ASTV ผู้จัดการรายวัน – พิษ window dressing ป่วนกระดาน สถาบันซึมเงียบ!ปล่อยชาวบ้านตื่นตูมกับกระแสต่างชาติเทขาย ย่องเทหุ้นทิ้งทำกำไรป้อนงบไตรมาส3 ร่วม 2.5 พันล้าน หรือส่งท้ายก่อนโดนแยกพอร์ต ด้านแพะต่างชาติขายสุทธิจริงเพียง 171 ล้าน โบรกฯประเมินเข้าสู่ช่วงพักฐาน หลังดัชนีดีดตัวขึ้นมานานเกินควร แต่วันนี้(29ก.ย.)อาจมีแรงรีบาวน์บ้างหลังลงแรงจัด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28ก.ย.) ประเดิมวันแรกของสัปดาห์ ด้วยการติดลบจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ฉุดให้ดัชนีร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 708.88 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ -1.76% มูลค่าการซื้อขาย 20,444.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับฐานแนวเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ ที่ปรับตัวลดลงถ้วนหน้าเช่นกัน
เช่น ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,580.71 จุด ลดลง 443.69 จุด หรือ -2.11%และ ดัชนี สเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ 2,629.25 จุด ลดลง 33.57 จุด หรือ -1.26%
โดยระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 721.87 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 704.12 จุด หลังหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ถูกเทขาย ซึ่งหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 87 หลักทรัพย์ ลดลง 310 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 77 หลักทรัพย์
**ต่างชาติขายสุทธิไม่ถึง200ล.
ขณะที่ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ซึ่งเปิดเผยถึงสัดส่วนการลงทุนเมื่อแยกเป็นประเภทนักลงทุน กลับพบข้อน่าสงสัยว่า นักลงทุนสถาบันมีการขายสุทธิสูงถึง 2,437.22 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียง 171.43 จุด โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิรวมถึง 2,608.65 ล้านบาท ซึ่งทำให้หลายฝ่ายมองว่าอาจเป็นการทำ window dressing เนื่องจากใกล้ปิดงบไตรมาส3/2552 และใกล้ที่จะมีการแยกพอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ออกจากสถาบัน
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,335.30 ล้านบาท ปิดที่ 257.00 บาท ลดลง 5.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,200.30 ล้านบาท ปิดที่ 434.00 บาท ลดลง 10.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 864.64 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท ลดลง 1.50 บาท PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 783.11 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.75 บาท และIRPC มูลค่าการซื้อขาย 710.15 ล้านบาท ปิดที่ 4.44 บาท ลดลง 0.12 บาท
** window dressingอาจมีต่อ
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็นช่วงของการปรับฐาน ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงประมาณ 2% โดยมองว่าต่างชาติเริ่มที่จะมีการเทขายทำกำไรในหุ้น โดยเฉพาะในหุ้นบิ๊กแคป อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์-พลังงาน
"วานนี้น่าจะเป็นเรื่อง take profit เป็นหลัก เพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นปัจจัยเชิงลบที่รุนแรง อีกทั้งที่ผ่านมาหุ้นก็ขึ้นไปเยอะ ก็น่าจะทำให้มีการ take profit ออกมาบ้าง เพื่อรอจังหวะที่จะกลับเข้าไปใหม่"
สำหรับแนวโน้มการลงทุนวันนี้(29 ก.ย.) มองว่า การขึ้นลงของดัชนีหลักทรัพย์น่าจะจะขึ้นอยู่กับข่าวรายวันเป็นหลัก ซึ่งควรจะต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะประกาศเมื่อคืนวานนี้ และดูทิศทางราคาน้ำมันด้วย เพราะมีผลต่อตลาดไทยมาก อีกทั้งต้องรอดูว่าจะมีการทำ window dressing หรือเปล่าในสัปดาห์นี้ เพราะใกล้ปิดงบไตรมาส 3/52 แล้ว ซึ่งถ้ามีการทำก็น่าจะเป็นตัวช่วยพยุงให้ตลาดฯได้ โดยให้กรอบการแกว่งของสัปดาห์นี้คือ แนวรับ 700-695 จุด แนวต้าน 710-720 จุด
ด้านน.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวลงค่อนแรงกว่า 16 จุด เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งตลาดฯ เผชิญแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ มีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มคอมมูนิตี้
สำหรับ แนวโน้มของตลาดหุ้นในวันนี้ มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นมาได้ และมองว่าดัชนีฯ มีแนวรับทางจิตวิทยาที่ 700 จุด โดยถือว่าเป็นแนวรับที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและน่าจะพยุงดัชนีฯ ไว้ได้ แต่อาจจะเป็นการรีบาวน์ เพื่อปรับตัวลดลงต่อ เพราะดัชนีฯ เพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐานเป็นวันแรก กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ขึ้นขายลงซื้อ โดยประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ 700 จุด แนวต้านไว้ที่ 715 จุด
**พัฒนสินให้เป้าปีนี้สูงสุด817จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน(CNS) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้มองเป้าหมายดัชนี SET ไว้ที่ 762-817 จุด คิดเป็นค่า P/E 14-15 เท่า และคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีการเติบโต 23.5% โดยภาพรวมอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำอยู่ แต่นโยบายการเงินได้มีการผ่อนคลาย จึงมีความหวังถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ส่งผลให้ควรลงทุนในหุ้นที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอาหาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28ก.ย.) ประเดิมวันแรกของสัปดาห์ ด้วยการติดลบจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ ฉุดให้ดัชนีร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 708.88 จุด ลดลง 12.69 จุด หรือ -1.76% มูลค่าการซื้อขาย 20,444.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับฐานแนวเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศ ที่ปรับตัวลดลงถ้วนหน้าเช่นกัน
เช่น ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,580.71 จุด ลดลง 443.69 จุด หรือ -2.11%และ ดัชนี สเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ 2,629.25 จุด ลดลง 33.57 จุด หรือ -1.26%
โดยระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 721.87 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 704.12 จุด หลังหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ถูกเทขาย ซึ่งหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 87 หลักทรัพย์ ลดลง 310 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 77 หลักทรัพย์
