นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พ.อ.อภิวันท์ วิระยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่กล่าวถึงบันได 4 ขั้น และบอกว่าการเมืองวันนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นเผด็จการซ่อนรูป มีผู้อยู่เหนืออำนาจรัฐบาล ลงมาแก้ไขสถานการณ์ว่า ขอชี้แจงว่าสิ่งที่พ.อ.อภิวันท์พูดไม่เป็นความจริง บันได 4 ขั้นที่พูดถึงเรื่องการปฏิวัตินั้น หลังจากการปฏิวัติรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ ก็ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นพรรคที่ พ.อ.อภิวันท์ สังกัดอยู่ ส่วนเรื่องการตัดสิทธิ การยึดทรัพย์ ก็เป็นเรื่องการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายสาธิต กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ พ.อ.อภิวันท์ พูดออกมาให้ชัดเจนว่า บุคคลที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลเป็นใครไม่ควรออกมาพูดจากำกวม แบบไม่รับผิดชอบ เพราะพ.อ.อภิวันท์ มีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯ ซึ่งต้องมีความเป็นกลาง ตนไม่แปลกใจเลยว่าที่พรรคเพื่อไทยในวันนี้ มีปรากฏการณ์ การแข่งขันที่จะทำผลงานต่อสู้กัน เพื่อจะมีชื่อเป็นนายกฯในกรณีที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงมีปรากฎการณ์พูดเอาใจนาย บิดเบือนข้อมูล เพื่อจะสร้างผลงาน และแย่งชิงการมีชื่อเป็นนายกฯ ขอเตือนว่าพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่มีความเป็นกลางต่อสถานะการดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ซึ่งอาจจะมีการลงชื่อ ส.ส. และประชาชนทั่วไป ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการถอดถอน ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ
"ผมขอเตือน พ.อ.อภิวันท์ว่า ขอให้มีความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะต่อบ้านเมือง ในตำหน่งที่ดำรงอยูในขณะนี้ มิฉะนั้นก็จะมีสภาพไม่แตกต่างจากเจ้านาย" นายสาธิต กล่าว และว่า ส่วนการจะถอดถอน พ.อ.อภิวันท์ จะดูว่าเข้าข่ายตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าเข้าข่าย ก็จะมีการดำเนินการ เพราะพฤติกรรมมีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและนอกสภา ซึ่งขณะนี้จะหมดความอดทนแล้ว
นายสาธิต ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงเหมือนเป็นการเยาะเย้ย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อเหตุการณ์วางระบิดว่า ขอประณามพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทย เพราะแทนที่จะช่วยกันประณามคนกระทำความผิด กลับออกมาพูดดิสเครดิตรัฐบาลและนายกฯ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ อาจมีคนเชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทย มีแรงสนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะเป้าหมายของการกระทำสิ่งเหล่านี้ชัดเจนที่สุดคือ การดิสเครดิตรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเช่นนี้เหมือนกับเอาประโยชน์จากเหตุการที่เกิดขึ้นมาเป็นประโยชน์กับพรรคการเพื่อไทย เพราะฉะนั้นตนขอประณามพฤติกรรมเช่นนี้ของพรรคเพื่อไทย
**มีแหล่งทุนสนับสนุนการป่วน
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยในสถานการณ์ที่มีกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ และถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สังคมต้องร่วมประณาม
ขณะนี้รัฐบาลได้เบาะแสการเชื่อมโยงการกระบวนการดังกล่าว มีแหล่งทุนสนับสนุน และสามารถดำเนินการกับผู้ที่สร้างความรุนแรงในสังคม และผู้ที่สนับสนุนในอนาคตอันใกล้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนที่มีการส่งสัญญาณจากครือข่ายความมั่นคงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะมีความรุนแรงในรูปแบบลักษณะต่างๆกัน หากมีการดำเนินการจริง ก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที และการส่งสัญญาณโดยทางอ้อมของพ.ต.ท.ทักษิณ ทวิตเตอร์ หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย หากล่วงรู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วไม่เปิดเผย ถือว่าขัดขวางการดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ถือเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายด้วย ที่รู้แล้วไม่ยอมแจ้งให้ทางการรับทราบ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้มี 3 องค์กรหลัก ที่มีหน้าที่สำคัญที่จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย คือ
