ASTVผู้จัดการรายวัน – นายกส.อาคารชุดฯชี้ทางรอดอสังหาฯรายกลาง-เล็ก แข่งยึดทำเล พัฒนาสินค้าที่ถนัดและชำนาญ เจาะกลุ่มลูกค้าเดิมสู้รายใหญ่ ด้านสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร แนะ 4 คัมภีร์ในการทำธุรกิจ ส่วนค่ายพฤกษาฯ โชว์เทคนิคเร่งยอดขาย ใช้เงินหมุนเวียน เปิดตลาดใหม่ เพิ่มยอด ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มสินทรัพย์ เร่งรอบรายรายได้ ด้าน KK ชี้ซิตี้คอนดดสกัดดีมานด์บ้านในอนาคตชะลอตัดสินใจซื้อลูกค้าคนรุ่นใหม่
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวในงานสัมมนาประจำปีของธนาคารเกียรติ นาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK วานนี้( 11) ในหัวข้อ “ยุทธวิธีสู่ชัยชนะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี53” ว่า ปัญหาของกลุ่มผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก คือ การเข้าสู่ตลาดที่ตนเองไม่มีความชำนาญและโฟกัสกลุ่มลูกค้า รวมถึงการวางตำแหน่งสินค้าไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงกลุ่ม ดังนั้น หากปรับเปลี่ยนวิธีคิดดังกล่าวได้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ได้
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบตลาดอสังหาฯและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ นั้น ปัจจัยแรก คือ ปัญหาการเมืองในวันที่14-15 มี.ค.นี้ ปัจจัยที่สอง เป็นส่วนของโครงการงบไทยเข้มแข็ง (SP2) ส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ในการก่อสร้างโครงการภาครัฐ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางควรระมัดระวัง คือ ความพร้อมของบริษัทฯ หรือตรวจสุขภาพของบริษัทว่า มีข้อด้อย และมีจุดเสี่ยงที่ใดบ้าง
โดยทำการตรวจ 4 ในส่วน คือ 1. ยอดขาย 2.ตรวจสอบรายจ่าย 3.เงินหมุนเวียนในบริษัท และ4. สัญญาณการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าจากสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนั้น จำเป็นต้องมีการจับมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการเพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาโครงการและเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในจุดที่ด้อยอยู่ เช่น รอบของการก่อสร้าง หากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานไป ควรหาพันธมิตรที่มีระบบก่อสร้างที่รวดเร็วมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างลง
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์ที่ผลักดันให้บริษัทสามารถเติบโต ทั้งในด้านยอดขายและสินทรัพย์ รวมถึงมีหนี้สินต่ำ คือ การเร่งรอบการรับรู้รายได้ ส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าในระยะเวลาที่สั่นที่สุด โดยใช้เงินหมุนเวียนของบริษัทและลดการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน
ดังนั้นที่ผ่านมา บริษัทจึงไม่มีการก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่หรือบ้านพร้อมโอน เพราะลดปัญหาสต๊อกหรือเงินจมในตัวสินค้า ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนและพัฒนาระบบพรีแฟบในการเร่งการก่อสร้างโครงการ ทำให้ส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเร็วขึ้น
“ แนวโน้มตลาดอสังหาฯในปีนี้ต่อไปในอนาคต ความต้องการของลูกค้านั้นจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ดังนั้น ในช่วงต่อจากนี้ บริษัทจำเป็นต้องปั้นตลาดใหม่เพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ไปด้วย โดยมีแผนจะเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าคนรุ่นใหม่ จากที่ต้องการซื้อรถเป็นสิ่งแรกในชีวิต เปลี่ยนมาซื้อคอนโดฯชิ้นแรกในชีวิตแทน โดยบริษัทจะออกสินค้าใหม่เจาะกลุ่มลูกค้าที่คำนึงถึงการเดินทาง ใกล้แหล่งงาน ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ค่างวดผ่อนต่อเดือน 20,000 บาท ซึ่งอยู่ในกลุ่มซิตี้คอนดดฯ ออกมารองรับลูกค้ากลุ่มนี้ ”
