร โดยเฉพาะคนที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อ Kindle หรือ iPad ดี เพราะทั้งคู่ต่างก็มีระบบจำหน่าย ebook เหมือนกัน
ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของ Amazon Kindle ตอนนี้มี 2 รุ่นล่าสุดที่น่าสนใจ คือ Amazon Kindle 2 (ตัวเล็กหน้าจอ 6 นิ้ว) และ Amazon Kindle DX (ไม่มีอะไรต่างนอกจากหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 9.7 นิ้ว) ผมแปลสเป็กให้อ่านกันเล่นๆ นะครับ
ความหนา-บาง: หนาแค่ 1/ 3 นิ้ว บางกว่าแมกกาซีนว่างั้นเถอะ
น้ำหนัก: 10.2 ออนซ์ หรือประมาณ 289 กรัม สองขีดเอง
ความเร็วในการดาวน์โหลดหนังสือ: สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ไร้สายได้ภายใน 60 วินาที (แต่จากที่ผมใช้จะประมาณ 2-3 นาที เพราะบ้านเรายังเป็น Edge อยู่ 60 วินาที น่าจะสำหรับประเทศที่ใช้ 3G) การดาวน์โหลดไม่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์มาต่อ ทำบน Kindle ได้ทุกอย่าง
3G Wireless: ไม่มีสัญญารายปี ไม่มีค่ารายเดือน และไม่ต้องคอยหา Wi-Fi hotspots ก็ซื้อ/โหลดหนังสือมาอ่านได้ทุกเวลา
แสดงผลเหมือนกระดาษ: Kindle ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า e Ink ที่ทำให้เราอ่านได้เหมือนกับกระดาษจริงๆ ไม่มีแสง backlight เหมือนพวก Smart Phone อ่านกลางแดดก็ได้ไม่มีปัญหา “ผีดูดเลือด”
เก็บหนังสือได้กี่เล่ม: ประมาณ 1,500 เล่ม ถ้าเป็นรุ่น DX จะเก็บได้มากกว่านี้อีกครับ
Battery Life: จากประสบการณ์ผมคือ 4-7 วัน แล้วแต่ว่าใช้หนักแค่ไหน ในสเป็กเขาระบุว่า 7 วันค่อยชาร์จทีนึง แต่ถ้าเราอ่านเยอะต่อวันก็อาจเป็น 4 วัน
Built-In PDF Reader: อ่าน PDF file ได้แน่นอน ถ้าคุณมีเอกสาร PDF ต้องอ่านมากก็ใช้ได้ แต่ผมแนะนำ Kindle DX ซึ่งมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า แสดงผลกราฟ รูปภาพ ได้ดีกว่า
Read-to-Me: ใน Kindle จะมีเทคโนโลยี Text-to-Speech ที่จะอ่านหนังสือให้คุณฟังได้ ปรับเสียงผู้หญิงผู้ชายได้ตามใจชอบ
Free Book Samples: ดาวน์โหลดบทแรกของหนังสือที่วางขายใน Kindle’s Store มาอ่านได้ฟรี
มีหนังสือให้เลือกเพียบ: มีหนังสือกว่า 420,000 เล่ม รวมทั้งหนังสือพิมพ์ในอเมริกาดังๆ อย่างพวก New York Times หนังสือดังๆ นิตยสาร และบล็อกที่น่าสนใจ แต่ราคาจะขึ้นอยู่กับประเทศ สำหรับเมืองไทย ตอนนี้ยังไม่มีหนังสือ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์เล่มไหนเข้าไปขายใน Kindle แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือฝรั่งบ่อย แนะนำเลยครับ
ราคาถูก: ราคาหนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ต่างๆ จะมีราคาถูกใน Kindle Store เพราะไม่ต้องตีพิมพ์ อย่างหนังสือที่เป็น New York Times Best Sellers ขายอยู่ที่ $9.99 (331 บาทโดยประมาณ – ข้อมูล ณ วันอังคารที่ 16 กพ. 2553)
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (หลังแกะกล่อง) นี่คือสิ่งที่ผมคิดครับ
