“สุเทพ” แนะรอฟังกองทัพแจง GT200 เชื่อกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล ไม่กลัว สตง.สอบ เปรียบซื้อรถใช้ยังมีปัญหาเลย รับเห็นใจเจ้าหน้าที่ เชื่อรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไล่สื่อไปถาม “อนุพงษ์” ทำไมซื้อของไม่ดูประสิทธิภาพ อ้างกางปีกป้องเพราะยังไม่พบว่าทำผิด สวน บ.ผู้ดีจัดอันดับไทยเสี่ยงก่อการร้ายเพิ่มใช้หลักเกณฑ์อะไร ยันไฟใต้ดีขึ้น รัฐเดินมาถูกทางแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณี เครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุติการสั่งซื้อ และเกรงจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับกองทัพว่า ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน วันนี้กองทัพจะชี้แจงเรื่องจีที 200 ขอให้ฟังคำชี้แจงของกองทัพดีกว่า เมื่อถามว่า ทางกองทัพน่าจะฟังเสียงคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นถือเป็นเด็ดขาดหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “ฟังกองทัพดีกว่า ผมไม่รู้จะไปพูดคงไม่ดี” เมื่อถามว่า โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (ว.ทบ.) ไม่ใช่ไสยศาสตรบัณฑิต นายสุเทพไม่ตอบคำถามได้แต่หัวเราะ
เมื่อถามว่า กรณีที่ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะตรวจสอบราคาจัดซื้อเครื่องจีที200 นายสุเทพกล่าวว่า ตรวจสอบได้ สตง.มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของส่วนราชการอยู่แล้ว ท่านก็ต้องทำหน้าที่ ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาด ซึ่ง ตนคิดว่าเราต้องแยกประเด็นว่า ของใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ใช้ดีหรือใช้ไม่ดี กับวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างที่เรียนแล้วว่าในอดีตเคยมีเรื่องการซื้อของแล้วใช้ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาทุจริตคอรัปชั่น ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าเขาทุจริตคอร์รัปชันอย่างนี้ก็เป็นธรรมดา “ก็เหมือนเราซื้อรถมาใช้บางครั้งก็มีปัญหา อย่างนี้ก็ไปโกรธคนขายไม่ได้”
เมื่อถามว่า กรณีจีที 200 เป็นกรณีตัวอย่างต่อไปหากมีการจัดซื้อก็ต้องตรวจสอบละเอียดก่อนจัดซื้อหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ความจริงถ้าให้ตนไปซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้สักเครื่องหนึ่ง ตนก็คงไม่ไปแกะกล่องดูว่าข้างในเป็นอย่างไร หรือซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้ ตนก็เชื่อตามที่เขาโฆษณา เพราะตนไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่ก็ไม่อยากแก้ตัวแทนใคร เพียงแต่พยายามจะเข้าใจซึ่งวันนี้ก็ต้องสงสารและเห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ไปมือเปล่าในดงทุ่นระเบิด เขาก็อยากได้เครื่องไม้เครื่องมือที่จะคลำหาว่าอันตรายอยู่ตรงไหน จะได้แก้ไขได้ในการป้องกันทรัพย์สินชีวิตประชาชนได้ และเมื่อมีคนมาเสนอ เขาก็ทดลองใช้และเห็นว่าใช้ได้ เขาก็ขอกันใหญ่ ซึ่งเราก็เห็นใจ ถ้าเราไปสั่งให้เขาทำงานในพื้นที่แล้วบอกว่า หลับตาคลำก็แล้วกันอย่างนี้ก็ไม่ไหว
เมื่อถามว่า ในทางกลับกันการจัดหาอะไรมาผู้บังคับบัญชาน่าจะมีความระมัดระวังให้มาก เพราะคนที่ถูกสั่งให้ทำงานก็ต้องทำทั้งนั้นแม้จะตายก็ต้องทำ ทำไมคนซื้อไม่ดูว่าของมีประสิทธิภาพหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ดีแล้ว ช่วยเก็บคำถามนี้ไปถามพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่เขาจะชี้แจงในทีวีวันนี้ดีกว่า
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาดูเหมือนท่านปกป้อง ผบ.ทบ. นายสุเทพกล่าวว่า ตนปกป้องทุกคน และจะตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่า บรรดาข้าราชการทั้งหลายเป็นคนดี จนกว่าเมื่อไหร่ที่มีพิสูจน์ชัดเจนว่าคนนี้เป็นคนไม่ดี เมื่อนั้นตนจึงจะยอมรับ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีเหตุการณ์ หรือยังไม่มีหลักฐานมายอมรับว่าเขาทำไม่ดี ตนก็ต้องอยู่ข้างเขาไว้ก่อนว่าเขาเป็นคนดี
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงยังกล่าวถึงกรณีที่บริษัท เมเปิ้ล คอฟ ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษจัดอันดับประเทศไทยอยู่อันดับ 9 ที่ มีความเสี่ยงในเรื่องของการก่อการร้าย โดยยกกรณีเหตุการณ์ในภาคใต้ของไทยว่า ไม่ทราบว่าบริษัทนี้พิจารณาจากหลักเกณฑ์อะไรบ้าง แต่สถานการณ์ในภาคใต้นั้นจะเห็นว่าสถิติของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบย้อนหลังไปก็จะเห็นว่าดีขึ้นซึ่งมีตัวเลขแสดงชัดเจน แต่ปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะจบในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เลย แต่ในยุคนี้เราลงพื้นที่กันบ่อยมากทั้งนายกฯและรัฐมนตรี ซึ่งก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าดีขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่ากรณีของภาคใต้รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว และเชื่อว่าจะรักษาสถานการณ์ที่ดีอย่างนี้เอาไว้ได้ และพัฒนาให้ดีขึ้นตามลำดับ