xs
xsm
sm
md
lg

จับตา7วันอันตราย กมม.จี้มาร์คงดไปนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พรรคการเมืองใหม่ห่วง 7 วันอันตราย แนะนายกฯ กล้าหาญ อยู่ในประเทศรับมือม็อบ เพื่อเป็นเอกภาพ “สุริยะใส” จี้รัฐบาลเกาะติดปล้นปืนพัทลุง แฉกระสุนปืนทั้ง กทม.และ ตจว.เกลี้ยงแผง หวั่นแดงถ่อยปิดถนนสร้างเงื่อนไขเผชิญหน้าคนกรุง

วานนี้ (7 มี.ค.) ที่พรรคการเมืองใหม่ ถนนพระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรค และนางเสน่ห์ หงษทอง กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าว

นายสำราญ กล่าวประเมินสถานการณ์การเมืองว่า พรรคการเมืองใหม่ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุม “เคทอง”และลูกน้องของพล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผลได้ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์บางอย่างดีขึ้นบ้าง แต่กล่าวถึงที่สุดแล้วขณะนี้ สถานการณ์โดยรวมยังน่าเป็นห่วง โดยจะเข้าสู่ภาวการณ์วิกฤตตั้งแต่ 12-18 มี.ค.2553 หรือ “ 7 วันอันตราย” อะไรก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ น่าเชื่อว่าคนเสื้อแดงหลายหมื่นคนหรือเรือนแสนจะเข้าร่วมชุมตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นไป แม้คนเสื้อแดงประกาศชุมนุมอย่างสันติ แต่ในขบวนคนเสื้อแดงมีแนวทางการต่อสู้หลายแนวทางรวมทั้งแนวทางรุนแรง หากมีเหตุการณ์แทรกซ้อนเกิดขึ้นอาจเกิดการจลาจลปั่นป่วน บาดเจ็บล้มตาย ได้ไม่ยาก

“สถานการณ์การเมืองกำลังเข้าสู่จุดแตกหัก เชื่อว่าการจับกุมมือปาระเบิดแบงค์กรุงเทพ และการจับกุม”เคทอง”กับพรรคพวกร่วมแล้ว 7-8 คน จะทำให้สถานการณ์อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ภาพใหญ่น่าห่วงใยบ้านเมืองกำลังเดินเข้าสู่ภาวะวิฤกติ 7 วันอันตราย 12-18 มีนาคม คงได้เห็นคนเป็นแสนคน เสื้อแดงประกาศว่าจะชุมนุมอย่างสันติ”

**สำรวจกลยุทธ์แดง 7 วันอันตราย

นายสำราญกล่าวว่า แนวทางการชุมนุมต่อสู้ของคนเสื้อแดงภายใต้การบงการของทักษิณ ชินวัตร เป้าหมายหลัก ๆยังอยู่ที่ 1)กดดันให้รัฐบาลยุบสภาหรือลาออก 2)หากนายกฯไม่ยุบสภาหรือลาออก อาจมีการสร้างสถานการณ์ให้จลาจล นองเลือดโดยหวังให้องค์พระประมุขลงมาคลี่คลายวิกฤตการณ์ในรูปแบบเดียวกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 3)หากข้อ1,2 ไม่บรรลุ ก็อาจจะหันไปต่อสู้ในสภาผู้แทนราษฎรเปิดศึกอภิปราย พยายามเปลี่ยนขั้วรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหรือจัดการชุมนุมอีก และ4)ทางเลือกสุดท้ายอาจจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ดังที่กลุ่มของนายจักรภพ เพ็ญแข ได้พยายามขายความคิด

“เห็นว่าอาจจะเหตุการณ์แทรกซ้อน ปั่นป่วน บาดเจ็บล้มตาย ดังนั้นวันนี้ที่นายกฯออกมายอมรับ อาจมีการก่อวินาศกรรม จึงไม่ให้เรื่องเลื่อนลอย บ้านเมืองอะไรมีสิทธิเกิดขึ้นได้ เพราะเป้าหมายหลัก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้ ยุบสภา เพราะเลือกตั้งเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยก็ชนะ หากยุบสภา ไม่ได้ นายกฯไม่ลาออก ก็จะมีการสร้างสถานการณ์จลาจลนองเลือด อยากให้บ้านเมืองปั่นป่วน อยากให้ ในหลวง ออกมาคลี่คลายวิกฤตการณ์ เหมือนวันที่ 20 พ.ค.35หรือเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 35 หากไม่บรรลุ ก็จะเปิดเกมการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออัดฉีดให้มีการเปลี่ยนขั้วหรือให้ ร.ต.อ.เฉลิมก็เป็นนายกได้ รวมไปทั้งข่าวการจีบ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งมีการทาบทามเสธ.หนั่นจริงๆ แต่ไม่สำเร็จ และสุดท้ายจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ที่นายจักรภพ พยายามขายโมเดล เช่น ภูฏานโมเดลและเนปาลโมเดล ตลอดเวลา”

