ในช่วงสงครามชิงบ้านชิงเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำขบวนโดย “นช.ทักษิณ ชินวัตร” นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า แต่ละขั้วอำนาจต่างก็พยายามช่วงชิงความได้เปรียบมาสู่ตนเองทั้งสิ้น ทั้งกลุ่มอำมาตย์และกลุ่มอำนาจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโยนหินถามทางเรื่อง “การรัฐประหาร” ที่ถูกปล่อยออกมาถี่ขึ้น
แต่นั่นดูเหมือนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะไม่หลงกลกับเกมที่ถูกโยนออกมาแต่อย่างใด
สองคำสั้นๆ “ยุบสภา-ลาออก” ที่ออกมาจากปากของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ลุกขึ้นมาตอบกระทู้สดของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งกระทู้ถามเรื่องผลกระทบต่อประชาชนในกรุงเทพมหานครอันเนื่องมาจากการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา นั้นคือบทพิสูจน์ที่ยืนยันว่า รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมในครั้งนี้เป็นอย่างดี
“ผมไม่ได้ยึดติดว่าจะอยู่ในอำนาจได้นานแค่ไหน ซึ่งการยุบสภา ลาออกแล้วทำให้ทุกๆ อย่างดีกว่านี้ผมก็ไม่มีปัญหา แต่การปฏิวัติรัฐประหารนั้นผมรับไม่ได้...เพราะการปฏิวัติมีแต่บาดแผลความเสียหายเพิ่มเติม ทำให้บ้านเมืองถอยหลังในสายตาชาวโลกและทำให้ประเทศไทยไปสู่ความรุนแรง ปฏิวัติกันไม่จบไม่สิ้น”
“ยุบสภา” และ “ลาออก” สองคำสั้นๆ คือการส่งสัญญาณถึงบรรดาขุนทหารฝ่ายขั้วอำนาจใหม่และกลุ่มอำมาตย์โดยตรง โดยต้องการ “สะกิดแรงๆ” ไปที่สีข้างท่านนายพลทั้งหลาย โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่เวลานี้มัวแต่สาละวนกับเรื่องของตัวเอง ทั้งเรื่อง GT200 และเรือเหาะบุโรทั่ง และกลับมาให้ความสนใจกับการชุมนุมที่เกิดขึ้นเสียที
เพราะหลังตรวจแนวรบในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานแล้ว นายอภิสิทธิ์คงเห็นสัจธรรมว่า บรรดา “ท่านนายพล” ทั้งหลายยังคงไม่มีทีท่าว่าจะให้ความมั่นใจ จะเข้ารวมพลังเป็นปึกแผ่นกับรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เพื่อรับมือกับการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่คอการเมืองหลายคนฟันธงว่า “รุนแรง!” และมีโอกาสถึงขั้นนองเลือด
ท่านนายพลคงทำตัว “สบายๆ” กันเกินไป จนลืมนึกไปว่า “ไพ่ยุบสภา” เสมือนหนึ่งเป็นดาบอาญาสิทธิ์ที่นายกฯ อภิสิทธิ์สามารถหยิบมาใช้ได้ในทันที และหากเลือกทิ้งไพ่ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ในห้วงเวลานี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงยิ่งทีเดียวที่พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งและสามารถจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศกันอีกครั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่า ท่านนายพลขั้วอำนาจใหม่ก็คงชะตาขาดถูกเด้งพ้นจากเก้าอี้ไปในเวลาไม่ช้า
จากนั้นก็จะตามมาด้วยการเช็คบิลอีกสารพัดชนิดที่เรียกว่า ไม่อาจมีชีวิตในบั้นปลายที่เป็นสุขได้เลยทีเดียว
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มีความเป็นไปได้สูงที่นายอภิสิทธิ์จะได้กลิ่นไม่ดีโชยออกมาจากค่ายทหารในท่วงทำนองว่า อาจมีการทำรัฐประหารโดยอ้างมุขเก่าๆ เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีตว่า รัฐประหารเพื่อชาติ รัฐประหารเพื่อทำให้บ้านเมืองสงบ
ดังนั้น นายอภิสิทธิ์จึงประกาศชัดๆ ให้ตรงลงไปที่กล่องดวงใจเลยว่า บรรดาขุนทหารทั้งหลายเอ๋ย ต่อไปนี้ให้เลิกฝันหวานถึงการปฏิวัติรัฐประหารเพื่อ "ครองอำนาจยาว" และให้เลิกทำตัวเป็นตาอยู่รอให้รัฐบาลสู้รบตบมือกับ นช.ทักษิณตามลำพัง และรอเวลาให้แต่ละฝ่ายล้มตายจากกันไปทีละคนสองคน ก่อนที่ตัวเองจะช่วงชิงสถานการณ์ด้วยการทำรัฐประหารเพื่อสวมบท “ฮีโร่” เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
ดังนั้น การทิ้งไพ่ยุบสภาของนายอภิสิทธิ์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา และสุขุมนุ่มลึกจนต้องยกเหล้าคารวะสักหลายจอกทีเดียว