1. สถาบันตุลาการ ยังมีบทบาทที่สำคัญที่จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในทางกฎหมายเพื่อรักษาความถูกต้องในสังคม 2. รัฐสภาต้องนำความขัดแย้งบนท้องถนนสู่รัฐสภา เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งไม่ให้เกิดความรุนแรง และ 3. รัฐบาลต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ทำความเข้าใจคำพิพากษาของศาล และรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าจะสามารถนำตัวผู้ก่อเหตุขว่างระเบิดมาดำเนินการได้ คืออะไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่าใช้กรณีของการวางระเบิดศาลฎีกา และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ที่สีลมและพระประแดง ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐาน และสอบสวนเพื่อขยายผลอยู่ เชื่อว่าหลักฐานที่ปรากฏจะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง
เมื่อถามว่ามีคนมีสีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 7 ครั้ง อยู่ในชั้นการสอบสวนทั้งหมด มีพยานหลักฐาน ซึ่งอยู่ในช่วงที่จะขยายผล ส่วนรายละเอียดต้องสอบถามรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องอาศัยประชาชนให้มีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ดูสิ่งผิดปกติและการเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตัวเองด้วย หากมีก็เบาะแสก็แจ้งมาที่สายด่วนหมายเลข 1555
**แผน"แม้ว"ต้องการให้เกิดปฏิวัติ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 4 จุดในกทม.ว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าไม่เคยสร้างสถานการณ์ เพราะต้องการที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ซึ่งอาจจะมีการขยายผลไปป้ายสีกลุ่มทหาร เพื่อทำให้เกิดความวุ่นวายไปสู่การปฏิวัติ โดยคนเหล่านี้พยายามโยนความผิดให้รัฐบาล และกองทัพ ตนไม่อยากจะเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงใช้เหตุการณ์นี้ ตีปลาหน้าไซ
นายเทพไท ยังเรียกร้องสังคมให้ออกมากดดันกับบุคคลที่ใช้ความรุนแรง เพราะเชื่อว่าจะเกิดความรุนแรง โดยมีการตั้งกองกำลังนักรบทุ่งสัมฤทธิ์ ที่ จ.โคราช เป็นพฤติกรรมที่สวนทางของกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่า จะต่อสู้โดยสันติวิธีและอหิงสา แต่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางที่เปลียนวิถีชีวิต และไม่ต้องติดคุก และคนเหล่านี้จะลุกขึ้นสู้กับคณะปฏิวัติเพื่อชัยชนะของตัวเอง
นายสาธิต กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ พ.อ.อภิวันท์ พูดออกมาให้ชัดเจนว่า บุคคลที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลเป็นใครไม่ควรออกมาพูดจากำกวม แบบไม่รับผิดชอบ เพราะพ.อ.อภิวันท์ มีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯ ซึ่งต้องมีความเป็นกลาง ตนไม่แปลกใจเลยว่าที่พรรคเพื่อไทยในวันนี้ มีปรากฏการณ์ การแข่งขันที่จะทำผลงานต่อสู้กัน เพื่อจะมีชื่อเป็นนายกฯในกรณีที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงมีปรากฎการณ์พูดเอาใจนาย บิดเบือนข้อมูล เพื่อจะสร้างผลงาน และแย่งชิงการมีชื่อเป็นนายกฯ ขอเตือนว่าพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่มีความเป็นกลางต่อสถานะการดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ซึ่งอาจจะมีการลงชื่อ ส.ส. และประชาชนทั่วไป ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการถอดถอน ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ
"ผมขอเตือน พ.อ.อภิวันท์ว่า ขอให้มีความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะต่อบ้านเมือง ในตำหน่งที่ดำรงอยูในขณะนี้ มิฉะนั้นก็จะมีสภาพไม่แตกต่างจากเจ้านาย" นายสาธิต กล่าว และว่า ส่วนการจะถอดถอน พ.อ.อภิวันท์ จะดูว่าเข้าข่ายตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าเข้าข่าย ก็จะมีการดำเนินการ เพราะพฤติกรรมมีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและนอกสภา ซึ่งขณะนี้จะหมดความอดทนแล้ว