- เวลากดปุ่ม Next Page, Previous Page เหมือนมันคิดช้าครับ มันจะใช้เวลาประมาณ 1.5 วินาที ไม่ใช่แค่ 0.00X วินาที อย่างเวลาเราเบราซ์เว็บต่างๆ กว่าจะไปทีนึง รอนานไป
- แอบอิดออดบ้างเวลามันไม่ใช่ Touch screen แบบที่เราคุ้นเคยกับ iPhone แต่ก็ต้องบอกว่ามันเป็นอุปกรณ์คนละชนิด ถ้าหากว่าเราต้องการเพียง “เครื่องอ่านอีบุ๊ก” ที่อ่านได้ดีเหมือนกระดาษ ราคาถูกกว่าไปซื้อที่ร้าน ซื้อได้ไว Kindle เป็นทางเลือกที่ดีครับ
- อย่างผมเองซื้อหนังสืออาทิตย์นี้ 4 เล่มเข้าไปแล้ว (ตัว Kindle จะผูกกับ Amazon account ของเรา บัตรเครดิตใบเดียวกัน ถ้าซื้อให้เป็นของขวัญต้องบอกทาง Amazon ด้วยนะครับ) ทั้งที่ปกติจะต้องรอไปซื้อตามร้าน หรือสั่งทางเว็บให้มาส่งที่บ้านก็รอกันครึ่งเดือน แต่ตอนนี้ไม่ต้องรอแล้ว เพราะมันทำให้ผมซื้อสะดวก อ่านสบาย ไปไหนก็อ่านได้
- ชอบเวลาเราอ่านศัพท์ภาษาอังกฤษตัวไหนไม่ออก ก็มีพจนานุกรมแบบอังกฤษ – อังกฤษ คอยอธิบายความหมาย ทำให้อ่านสบายขึ้น
- ฝึกการฟังด้วยการใช้ Text-to-Speech ของเขา ก็จะอ่านออกเสียงมาให้ นอนฟังก่อนนอน ไม่ต้องกวาดสายตาอ่านก็ได้ ถ้าเราฟังอังกฤษเก่ง
- หนังสือราคาถูกกว่ากัน 50% อันนี้ทำให้ผมตัดสินใจซื้อหนังสือง่ายมาก อย่างสัปดาห์นี้ซื้อ Social Media 101: Tactics and Tips to develop your business online หนังสือเล่มล่าสุดของ Chris Brogan (นักเขียนคนโปรด) และ Socialnomics: How social media transforms the way we live and do business ซึ่งจริงๆ แล้วผมอ่านของเพื่อนผ่านๆ แล้วก็เฉยๆ แต่พอเห็นราคาถูกๆ เข้า ก็รู้สึกได้เลยว่าคุ้มค่า
- Search หาคำหรือประโยคที่เราต้องการหาได้ทันที
- ทำไฮไลท์ หรือบุ๊คมาร์คในหนังสือเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่มี Feature นี้ แต่ดันมี
- เล่นเกมพื้นฐานอย่างพวก Sudoku ได้ อารมณ์เหมือนอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วเล่น Sudoku ยังไงยังงั้น ต่อไปคงมี Application อื่นๆ มาให้ได้เล่นกันอีก
- ฟังเพลง MP3 ได้สบาย ผมใส่เพลงบรรเลงเข้าไปในเครื่องอ่านหนังสือไป ฟังเพลงเบาๆ ไป ชิลมากกกก
สรุป
Amazon Kindle คือเครื่องมือในการอ่านหนังสือที่ดีมาก ที่ดีที่สุดคืออ่านสบายตา ราคาหนังสือสบายกระเป๋า อ่านเว็บพอได้ แต่ถ้าต้องการอ่านเอกสาร PDF อ่านกราฟต่างๆ ต้องใช้รุ่น DX และที่สำคัญเปิดให้ใช้ในเมืองไทยได้แล้ว เห็นว่ามีคนพัฒนาให้อ่านภาษาไทยได้แล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้ iBook ใน iPad เลยครับ
แต่ถ้าคุณต้องการใช้งาน iPod Touch ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเยอะ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้มันส์ขึ้นมาก แถมมี Touch screen ก็ซื้อ iPad ครับ
สำหรับผม ผมเป็นหนอนหนังสือ ต้องการอ่านหนังสือ และที่บ้านตอนนี้ไม่ค่อยมีที่เก็บหนังสือแล้ว Amazon Kindle จึงเหมาะกับความต้องการของผมแทบทุกอย่างครับ
Related Links :
Amazon