**ต่างชาติขายสุทธิไม่ถึง200ล.
ขณะที่ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ซึ่งเปิดเผยถึงสัดส่วนการลงทุนเมื่อแยกเป็นประเภทนักลงทุน กลับพบข้อน่าสงสัยว่า นักลงทุนสถาบันมีการขายสุทธิสูงถึง 2,437.22 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพียง 171.43 จุด โดยมีเพียงนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิรวมถึง 2,608.65 ล้านบาท ซึ่งทำให้หลายฝ่ายมองว่าอาจเป็นการทำ window dressing เนื่องจากใกล้ปิดงบไตรมาส3/2552 และใกล้ที่จะมีการแยกพอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ออกจากสถาบัน
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,335.30 ล้านบาท ปิดที่ 257.00 บาท ลดลง 5.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,200.30 ล้านบาท ปิดที่ 434.00 บาท ลดลง 10.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 864.64 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท ลดลง 1.50 บาท PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 783.11 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.75 บาท และIRPC มูลค่าการซื้อขาย 710.15 ล้านบาท ปิดที่ 4.44 บาท ลดลง 0.12 บาท
** window dressingอาจมีต่อ
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็นช่วงของการปรับฐาน ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงประมาณ 2% โดยมองว่าต่างชาติเริ่มที่จะมีการเทขายทำกำไรในหุ้น โดยเฉพาะในหุ้นบิ๊กแคป อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์-พลังงาน
"วานนี้น่าจะเป็นเรื่อง take profit เป็นหลัก เพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรเป็นปัจจัยเชิงลบที่รุนแรง อีกทั้งที่ผ่านมาหุ้นก็ขึ้นไปเยอะ ก็น่าจะทำให้มีการ take profit ออกมาบ้าง เพื่อรอจังหวะที่จะกลับเข้าไปใหม่"
สำหรับแนวโน้มการลงทุนวันนี้(29 ก.ย.) มองว่า การขึ้นลงของดัชนีหลักทรัพย์น่าจะจะขึ้นอยู่กับข่าวรายวันเป็นหลัก ซึ่งควรจะต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่จะประกาศเมื่อคืนวานนี้ และดูทิศทางราคาน้ำมันด้วย เพราะมีผลต่อตลาดไทยมาก อีกทั้งต้องรอดูว่าจะมีการทำ window dressing หรือเปล่าในสัปดาห์นี้ เพราะใกล้ปิดงบไตรมาส 3/52 แล้ว ซึ่งถ้ามีการทำก็น่าจะเป็นตัวช่วยพยุงให้ตลาดฯได้ โดยให้กรอบการแกว่งของสัปดาห์นี้คือ แนวรับ 700-695 จุด แนวต้าน 710-720 จุด
ด้านน.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้ปรับตัวลงค่อนแรงกว่า 16 จุด เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งตลาดฯ เผชิญแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ มีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มคอมมูนิตี้
สำหรับ แนวโน้มของตลาดหุ้นในวันนี้ มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นมาได้ และมองว่าดัชนีฯ มีแนวรับทางจิตวิทยาที่ 700 จุด โดยถือว่าเป็นแนวรับที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและน่าจะพยุงดัชนีฯ ไว้ได้ แต่อาจจะเป็นการรีบาวน์ เพื่อปรับตัวลดลงต่อ เพราะดัชนีฯ เพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงปรับฐานเป็นวันแรก กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ขึ้นขายลงซื้อ โดยประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ 700 จุด แนวต้านไว้ที่ 715 จุด
**พัฒนสินให้เป้าปีนี้สูงสุด817จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน(CNS) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้มองเป้าหมายดัชนี SET ไว้ที่ 762-817 จุด คิดเป็นค่า P/E 14-15 เท่า และคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะมีการเติบโต 23.5% โดยภาพรวมอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำอยู่ แต่นโยบายการเงินได้มีการผ่อนคลาย จึงมีความหวังถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ส่งผลให้ควรลงทุนในหุ้นที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอาหาร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์