xs
xsm
sm
md
lg

นายแบงก์ยังรับไหว ภาวนาชุมนุมอย่ายื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 2 - 3 วันที่ผ่านมาว่าได้ส่งผลกระทบให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งปิดทำการในส่วนของสาขาที่อาจได้รับความเสี่ยงการให้บริการลูกค้าจากการชุมนุม ซึ่งยอมรับว่าได้สร้างความเสียหายต่อภาพรวมของระบบสถาบันการเงินเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นรุนแรงและมากนักเหมือนที่หลายฝ่ายมีความกังวล เนื่องจากธนาคารต่างๆ สามารถรองรับและมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะบริหารจัดการสาขาของตนเองได้

“การชุมนุมของคนเสื้อแดงถ้าจะพูดกันในภาพรวมแล้วก็ถือว่าไม่มีผลกระทบเลย เพราะแบงก์แต่ละแห่งค่อนข้างจะยืดหยุ่น ถ้าสาขาเขาเปิดได้ก็เปิด เปิดไม่ได้ก็ปิด และลูกค้าก็สามารถไปใช้บริการที่สาขาอื่นๆ ใกล้เคียงกันได้ ดังนั้น ในส่วนของลูกค้าจึงมองว่าไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่าง” นายอภิศักดิ์ กล่าว

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจระยะสั้นนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลยังคงทำการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังคงมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่มีความเป็นห่วงระบบเศรษฐกิจระยะกลางและระยะยาวช่วง 3-10 ปีข้างหน้า เพราะความไม่แน่นอนทางสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไทยที่เกิดขึ้น ก็ย่อมส่งผลให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติมีความกังวลอย่างมาก ซึ่งในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติมีทางเลือกอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจที่จะไม่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกันนักลงทุนในประเทศหากปัญหาต่างๆ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็จะต่อเนื่องไปยังการลงทุนด้วย

“มีความเป็นห่วงระบบเศรษฐกิจระยะกลางและระยะยาวช่วง 3-10 ปีข้างหน้า ซึ่งหากไม่มีการลงทุนจากของภาครัฐเข้ามาเกื้อหนุนในขณะนี้ และภาคเอกชนยังไม่สามารถทำการลงทุนและการผลิตได้ด้วยตนเอง เพื่อเข้ามาชดเชยจากประเด็นความไม่มั่นใจทางการเมือง ซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มที่การชุมนุมของคนเสื้อแดงอาจจะมีการชุมนุมกันและยืดเยื้อ ประกอบกับปัญหากฎหมายและมาตรการต่างๆ ที่ยังคงไม่มีความชัดเจนต่อการลงทุนในโครงการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งอาจจะทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ และจะทำให้เกิดความล้าหลัง” นายอภิศักดิ์ กล่าว

ดังนั้น รัฐบาลและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรีบแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้จบโดยเร็ว เนื่องจากหากไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้นก็มีโอกาสทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงได้เช่นกัน ซึ่งการชุมนุมในขณะนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันจึงจำเป็นต้องหารือข้อตกลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมยังไม่ได้ก่อให้เกิดภาวะสูญญากาศ เนื่องจากการเรียกร้องยังไม่เสร็จสิ้น จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ก็นับว่าในช่วงที่ผ่านมามีความน่ายินดีที่การชุมนุมมีความสงบเรียบร้อย

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงไทย ว่าในช่วงกลางปี 2553 นี้ธนาคารเตรียมทบทวนปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อรวมจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7% เนื่องจากในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ธนาคารมียอดสินเชื่อเติบโตสุทธิเกินกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ได้คาดหมายไว้ เพราะเป็นไปตามทิศทางการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะลักษณะของสินเชื่อเพื่อการลงทุนระยะสั้นเป็นหลัก ส่งผลให้มีการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อมีอย่างต่อเนื่องและสามารถชำระคืนได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่สินเชื่อระยะยาวเพื่อการลงทุนยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาทางการเมืองและมาบตาพุดยังไม่คลี่คลาย

“สินเชื่อ 2 เดือนแรกดีกว่าที่คาดไว้เยอะมากกว่าที่เราตั้งเป้าไว้ในช่วงปลายปี 2552 เพราะการเบิกจ่ายก็มีมากขึ้นและมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น ส่วนระยะยาวยังไม่กลับมาเลยจากปัญหาด้านการเมืองและมาบตาพุดที่ยังไม่จบ สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) พบว่าเข้าสู่ภาวะทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางการฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ลูกค้ามีกำลังในการชำระหนี้คืน” นายอภิศักดิ์ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น