บอร์ด กนง.มีมติคง ดบ.อาร์/พี 1 วัน ที่ระดับ 3.75% หลังตัวเลขเงินเฟ้อผ่อนคลายเหลือ 6% ในเดือน ก.ย. พร้อมคาดการณ์แนวโน้มศก.ปีนี้ ชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้
วันนี้ (8 ต.ค.) นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยระบุว่า กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วัน ไว้ที่ 3.75% โดยให้เหตุผลว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลงมาก จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง แต่ยังมองว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่
“ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อปรับลดลงมาก เมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อน จากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่จากการส่งผ่านต้นทุนและการทยอยปรับราคาของสินค้าดังนั้นคณะกรรมการจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย”
ทั้งนี้ ธปท.ใช้ดอกเบี้ย อาร์/พี 1 วัน เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินของประเทศ โดยก่อนหน้านี้ กนง.ได้มีการปรับขึ้น 2 ครั้งติดต่อกัน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า กนง.จะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบึ้ยอีกในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวลงแล้ว และอยู่ที่ระดับ 6.0% ในเดือน ก.ย.โดยพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ระดับ 9.2% ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
นางสาวดวงมณี กล่าวอีกว่า การใช้นโยบายการเงินต่อจากนี้ไป จะเน้นการดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น และคาดว่า เศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองในประเทศ ส่วนเรื่องสภาพคล่องในระบบขณะนี้ ยืนยันว่า ยังมีเพียงพอ และหากมีปัญหา ธปท.ก็พร้อมเข้าไปดูแล
วันนี้ (8 ต.ค.) นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยระบุว่า กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วัน ไว้ที่ 3.75% โดยให้เหตุผลว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลงมาก จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง แต่ยังมองว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อยังคงมีอยู่
“ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อปรับลดลงมาก เมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อน จากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่จากการส่งผ่านต้นทุนและการทยอยปรับราคาของสินค้าดังนั้นคณะกรรมการจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ย”
ทั้งนี้ ธปท.ใช้ดอกเบี้ย อาร์/พี 1 วัน เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินของประเทศ โดยก่อนหน้านี้ กนง.ได้มีการปรับขึ้น 2 ครั้งติดต่อกัน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า กนง.จะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบึ้ยอีกในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อได้ปรับตัวลงแล้ว และอยู่ที่ระดับ 6.0% ในเดือน ก.ย.โดยพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ระดับ 9.2% ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
นางสาวดวงมณี กล่าวอีกว่า การใช้นโยบายการเงินต่อจากนี้ไป จะเน้นการดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น และคาดว่า เศรษฐกิจปีนี้จะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองในประเทศ ส่วนเรื่องสภาพคล่องในระบบขณะนี้ ยืนยันว่า ยังมีเพียงพอ และหากมีปัญหา ธปท.ก็พร้อมเข้าไปดูแล