นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวง และปริมณฑล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือแจ้งจากทางอธิบดีกรมศิลปากร ลงวันที่ 19 ก.พ. 53 โดยมีใจความระบุว่า กรมศิลปากรขอให้กทม.พิจารณาดำเนินการปรับปรุงสนามหลวงตามสมควร และไม่ควรมีสิ่งก่อสร้างในสนามหลวง พร้อมขอให้ส่งรายละเอียดรูปแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์ฯให้กับทางกรมศิลปากรพิจารณาด้วยซึ่งในส่วนนี้ ทางสำนักการโยธา(สนย.) กทม. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปรับปรุงครั้งนี้จะเป็นผู้ดำเนินการซึ่งเท่ากับทางกรมศิลปากรได้อนุญาตให้กทม. ดำเนินการปรับปรุงสนามหลวงแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีบางประเด็นที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อน อาทิ การสร้างห้องน้ำใต้สนามหลวง ซึ่งหากมีการก่อสร้าง จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.โบราณสถานอย่างเคร่งครัด เนื่องจากสนามหลวงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 20 ซึ่งตามแบบที่ตนได้ให้สถาปนิกออกแบบตั้งแต่ครั้งแรกนั้น ไม่มีการก่อสร้างอาคารในพื้นที่สนามหลวงแต่อย่างใด
นายธีระชน กล่าวอีกว่า ส่วนการส่งมอบพื้นที่ให้กับหน่วยทหารพัฒนาเข้าปรับปรุงพื้นที่ในวันที่ 1 มี.ค. ตามที่กำหนดไว้นั้น คงยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เอื้ออำนวย แม้จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้วก็ตามแต่เนื่องจากทางกลุ่ม นปช. ประกาศจะใช้พื้นที่สนามหลวง เพื่อจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ จึงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาในเรื่องการก่อหนี้ตามระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งจะต้องก่อหนี้ภายในวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ทางกระทรวงการคลังเข้าใจถึงสถานการณ์ จึงได้ขยายเวลาการก่อหนี้ที่ได้รับมาจากงบไทยเข้มแข็งสำหรับใช้ในการปรับปรุงสนามหลวงจำนวน 180 ล้าน ไปถึงวันที่ 8 เม.ย.53 แล้ว
นายธีระชน กล่าวอีกว่า ส่วนการส่งมอบพื้นที่ให้กับหน่วยทหารพัฒนาเข้าปรับปรุงพื้นที่ในวันที่ 1 มี.ค. ตามที่กำหนดไว้นั้น คงยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เอื้ออำนวย แม้จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้วก็ตามแต่เนื่องจากทางกลุ่ม นปช. ประกาศจะใช้พื้นที่สนามหลวง เพื่อจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ จึงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาในเรื่องการก่อหนี้ตามระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งจะต้องก่อหนี้ภายในวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ทางกระทรวงการคลังเข้าใจถึงสถานการณ์ จึงได้ขยายเวลาการก่อหนี้ที่ได้รับมาจากงบไทยเข้มแข็งสำหรับใช้ในการปรับปรุงสนามหลวงจำนวน 180 ล้าน ไปถึงวันที่ 8 เม.ย.53 แล้ว