**แนะนายกฯ เลื่อนเดินทางตปท.

นายสำราญกล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ มีความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง และได้วิเคราะห์ วิจารณ์พร้อมข้อเสนอแนะมาโดยลำดับ วันนี้เรายังยืนยัน ว่า ขณะนี้คนเสื้อแดงมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างเต็มที่ แต่ขอให้เดินแนวทางสันติ อหิงสาอย่างที่ประกาศไว้จริง ๆขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ต้องไม่ละเมิดจาบจ้วงต่อสถาบันสำคัญของชาติ

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ และมีความพร้อมด้านการข่าว การแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นจริง รวมทั้งประสานกับประชาชน ชาวชุมชนต่าง ๆ ที่มีความเร่าร้อนเป็นห่วงบ้านเมืองอยากจะมีส่วนร่วม เป็นหูเป็นตาให้รัฐบาล ขณะที่รัฐบาลไม่อาจจะนิ่งดูดายการโจมตีสถาบันองคมนตรี ประธานองคมนตรี ภายใต้วลี “อำมาตย์” เพราะแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นการโจมตรีตัวบุคคลอย่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เท่านั้นหากแต่การโจมตีในหลาย ๆประเด็นขาดเหตุผลและมุ่งกระทบไปถึงสถาบันสำคัญของชาติ

“รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายเต็มที่ ประสานมือกับชุมนุมต่างๆ เพราะพรรคการเมืองใหม่ไม่ต้องการเห็นชาวบ้านฆ่าชาวบ้าน ขณะเดียวกันการที่สามเกลอพยายามชูธงล้มอำมาตย์ โจมตีพล.อ.เปรมและสถาบันองคมนตรี อย่างรุนแรงมาหนึ่งปีเต็ม เป็นเรื่องน่าคิดรัฐบาลไม่ควรนิ่งดูดาย เพราะประธานองคมนตรีเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าแผ่นดิน หลายประเด็นมุ่งกระทบสถาบันของชาติ”

เพื่อเป็นผลดีต่อสถานการณ์บ้านเมืองและตัวนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีว เอง พรรคการเมืองใหม่ขอสนับสนุนให้นายกฯ เลื่อนการเดินทางไปประชุมระหว่างประเทศที่ประเทศออสเตรเลียในวันที่ 13-14 มี.ค.2553ไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศใช้พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในหรือกฎหมายพิเศษหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แสดงออกถึงการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนในยามบ้านเมืองไม่อยู่ในภาวะปกติสุข และแสดงถึงภาวะผู้นำประเทศ

“การที่นายกฯระบุว่าหากมีการใช้กฎหมายพิเศษ จะไม่เดินทางไปต่างประเทศ พรรคการเมืองขอให้ นายกฯอยู่ประเทศไทยอยู่ร่วมทุกข์สุขกับประชาชน หากนายกฯไม่อยู่ มีอะไรเกิดขึ้นจะเสียต่อตัวนายก ขอให้ประกาศว่าจะอยู่เมืองไทยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น”

**ปูดกระสุนกทม.-ตจว.เกลี้ยงแผง

ด้านนายสุริยะใส กล่าวห่วงใยต่อสถานการณ์การเมืองว่า เป็นห่วงว่าภาครัฐจะรักษาสถานการณ์ไม่อยู่ เรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงตามไม่ทันมีหลายประเด็น เช่น การเคลื่อนไหวของ นปช.ขณะนี้เชื่อว่า จะไม่ใช้วิธีสันติวิธีอย่างแน่นอน เพราะเนื้อหาในการชุมนุมครั้งนี้มีการปลุกระดมต่อเนื่อง ยั่วยุ ชี้นำสร้างความเกลียดชังให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ นปช. เหตุการณ์หลายๆอย่างได้ปฏิเสธแนวทางการเคลื่อนไหวสันติวิธี ซึ่งแตกต่างจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ

“อาวุธบางส่วนที่หายไปจากคลังแสง ค่ายทหารที่จ.พัทลุง มีนัยยะสำคัญกับการปฏิบัติการรุนแรงในครั้งนี้ ที่หลายฝ่ายคิดไปว่า เมืองหลวงจะตกเป็นเป้า แต่พรรคการเมืองใหม่ เห็นว่า เป้าของการก่อความไม่สงบไม่ใช่เมืองหลวงเท่านั้น แต่จะเป็นมหานครหรือเมืองใหญ่ในภูมิภาค จังหวัดใหญ่ ๆแหล่งท่องเที่ยว พื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่จะตกเป็นเป้า และที่น่ากังวลกว่านั้นประกอบกับทราบจากทางการข่าวว่า ลูกปืน กระสุนปืนชนิดต่าง ๆขาดตลาดทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดไปนับเดือนแล้ว และทราบจากเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันเช่นกัน อาจะเป็นไปได้ว่ากลุ่มที่คิดจะก่อการบางกลุ่มได้มีการกว้านซื้อไว้ครอบครองเป็นจำนวนมากจึงเป็นน่าเป็นห่วง”
 
