xs
xsm
sm
md
lg

ฝรั่งเมินแดงถ่อย! ช้อนเก็บหุ้นพยุงตลาดไทย 14วันซื้อ2.7หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาวะการซื้อขายตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 มี.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแถบๆ จากนักลงทุนเบาบางและมีการปรับตัวลดลงบ้าง แต่มีแรงซื้อข้ามา ในหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายที่สูง เช่น ธนาคารนครหลวงไทย ที่ได้ข่าวดีจากการที่กองทุนฟื้นฟูได้มีการขายหุ้นแก่บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ได้สำเร็จ

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการสอบถามความเห็นแก่นักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันไปแล้ว และจากการที่วานนี้นักลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อสุทธิหุ้นไทยอยู่นั้น ก็สะท้อนให้เห็นว่าต่างประเทศไม่มีความกังวลในเรื่องการชุมนุมมากนัก แต่ก็มีนักลงทุนบางส่วนได้มีการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์บ้าง ทำให้ภาพรวมมูลค่าการซื้อขายมีการชะลอตัวลงไป

"ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แม้ช่วงเช้าจะมีการปรับตัวลดลงบ้าง แต่มีแรงซื้อเข้ามา โดยดัชนียังคงบวกได้ วอลุ่ม 1.3 หมื่นล้านบาทนั้นถือว่าเป็นระดับที่ดี ซึ่งนักลงทุนต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป "นางภัทรียา กล่าว

โดยตลาดหุ้นไทย วานนี้(15มี.ค.) ปิดตลาดที่ 734.83 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,215.19 ล้านบาท ลดลงจากการปิดตลาดในช่วงเช้าซื้อบวกเพิ่ม 2.30 จุด อันเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวล หลังนายกรัฐมนตรีออกมาประกาศไม่ยุบสภา และไม่ใช้ความรุนต่อผู้ชุมนุมเสื้อแดง แต่ช่วงบ่ายเมื่อการยิงM -79 เกิดขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจต่อภาวะการลงทุนอีกครั้ง จนดัชนีปรับตัวลดลงมา

ทั้งนี้ พบว่า นักลงทุนทั่วไปยังขายสุทธิต่อเนื่อง 1,369.70 ล้านบาท โดยสถาบันซื้อสุทธิ 804.77 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบล.ซื้อสุทธิ 89.28 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติ 475.64 ล้านบาท

นายจักรกริช เจริญเมธาชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ผันผวน ดังนั้นนักลงทุนควรที่จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดว่าหลังจากนี้ต่อไปท่าทีของกลุ่มนปช.จะดำเนินไปในทิศทางใด โดยหากในช่วง1-2 วันนี้ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงก็เชื่อว่าสถานการณ์จะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างแน่นอน

“ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันพุธ ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์จะ Peak สุด นักลงทุนควรเกาะติดสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะเราไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในช่วงระหว่างวันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งนี้ยอมรับว่าหากสถานการณ์มีการยืดยื้อออกไปอาจจะส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยากับนักลงทุน โดยจะเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ “ นายจักรกริช” กล่าว

ส่วนการลงทุนในขณะนี้ แนะนำหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว , โรงแรม และหุ้นการบินไทย เนื่องจากเป็นหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองมากที่สุด โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นก็ส่งผลกระทบต่อหุ้นดังกล่าว

ในทางกลับกันหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อย่าง BBL , KBANK ,SCB หรือจะเป็นกลุ่มพลังงานอย่าง BANPU และขนส่งอย่าง RCL, TTA ที่ฟื้นตัวตามค่าระวางเรืออย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นหุ้นที่มีแรงหนุนให้ตลาดยืนอยู่ในแดนบวกได้ ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงทยอยเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากย้อนกลับไปในช่วง 14วันทำการที่ผ่านมา มีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามากว่า 2.7 หมื่นล้านบาท

ด้าน นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยววนนี้มีวอลุ่มเทรดที่ยังน้อยอยู่ เนื่องจากตลาดฯยังมีแรงถ่วงจากปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์ยิงระเบิด M79 เข้าไปในกองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์(ร.1 รอ.)ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติยังมองบวกต่อตลาดหุ้น และเศรษฐกิจไทยอยู่ อย่างล่าสุดทาง Morgan Stanley ได้ให้คำแนะนำ"เพิ่มน้ำหนักการลงทุน"ในไทย ซึ่งคงจะมองที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการเมืองแม้จะมีปัญหาแต่ก็คงจะไม่ทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยไป

ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(16 มี.ค.) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยคงจะยังแกว่งไซต์เวย์อยู่ เนื่องจากยังคงมีปัจจัยการเมืองกดดัน พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 723 จุด แนวต้าน 735, 745 จุด

***เอกชนหวั่นความรุนแรงฉุดประเทศต่ำ
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น หรือ ILINK กล่าวว่า จากสถานการณ์ชุมนุมนั้นนักธุรกิจจะต้องมีการประเมินสถานณ์ว่าจะมีการดำเนินธุรกิจอย่างไรต่อไป หากเกิด การยุบสภา รัฐประหาร ปะทะกัน เพราะ หากไม่มีการเตรียมการอะไรเลยจะส่งผลเสียต่อองค์กร แต่ในเรื่องการชุมนุมนั้นคนไทยมีการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวมาเยอะ จึงเชื่อว่าจะสามารถผ่านวิกฤตไปได้ไม่ช้าก็เร็ว แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นเป็นบทเรียนให้ทั้ง2 ฝ่าย คือรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมมีความสุขุมรอบคอบ

ทั้งนี้จากสถานการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบทางอ้อมกับประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัว และจากการที่ปัจจุบันไทยกำลังแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในการดึงดูดเม็ดเงินการลงทุน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลไม่ทางบวกก็ลบกับการแข่งขันกับเพื่อนบ้าน ซึ่งหากไทยสร้างความเชื่อถือ ทำให้นักลงทุนและเข้ามาลงทุนเป็นเรื่องที่ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น