พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน (วันที่ 27 ก.พ.53) พระองค์ทรงแสดงปริศนาธรรมอันสำคัญยิ่ง ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็น บ่งบอกว่า “ทองแดงซื่อสัตย์กว่านักการเมือง ข้าราชการหลายคนเป็นไหนๆ”
กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ทักษิณ ศาลได้แสดงให้เห็นชัดว่าทักษิณ ทำผิดมายมายหลายประการ เป็นผู้ทรยศต่อชาติและประชนชน ทักษิณไม่ยอมรับการตัดสินของศาล จะยอมรับได้ไงก็เค้าเองหนีคดีอยู่ มันเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้รู้ว่า ทักษิณคือสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายในทุกด้านของนักการเมืองโกงกินชาติ ปล้นประชาชน ขอให้ช่วยกันติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกันภัยร้ายต่อไป
วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญของชาวพุทธ เป็นวันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ และเป็นวันกตัญญูแห่งชาติ นับแต่ครั้งพุทธกาลเป็นวันที่ชาวพุทธทั้งหลายถือเป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่ง โดยชาวพุทธทำการบูชาอย่างมีสติ มีปัญญา เป็นการบูชาเพื่อระลึกถึงอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระอรหันต์ ด้วยความรัก ความเมตตา ทุ่มเท อุทิศตนอย่างไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต ไม่เลือกชาติ ชั้นวรรณะ เพื่อให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริง อิสระหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง จึงเป็นวันแห่งความรัก เมตตา กรุณา ที่สะอาด สว่าง สงบ สันติอย่างแท้จริง
สำหรับประเทศไทยสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงจัดให้เป็นวันสำคัญทางพระศาสนาอย่างเป็นทางการสำหรับชาวพุทธ นับแต่นั้นเป็นต้นมา วันมาฆบูชา ในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เป็นวันที่ชาวพุทธเข้าวัดศึกษาและปฏิบัติบูชา ในวันเพ็ญเดือนมาฆะ หรือวันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะ หรือวันเพ็ญหรือที่เรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต อันเป็นพุทธประเพณี มีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดอย่างมหัศจรรย์ 4 ประการ คือ
1. เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันเพ็ญเดือน 3
2. ภิกษุสาวก จำนวน 1,250 องค์มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวนรามมหาวิหาร โดยมิได้นัดหมาย
3. ภิกษุ ที่มาประชุมกันล้วนเป็น เอหิ ภิกขุ อุปสัมปทา คือได้รับอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า
4. ภิกษุสาวกทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
ในการประชุมครั้งนี้ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง พระโอวาทปาติโมกข์ เป็นครั้งแรก อันเป็นหลักคำสอนที่ถือได้ว่าพระองค์ทรงประกาศให้พระอรหันตสาวกทั้งหลายได้น้อมนำไปปฏิบัติในการเผยแผ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นทั้งอุดมการณ์, หลักการ, และเป็นวิธีการในการเผยแผ่ พระไตรปิฎก เล่มที่ 10 ข้อที่ 54 ความว่า
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าว พระนิพพาน ว่าเป็นธรรมอันยิ่ง (บรมธรรม)
นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุศะลัสสูปะสัมปะทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว
เอตัง พุทธานะสาสะนัง นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย
ปาติโมกเข จะ สังวะโร การสำรวมในพระปาติโมกข์
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง การนอน การนั่ง การอยู่ในเสนาสนะที่อันสงัด
อธิจิตเต จะ อาโยโค ความมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง
เอตัง พุทธานะสาสะนัง ธรรม 6 อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
จะเห็นได้ว่าคำสอนดังกล่าวนี้ พระพุทธเจ้าสอนพระอรหันต์ ขณะเดียวกันพระอรหันต์ทั้งหลายก็นำเอาคำสอนเหล่านี้ไปสอนพุทธบริษัท 4 อันเป็นภารกิจที่สืบทอดต่อกันมาด้วยปัญญาที่รู้แจ้ง ด้วยความบริสุทธิ์ ปัญญา เมตตา กรุณา ขันติ ที่ ยังให้มนุษย์ทั้งหลายได้รู้แจ้งโลก
สภาวะสำคัญยิ่งใหญ่ที่ยังไม่เปิดเผย วันมาฆบูชาอันสำคัญยิ่งนี้ เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงอุทิศตน เสียสละ แผ่ความเมตตาต่อมวลมนุษยชาติ นำพวกเราให้ได้เห็นสภาวะสำคัญยิ่งใหญ่ระหว่าง พระพุทธเจ้ากับพุทธสาวก ที่พระองค์ทรงบวชให้ด้วยพระองค์เอง อันเป็นไปโดยธรรมอันยิ่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกฎธรรมชาติใน 2 มิติ 2 ลักษณะ ได้แก่
1. สัมพันธภาพระหว่างด้านเอกภาพ (General) กับด้านความแตกต่างหลากหลาย (Individual) หรือจะเรียกว่า เป็นความสัมพันธ์เอกภาพในลักษณะ (Unity of diversity) ก็ได้
พระพุทธเจ้า เป็นลักษณะเอกภาพ ส่วนพระอรหันตสาวกมีลักษณะแตกต่างหลายหลาย
2. ด้านเอกภาพ มีลักษณะแผ่กระจาย ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวกันทั้งหมด ขณะเดียวกัน ด้านแตกต่างหลากหลาย ต่างก็ต้องขึ้นตรงต่อด้านเอกภาพ จึงก่อเกิดให้ดุลยภาพดำรงอยู่อย่างมั่นคงยาวนานกว่า 2,500 ปีแล้ว
พระพุทธเจ้า ทรงแผ่พระมหาเมตตากรุณาคุณ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ เพื่อมนุษยชาติทั้งหลาย ในเบื้องหน้าในวันวันมาฆะนี้ พระอรหันตสาวก มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายโดยมีหัวใจมุ่งหมายที่พระพุทธเจ้า จากลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์ก่อให้เกิดดุลยภาพมั่นคงยังยืนมายาวนาน พวกเราทั้งหลายควรทำให้เกิดปัญญาและเจริญรอยตามด้วยภารกิจแห่งชีวิต
กฎธรรมชาติ สภาวะอสังขตธรรม (ธรรมอันไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง) หรือพระนิพพานสภาวะธรรมาธิปไตย แผ่โอบอุ้ม สรรพสัตว์และมนุษย์ทั้งปวงอันเป็นสภาวะสังขตธรรม (ธรรมอันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง) สรรพสัตว์และมนุษย์ทั้งปวงวิวัฒนาการก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นไปและก้าวกระโดดจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน นี่คือกฎธรรมชาติ ความถูกต้องแห่งธรรมมันดำรงอยู่อย่างนี้
ดวงอาทิตย์ ย่อมเป็นศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาล ด้วยพลังอำนาจแผ่ครอบคลุมดาวเคราะห์ทั้งหมด ขณะเดียวกันดาวเคราะห์ขึ้นต่อดวงอาทิตย์ จึงก่อเกิดดำรงอยู่ได้อย่างดุลยภาพ
หากเป็นไปโดยธรรมถูกต้องแล้ว ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพ แผ่โอบอุ้มของปวงชนไทยทุกคน ขณะเดียวกันปวงชนไทยมุ่งตรงต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นจุดมุ่งหมาย เป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ
นอกจากนี้ ยังมีลักษณะพ่อแม่กับบุตรหลาน ครูกับนักเรียน มหาวิทยาลัยกับเหล่าสมาชิกของมหาวิทยาลัย วัด บริษัท หลักการปกครอง (ระบอบ) กับรัฐธรรมนูญ (หมวดและมาตราต่างๆ) “หลักการปกครอง หรือระบอบต้องมาก่อนการยกร่างรัฐธรรมนูญ” ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน หากจัดความสัมพันธ์ให้ถูกต้องเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ก็จะทำให้ประเทศเรามีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า มั่นคง อย่างยิ่งใหญ่
ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผู้มีปัญญาฉลาดรู้เท่าทันในสังคมปัจจุบัน อุปมาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างน้ำเน่ากับปลา ปลาย่อมได้รับพิษร้ายจากน้ำเน่า หรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ได้เปรียบกับผู้เสียเปรียบ นับแต่โทรทัศน์รายการที่ไม่มีสาระต่างๆ สื่อลามก บ่อนการพนัน แหล่งบันเทิง หวยใต้ดินและบนดิน สุรายาเสพติดต่างๆ อบายมุขต่างๆ เหล่านี้ ผู้ประกอบการทำแล้วล้วนร่ำรวย ค่านิยมที่เปลี่ยนไปเห็นแก่เงินเป็นใหญ่ โดยไม่คำนึงว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างไร ถือบุคคลร่ำรวยเป็นใหญ่โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม ปัญหาคอร์รัปชันท่วมเมือง สร้างความเห็นแก่ตัวให้เห็นกันทั้งประเทศ โดยคิดว่าไม่มีใครรู้เท่าทัน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของการเมืองการปกครองแบบเผด็จการทั้งสิ้น เป็นเหตุแห่งภัยร้ายของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และปวงชนไทย
เมื่อพูดถึงนักการเมือง นักปกครอง นักการเมืองที่แท้จริงในอุดมคติต้องดำรงตนแบบอย่างพระโพธิสัตว์ ยืนอยู่เคียงข้างกับพระศาสนา ส่งเสริมโครงการเผยแผ่หลักธรรมคำสอน ต่อต้านสิ่งที่พระธรรมคำสอนได้บัญญัติไว้ว่าเป็นข้อห้าม แต่ทุกวันนี้หาไม่ได้แล้ว มีแต่นักการเมืองหลงทาง เห็นแก่ตัว เห็นแก่พรรค โกงกินชาติ ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นฝรั่ง ออกกฎระเบียบ เอื้อประโยชน์ต่อชาวต่อต่างชาติ แต่เป็นพิษเป็นภัยต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน พวกเราทั้งหลาย ควรนำสภาวะวันมาฆบูชา มาแก้ไขเหตุวิกฤตชาติและเหตุวิกฤตอื่นๆ ได้ทั้งหมด
กล่าวถึงคดียึดทรัพย์ทักษิณ ศาลได้แสดงให้เห็นชัดว่าทักษิณ ทำผิดมายมายหลายประการ เป็นผู้ทรยศต่อชาติและประชนชน ทักษิณไม่ยอมรับการตัดสินของศาล จะยอมรับได้ไงก็เค้าเองหนีคดีอยู่ มันเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้รู้ว่า ทักษิณคือสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายในทุกด้านของนักการเมืองโกงกินชาติ ปล้นประชาชน ขอให้ช่วยกันติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกันภัยร้ายต่อไป
วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญของชาวพุทธ เป็นวันแห่งความรักอันบริสุทธิ์ และเป็นวันกตัญญูแห่งชาติ นับแต่ครั้งพุทธกาลเป็นวันที่ชาวพุทธทั้งหลายถือเป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่ง โดยชาวพุทธทำการบูชาอย่างมีสติ มีปัญญา เป็นการบูชาเพื่อระลึกถึงอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระอรหันต์ ด้วยความรัก ความเมตตา ทุ่มเท อุทิศตนอย่างไม่มีประมาณ ไม่มีขอบเขต ไม่เลือกชาติ ชั้นวรรณะ เพื่อให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายได้ดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งเห็นจริง อิสระหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง จึงเป็นวันแห่งความรัก เมตตา กรุณา ที่สะอาด สว่าง สงบ สันติอย่างแท้จริง
สำหรับประเทศไทยสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงจัดให้เป็นวันสำคัญทางพระศาสนาอย่างเป็นทางการสำหรับชาวพุทธ นับแต่นั้นเป็นต้นมา วันมาฆบูชา ในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เป็นวันที่ชาวพุทธเข้าวัดศึกษาและปฏิบัติบูชา ในวันเพ็ญเดือนมาฆะ หรือวันที่พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะ หรือวันเพ็ญหรือที่เรียกว่า วันจาตุรงคสันนิบาต อันเป็นพุทธประเพณี มีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดอย่างมหัศจรรย์ 4 ประการ คือ
1. เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันเพ็ญเดือน 3
2. ภิกษุสาวก จำนวน 1,250 องค์มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวนรามมหาวิหาร โดยมิได้นัดหมาย
3. ภิกษุ ที่มาประชุมกันล้วนเป็น เอหิ ภิกขุ อุปสัมปทา คือได้รับอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า
4. ภิกษุสาวกทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
ในการประชุมครั้งนี้ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง พระโอวาทปาติโมกข์ เป็นครั้งแรก อันเป็นหลักคำสอนที่ถือได้ว่าพระองค์ทรงประกาศให้พระอรหันตสาวกทั้งหลายได้น้อมนำไปปฏิบัติในการเผยแผ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นทั้งอุดมการณ์, หลักการ, และเป็นวิธีการในการเผยแผ่ พระไตรปิฎก เล่มที่ 10 ข้อที่ 54 ความว่า
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าว พระนิพพาน ว่าเป็นธรรมอันยิ่ง (บรมธรรม)
นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุศะลัสสูปะสัมปะทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว
เอตัง พุทธานะสาสะนัง นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย
ปาติโมกเข จะ สังวะโร การสำรวมในพระปาติโมกข์
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง การนอน การนั่ง การอยู่ในเสนาสนะที่อันสงัด
อธิจิตเต จะ อาโยโค ความมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง
เอตัง พุทธานะสาสะนัง ธรรม 6 อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
จะเห็นได้ว่าคำสอนดังกล่าวนี้ พระพุทธเจ้าสอนพระอรหันต์ ขณะเดียวกันพระอรหันต์ทั้งหลายก็นำเอาคำสอนเหล่านี้ไปสอนพุทธบริษัท 4 อันเป็นภารกิจที่สืบทอดต่อกันมาด้วยปัญญาที่รู้แจ้ง ด้วยความบริสุทธิ์ ปัญญา เมตตา กรุณา ขันติ ที่ ยังให้มนุษย์ทั้งหลายได้รู้แจ้งโลก
สภาวะสำคัญยิ่งใหญ่ที่ยังไม่เปิดเผย วันมาฆบูชาอันสำคัญยิ่งนี้ เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงอุทิศตน เสียสละ แผ่ความเมตตาต่อมวลมนุษยชาติ นำพวกเราให้ได้เห็นสภาวะสำคัญยิ่งใหญ่ระหว่าง พระพุทธเจ้ากับพุทธสาวก ที่พระองค์ทรงบวชให้ด้วยพระองค์เอง อันเป็นไปโดยธรรมอันยิ่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกฎธรรมชาติใน 2 มิติ 2 ลักษณะ ได้แก่
1. สัมพันธภาพระหว่างด้านเอกภาพ (General) กับด้านความแตกต่างหลากหลาย (Individual) หรือจะเรียกว่า เป็นความสัมพันธ์เอกภาพในลักษณะ (Unity of diversity) ก็ได้
พระพุทธเจ้า เป็นลักษณะเอกภาพ ส่วนพระอรหันตสาวกมีลักษณะแตกต่างหลายหลาย
2. ด้านเอกภาพ มีลักษณะแผ่กระจาย ครอบคลุมส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวกันทั้งหมด ขณะเดียวกัน ด้านแตกต่างหลากหลาย ต่างก็ต้องขึ้นตรงต่อด้านเอกภาพ จึงก่อเกิดให้ดุลยภาพดำรงอยู่อย่างมั่นคงยาวนานกว่า 2,500 ปีแล้ว
พระพุทธเจ้า ทรงแผ่พระมหาเมตตากรุณาคุณ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ เพื่อมนุษยชาติทั้งหลาย ในเบื้องหน้าในวันวันมาฆะนี้ พระอรหันตสาวก มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายโดยมีหัวใจมุ่งหมายที่พระพุทธเจ้า จากลักษณะแผ่กระจายกับรวมศูนย์ก่อให้เกิดดุลยภาพมั่นคงยังยืนมายาวนาน พวกเราทั้งหลายควรทำให้เกิดปัญญาและเจริญรอยตามด้วยภารกิจแห่งชีวิต