ดังนั้น กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและรายกลางที่จะเข้ามาในตลาดคอนโดฯในระดับเดียวกับบริษัทได้นั้นจะต้องมีความรวดเร็วในการก่อสร้างราคาและต้นทุนที่ใกล้เคียงและอยูในทำเลที่เหมาะสมด้วย
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวในงานสัมมนาประจำปีของธนาคารเกียรติ นาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK วานนี้( 11) ในหัวข้อ “ยุทธวิธีสู่ชัยชนะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี53” ว่า ปัญหาของกลุ่มผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก คือ การเข้าสู่ตลาดที่ตนเองไม่มีความชำนาญและโฟกัสกลุ่มลูกค้า รวมถึงการวางตำแหน่งสินค้าไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงกลุ่ม ดังนั้น หากปรับเปลี่ยนวิธีคิดดังกล่าวได้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ได้
นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวถึงปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบตลาดอสังหาฯและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ นั้น ปัจจัยแรก คือ ปัญหาการเมืองในวันที่14-15 มี.ค.นี้ ปัจจัยที่สอง เป็นส่วนของโครงการงบไทยเข้มแข็ง (SP2) ส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ในการก่อสร้างโครงการภาครัฐ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางควรระมัดระวัง คือ ความพร้อมของบริษัทฯ หรือตรวจสุขภาพของบริษัทว่า มีข้อด้อย และมีจุดเสี่ยงที่ใดบ้าง
โดยทำการตรวจ 4 ในส่วน คือ 1. ยอดขาย 2.ตรวจสอบรายจ่าย 3.เงินหมุนเวียนในบริษัท และ4. สัญญาณการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าจากสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนั้น จำเป็นต้องมีการจับมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการเพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาโครงการและเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในจุดที่ด้อยอยู่ เช่น รอบของการก่อสร้าง หากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานไป ควรหาพันธมิตรที่มีระบบก่อสร้างที่รวดเร็วมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างลง
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์ที่ผลักดันให้บริษัทสามารถเติบโต ทั้งในด้านยอดขายและสินทรัพย์ รวมถึงมีหนี้สินต่ำ คือ การเร่งรอบการรับรู้รายได้ ส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าในระยะเวลาที่สั่นที่สุด โดยใช้เงินหมุนเวียนของบริษัทและลดการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน
ดังนั้นที่ผ่านมา บริษัทจึงไม่มีการก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่หรือบ้านพร้อมโอน เพราะลดปัญหาสต๊อกหรือเงินจมในตัวสินค้า ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนและพัฒนาระบบพรีแฟบในการเร่งการก่อสร้างโครงการ ทำให้ส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเร็วขึ้น
“ แนวโน้มตลาดอสังหาฯในปีนี้ต่อไปในอนาคต ความต้องการของลูกค้านั้นจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ดังนั้น ในช่วงต่อจากนี้ บริษัทจำเป็นต้องปั้นตลาดใหม่เพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ไปด้วย โดยมีแผนจะเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าคนรุ่นใหม่ จากที่ต้องการซื้อรถเป็นสิ่งแรกในชีวิต เปลี่ยนมาซื้อคอนโดฯชิ้นแรกในชีวิตแทน โดยบริษัทจะออกสินค้าใหม่เจาะกลุ่มลูกค้าที่คำนึงถึงการเดินทาง ใกล้แหล่งงาน ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ค่างวดผ่อนต่อเดือน 20,000 บาท ซึ่งอยู่ในกลุ่มซิตี้คอนดดฯ ออกมารองรับลูกค้ากลุ่มนี้ ”
ดังนั้น กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและรายกลางที่จะเข้ามาในตลาดคอนโดฯในระดับเดียวกับบริษัทได้นั้นจะต้องมีความรวดเร็วในการก่อสร้างราคาและต้นทุนที่ใกล้เคียงและอยูในทำเลที่เหมาะสมด้วย