ดังนั้น จึงไม่อยากให้รัฐบาลชะล่าใจ ขอให้เร่งมีการตรวจสอบว่า เป็นการเตรียมการบางอย่างหรือไม่ ประกอบกับการหายไปของอาวุธในคลังแสง จ.พัทลุง

**ห่วงคนกรุงเทพเผชิญหน้า นปช.

นายสุริยะใส กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือหากแกนนำนปช.ไม่ระมัดระวัง โอกาสเผชิญหน้าในหมู่ประชาชนด้วยกันมีสูงเพราะวิธีการกดดันไม่เฉพาะรัฐเท่านั้น ยังมีการคุกคามไปยังประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำ ด้วยเช่น การปิดถนนสี่มุมเมือง ที่ต้องการให้ การจราจรในกรุงเทพเป็นอัมพาต ให้ง่ายกับการก่อจลาจลนองเลือด รวมทั้งการปิดสถานที่สำคัญๆ เช่น สถานที่ราชการทุกแห่ง บ้านสี่เสาร์เทเวศน์ สตช. บช.น สื่อมวลชน รวมไปถึงพรรคการเมืองใหม่ ด้วย ซึ่งจะได้ประสานเจ้าหน้าให้มาดูแล
 
ทั้งนี้ ยุทธการ นปช.รอบนี้แกนนำต้องไตร่ตรองให้มาก เพราะหากไตร่ตรองไม่มาก จะกลายไปสร้างแรงกดดันให้กับประชาชนด้วยกันโดยเฉพาะคน กทม.ไม่พอใจจนเกิดความโกรธแค้น นำไปสู่การจัดตั้งให้ประชาชนมาเผชิญหน้ากัน ตรงนี้เป็นสัญญานที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ข้อเรียกร้องของนปช. อาจจะฟันธงได้ว่า ไม่ใช่คิดจะไล่รัฐบาลอย่างเดียว แต่นำไปสู่การต่อต้านคำพิพากษาของศาล ข้อเรียกร้องอย่างนี้ จึงต้องได้มาด้วยวิธีพิเศษเท่านั้นการชุมนุมธรรมดาคงไม่ใช่ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ฝ่ายความมั่นคงและสื่อมวลชน วิเคราะห์ว่า การจลจลหรือการวินาศกรรมเป็นสิ่งที่ นปช.ต้องพี่งพิง ไม่ต่างกันที่ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาถูกปิดล้อม 4 ด้าน และจะนำไปสู่การกระตุกใช้อำนาจพิเศษบางอย่างเพื่อตัดไฟต้นล้มคือ รัฐประหารซึ่งเป็นที่ต้องการของ นปช.

**'เพื่อแม้ว'เข้าข่ายยุบพรรคฐานล้ม ปชต.

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า กรณีที่บุคคลใดหรือพรรคใด มีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามมาตรา 68วรรคสอง ต้องมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค ดังนั้นการพรรคเพื่อไทย ปล่อยให้กรรมการบริหารพรรค.และสมาชิกพรรคขึ้นเวทีทำสงครามประชาชน เกณฑ์กันมาต่อต้านคำพิพากษา จำเข้าข่ายล้ามล้างหรือไม่ ดังนั้นสำนักงานอัยการสูงสุด ควรจะเข้ามาตรวจสอบ ตามมาตรา 68 วรรคสอง

(ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว)

นายกฯควรหยุดเดินทางไปต่างประเทศ และนายกฯต้องเข้ามาบัญชาการทุกหน่วยด้วยตัวเองเพื่อเป็นเอกภาพ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยเมษาเลือด ขณะที่คนไทยทั้งประเทศอย่าวิตกกังวลขอให้ตั้งสติเพราะขณะนี้คน กทม.ต้องการที่จะออกจากพื้นที่ในช่วงนั้นไปพักร้อนต่างจังหวัด ดังนั้นจึงเรียกร้องอย่าออกไปแต่ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เฝ้าบ้านนี้เมืองนี้และอย่าปล่อยให้ใครทำลายทรัพย์ของทางราชการ
 
“สุดท้ายขอเตือนไปถึงนปช. เพราะหากเราอ่านคัมภีร์เดียวกัน ผ่านประสบการณ์มา ขอเตือนว่าวิธีการที่ นปช.ทำทั้งหมด กำลังพาคนไปตาย เพราะความรับผิดชอบสูงสุดของผู้นำมวลชน คือชีวิตประชาชนต้องปลอดภัย”.
กำลังโหลดความคิดเห็น