กฎธรรมชาติ สภาวะอสังขตธรรม (ธรรมอันไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง) หรือพระนิพพานสภาวะธรรมาธิปไตย แผ่โอบอุ้ม สรรพสัตว์และมนุษย์ทั้งปวงอันเป็นสภาวะสังขตธรรม (ธรรมอันมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง) สรรพสัตว์และมนุษย์ทั้งปวงวิวัฒนาการก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นไปและก้าวกระโดดจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน นี่คือกฎธรรมชาติ ความถูกต้องแห่งธรรมมันดำรงอยู่อย่างนี้
ดวงอาทิตย์ ย่อมเป็นศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาล ด้วยพลังอำนาจแผ่ครอบคลุมดาวเคราะห์ทั้งหมด ขณะเดียวกันดาวเคราะห์ขึ้นต่อดวงอาทิตย์ จึงก่อเกิดดำรงอยู่ได้อย่างดุลยภาพ
หากเป็นไปโดยธรรมถูกต้องแล้ว ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพ แผ่โอบอุ้มของปวงชนไทยทุกคน ขณะเดียวกันปวงชนไทยมุ่งตรงต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นจุดมุ่งหมาย เป็นศูนย์กลางของปวงชนในชาติ
นอกจากนี้ ยังมีลักษณะพ่อแม่กับบุตรหลาน ครูกับนักเรียน มหาวิทยาลัยกับเหล่าสมาชิกของมหาวิทยาลัย วัด บริษัท หลักการปกครอง (ระบอบ) กับรัฐธรรมนูญ (หมวดและมาตราต่างๆ) “หลักการปกครอง หรือระบอบต้องมาก่อนการยกร่างรัฐธรรมนูญ” ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน หากจัดความสัมพันธ์ให้ถูกต้องเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ก็จะทำให้ประเทศเรามีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า มั่นคง อย่างยิ่งใหญ่
ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผู้มีปัญญาฉลาดรู้เท่าทันในสังคมปัจจุบัน อุปมาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างน้ำเน่ากับปลา ปลาย่อมได้รับพิษร้ายจากน้ำเน่า หรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ได้เปรียบกับผู้เสียเปรียบ นับแต่โทรทัศน์รายการที่ไม่มีสาระต่างๆ สื่อลามก บ่อนการพนัน แหล่งบันเทิง หวยใต้ดินและบนดิน สุรายาเสพติดต่างๆ อบายมุขต่างๆ เหล่านี้ ผู้ประกอบการทำแล้วล้วนร่ำรวย ค่านิยมที่เปลี่ยนไปเห็นแก่เงินเป็นใหญ่ โดยไม่คำนึงว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างไร ถือบุคคลร่ำรวยเป็นใหญ่โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม ปัญหาคอร์รัปชันท่วมเมือง สร้างความเห็นแก่ตัวให้เห็นกันทั้งประเทศ โดยคิดว่าไม่มีใครรู้เท่าทัน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของการเมืองการปกครองแบบเผด็จการทั้งสิ้น เป็นเหตุแห่งภัยร้ายของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และปวงชนไทย
เมื่อพูดถึงนักการเมือง นักปกครอง นักการเมืองที่แท้จริงในอุดมคติต้องดำรงตนแบบอย่างพระโพธิสัตว์ ยืนอยู่เคียงข้างกับพระศาสนา ส่งเสริมโครงการเผยแผ่หลักธรรมคำสอน ต่อต้านสิ่งที่พระธรรมคำสอนได้บัญญัติไว้ว่าเป็นข้อห้าม แต่ทุกวันนี้หาไม่ได้แล้ว มีแต่นักการเมืองหลงทาง เห็นแก่ตัว เห็นแก่พรรค โกงกินชาติ ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นฝรั่ง ออกกฎระเบียบ เอื้อประโยชน์ต่อชาวต่อต่างชาติ แต่เป็นพิษเป็นภัยต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน พวกเราทั้งหลาย ควรนำสภาวะวันมาฆบูชา มาแก้ไขเหตุวิกฤตชาติและเหตุวิกฤตอื่นๆ ได้ทั้งหมด