ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเตรียมทบทวนคาดการณ์จีดีพีระยะ 8 ไตรมาสข้างหน้า เหตุตัวเลขสภาพัฒน์ไตรมาส 4 ปีก่อนพุ่งสูง ยอมรับห่วงภาคอสังหาฯ หลังรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษี
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะทบทวนคาดการณ์อัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ช่วง 8 ไตรมาสข้างหน้า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกาศตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 4/52 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
"สภาพัฒน์ทำให้แบงก์ชาติต้องนำตัวเลขข้อมูล มาพิจารณาว่าสอดคล้องกับคาดการณ์ที่ทำไว้หรือไม่" นายสุชาติกล่าว
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาพัฒน์แถลงจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 52 ว่าขยายตัว 5.8% ถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกเมื่อเทียบกับทุกไตรมาสในปีก่อนที่ติดลบมาตลอดส่งผลให้จีดีพีในปี 52 ขยายตัวลบแค่ 2.3%
นายสุชาติกล่าวด้วยว่า ธปท.จะจับตาตลาดอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ว่าจะมีผลทำให้ทั้งสองส่วนเติบโตหรือไม่อย่างไร แม้ว่าขณะนี้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์จะสามารถเติบโตได้ แต่ก็ยังมียอดคงค้างที่อสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่งขายไม่ออก ก็จะต้องพิจารณาประกอบกันไปด้วย
นายสุชาติกล่าวว่า ผลของการไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์นั้นคงไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่ถ้าเป็นการยกเลิกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพทั้งหมดจะมีผลมากกว่า เพราะคิดเป็นเม็ดเงินถึง 1-2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เมื่อรัฐบาลยกเลิกเป็นบางมาตรการ ก็เชื่อว่าผลกระทบคงไม่น่ากังวล ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงต่อจากนี้คงปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเร่งตัวของเงินเฟ้อคงจะไม่เร็วมากนัก โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ม.ค.53 ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.6% แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะสูง 4.1% ธปท.ก็ต้องติดตามแรงกดดันจากราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร อุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่าจะมีผลทำให้เกิดการเร่งตัวของเงินเฟ้อหรือไม่
ก่อนหน้านี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย มองว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นแล้ แต่ ธปท.คงไม่ดำเนินนโยยายการเงินแบบเข้มงวด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) วันที่ 10 มี.ค.นี้ กนง.จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.25%
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะทบทวนคาดการณ์อัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ช่วง 8 ไตรมาสข้างหน้า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกาศตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 4/52 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
"สภาพัฒน์ทำให้แบงก์ชาติต้องนำตัวเลขข้อมูล มาพิจารณาว่าสอดคล้องกับคาดการณ์ที่ทำไว้หรือไม่" นายสุชาติกล่าว
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาพัฒน์แถลงจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 52 ว่าขยายตัว 5.8% ถือเป็นการขยายตัวครั้งแรกเมื่อเทียบกับทุกไตรมาสในปีก่อนที่ติดลบมาตลอดส่งผลให้จีดีพีในปี 52 ขยายตัวลบแค่ 2.3%
นายสุชาติกล่าวด้วยว่า ธปท.จะจับตาตลาดอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ว่าจะมีผลทำให้ทั้งสองส่วนเติบโตหรือไม่อย่างไร แม้ว่าขณะนี้สินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์จะสามารถเติบโตได้ แต่ก็ยังมียอดคงค้างที่อสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่งขายไม่ออก ก็จะต้องพิจารณาประกอบกันไปด้วย
นายสุชาติกล่าวว่า ผลของการไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์นั้นคงไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่ถ้าเป็นการยกเลิกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพทั้งหมดจะมีผลมากกว่า เพราะคิดเป็นเม็ดเงินถึง 1-2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เมื่อรัฐบาลยกเลิกเป็นบางมาตรการ ก็เชื่อว่าผลกระทบคงไม่น่ากังวล ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงต่อจากนี้คงปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเร่งตัวของเงินเฟ้อคงจะไม่เร็วมากนัก โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ม.ค.53 ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.6% แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะสูง 4.1% ธปท.ก็ต้องติดตามแรงกดดันจากราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร อุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่าจะมีผลทำให้เกิดการเร่งตัวของเงินเฟ้อหรือไม่
ก่อนหน้านี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย มองว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นแล้ แต่ ธปท.คงไม่ดำเนินนโยยายการเงินแบบเข้มงวด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) วันที่ 10 มี.ค.นี้ กนง.จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.25%