xs
xsm
sm
md
lg

GT200 “เถิกป๊อก”ดื้อตัวพ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า คนอย่าง “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบก จะมีความดื้อต่อกรณีไม้ล้างป่าช้า “GT200” ถึงเพียงนี้ เพราะถึงแม้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์จะนำผลการตรวจพิสูจน์ออกมาให้เห็นชัดๆ แล้วว่า “สุ่มเสี่ยง” ที่จะทำให้ผู้ใช้ ซึ่งก็คือ ทหารที่เป็นลูกน้องของตนเองไม่ปลอดภัย และนำคณะผู้เชี่ยวชาญไปชี้แจงในพื้นที่ แต่กระทั่งถึงทุกวันนี้ ทหารในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงใช้ไม้ล้างป่าช้านี้ต่อไป

และเมื่อหัวอย่างบิ๊กป๊อกไม่กระดิก ลูกน้องก็ย่อมไม่กระดิกเช่นกัน ดังเช่นที่ “พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร” แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ยังคงพูดตอกย้ำซ้ำไปซ้ำมาว่า “ในปัจจุบันเมื่อยังไม่มีเครื่องมือใหม่ มาทดแทน ก็ยังคงต้องใช้เครื่องจีที200 เนื่องจากยังมีความจำเป็น และเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ใช้เครื่องนี้มากับมือ มีความมั่นใจ ก็จะต้องใช้ไปก่อน เพราะหากไม่มีเครื่องจีที200 ก็เปรียบเหมือนคนที่มีมือเปล่าตาเปล่า มองไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้น การที่ใช้เครื่องจีที200 นั้น ก็เป็นการใช้เพื่อตรวจสอบเหตุในเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีการนำไปชี้ตัวบุคคล”

งานนี้เล่นเอานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีถึงกับปวดขมับเพราะคุณหญิงกัลยากลับมารายงานว่า ทหารดูเหมือนจะไม่เชื่อและยังคงใช้ไม้ล้างป่าช้าต่อไป

“เท่าที่สอบถามด้วยวาจา ทาง รมว.วิทยาศาสตร์ยังมีความกังวลเพราะมุมมองความเข้าใจยังต่างกันมาก ระหว่างผู้ปฏิบัติ และผลการทดสอบ”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนราธิวาสถึง 8 จุดภายในวันเดียว เพราะต้องยอมรับว่า ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ในลักษณะนี้นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้ว แต่หลังจากมีบทพิสูจน์ออกมาแล้วว่า GT200 เป็นได้แค่ไม้ล้างป่าช้า กลับเกิดเหตุความรุนแรงเยี่ยงนี้ขึ้น

และในฉับพลันทันที ทหารก็นำเครื่อง GT200 ออกมาใช้ให้เห็นกันอย่างคึกคักและครึกครื้นเหมือนเดิม จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นปฏิบัติการตอบโต้หรือปฏิบัติการเพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพของเครื่อง GT200 ให้สังคมและนายอภิสิทธิ์และคุณหญิงกัลยาหรือไม่ว่า ถ้าหากมีการใช้เครื่อง GT200 คงไม่เกิดเหตุเช่นนี้

ยิ่งเมื่อพิจารณาคำพูดของ “พ.อ.บรรพต พูลเพียร” โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ด้วยแล้ว ยิ่งชวนให้สงสัยไปใหญ่ เพราะพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ในช่วง 2 สัปดาห์หลังการสรุปผลการตรวจเครื่อง GT200 ว่า ไม่มีประสิทธิภาพ ได้มีการลอบวางระเบิดมากถึง 27 ครั้ง

คำถามก็คือ ทำไม พล.อ.อนุพงษ์ถึงได้นำเอาชีวิตและทรัพย์สินของทหาร และประชาชนเป็นตัวประกัน เพราะนอกจากจะไม่ห้ามใช้แล้ว ยังได้สั่งให้เก็บสถิติข้อมูลต่างๆ ต่อไปอีก เสมือนหนึ่งไม่เชื่อผลการพิสูจน์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และต้องการพิสูจน์ด้วยตนเองว่า มันใช้ไม่ได้จริงๆ กระทั่งลืมไปว่า การพิสูจน์เช่นนั้นมีชีวิตทหารซึ่งเป็นลูกน้องของตนเองเป็นเดิมพัน

พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ถึงกับให้ความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า “เมื่อพิสูจน์จีที 200 แล้วยังมีการใช้อยู่ ถ้าตายขึ้นมา ผบ.ต้องรับผิดชอบ”
หรือแม้กระทั่งข้อสงสัยต่อเหตุการณ์ระเบิดที่หน้าธนาคารกรุงเทพ 4 สาขาที่หลายคนมองว่า เป็นปฏิบัติการสั่งสอนคุณหญิงกัลยาที่เข้ามาวุ่นวายกับกิจการของกองทัพหรือไม่ ก็เป็นสมมติฐานที่น่าฟังอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงสามารถสรุปได้ว่า จริงๆ แล้ว GT200 ไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาก็คือ “พล.อ.อนุพงษ์” เพราะตราบใดที่ผู้บัญชาการทหารบกยังไม่มีคำสั่งห้ามใช้ ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ก็ยังคงสามารถใช้เครื่อง GT200 ได้อีกต่อไป ซึ่งนั่นไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิตหรือไม่ และอีกกี่มากน้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น