นายสาธิต ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงเหมือนเป็นการเยาะเย้ย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อเหตุการณ์วางระบิดว่า ขอประณามพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทย เพราะแทนที่จะช่วยกันประณามคนกระทำความผิด กลับออกมาพูดดิสเครดิตรัฐบาลและนายกฯ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ อาจมีคนเชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทย มีแรงสนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะเป้าหมายของการกระทำสิ่งเหล่านี้ชัดเจนที่สุดคือ การดิสเครดิตรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเช่นนี้เหมือนกับเอาประโยชน์จากเหตุการที่เกิดขึ้นมาเป็นประโยชน์กับพรรคการเพื่อไทย เพราะฉะนั้นตนขอประณามพฤติกรรมเช่นนี้ของพรรคเพื่อไทย
**มีแหล่งทุนสนับสนุนการป่วน
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยในสถานการณ์ที่มีกลุ่มที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ และถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สังคมต้องร่วมประณาม
ขณะนี้รัฐบาลได้เบาะแสการเชื่อมโยงการกระบวนการดังกล่าว มีแหล่งทุนสนับสนุน และสามารถดำเนินการกับผู้ที่สร้างความรุนแรงในสังคม และผู้ที่สนับสนุนในอนาคตอันใกล้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนที่มีการส่งสัญญาณจากครือข่ายความมั่นคงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะมีความรุนแรงในรูปแบบลักษณะต่างๆกัน หากมีการดำเนินการจริง ก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที และการส่งสัญญาณโดยทางอ้อมของพ.ต.ท.ทักษิณ ทวิตเตอร์ หรือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย หากล่วงรู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วไม่เปิดเผย ถือว่าขัดขวางการดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ถือเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายด้วย ที่รู้แล้วไม่ยอมแจ้งให้ทางการรับทราบ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้มี 3 องค์กรหลัก ที่มีหน้าที่สำคัญที่จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย คือ
1. สถาบันตุลาการ ยังมีบทบาทที่สำคัญที่จะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในทางกฎหมายเพื่อรักษาความถูกต้องในสังคม 2. รัฐสภาต้องนำความขัดแย้งบนท้องถนนสู่รัฐสภา เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งไม่ให้เกิดความรุนแรง และ 3. รัฐบาลต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ทำความเข้าใจคำพิพากษาของศาล และรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าจะสามารถนำตัวผู้ก่อเหตุขว่างระเบิดมาดำเนินการได้ คืออะไร นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่าใช้กรณีของการวางระเบิดศาลฎีกา และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ที่สีลมและพระประแดง ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐาน และสอบสวนเพื่อขยายผลอยู่ เชื่อว่าหลักฐานที่ปรากฏจะนำไปสู่การดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง
เมื่อถามว่ามีคนมีสีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 7 ครั้ง อยู่ในชั้นการสอบสวนทั้งหมด มีพยานหลักฐาน ซึ่งอยู่ในช่วงที่จะขยายผล ส่วนรายละเอียดต้องสอบถามรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องอาศัยประชาชนให้มีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ดูสิ่งผิดปกติและการเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตัวเองด้วย หากมีก็เบาะแสก็แจ้งมาที่สายด่วนหมายเลข 1555
**แผน"แม้ว"ต้องการให้เกิดปฏิวัติ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 4 จุดในกทม.ว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าไม่เคยสร้างสถานการณ์ เพราะต้องการที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ซึ่งอาจจะมีการขยายผลไปป้ายสีกลุ่มทหาร เพื่อทำให้เกิดความวุ่นวายไปสู่การปฏิวัติ โดยคนเหล่านี้พยายามโยนความผิดให้รัฐบาล และกองทัพ ตนไม่อยากจะเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงใช้เหตุการณ์นี้ ตีปลาหน้าไซ
นายเทพไท ยังเรียกร้องสังคมให้ออกมากดดันกับบุคคลที่ใช้ความรุนแรง เพราะเชื่อว่าจะเกิดความรุนแรง โดยมีการตั้งกองกำลังนักรบทุ่งสัมฤทธิ์ ที่ จ.โคราช เป็นพฤติกรรมที่สวนทางของกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่า จะต่อสู้โดยสันติวิธีและอหิงสา แต่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางที่เปลียนวิถีชีวิต และไม่ต้องติดคุก และคนเหล่านี้จะลุกขึ้นสู้กับคณะปฏิวัติเพื่อชัยชนะของตัวเอง