เชื่อว่า...! ณ วันนี้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจทุกภาคส่วน ต่างก็ทราบดีและรู้แน่แก่ใจกันอยู่แล้วว่า ปัญหาการเมืองที่อึมครึมอยู่ในขณะนี้ ย่อมต้องส่งผลกระทบกับการประกอบธุรกิจของแต่ละบริษัทแน่นอน แต่จะมากบ้าง ..น้อยบ้าง..? ก็ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจนั้นๆ มีความอ่อนไหวต่อ ปัญหาหรือปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบเร็ว..ช้าหรือมากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างธุรกิจที่อ่อนไหว และไวต่อปัจจัยลบที่เข้ามากระทบอย่างมาก เช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเมื่อใดที่เกิดระลอกคลื่น ข่าวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนนั้นจะส่งผลกับการขายทิ้ง และไล่ซ้อนซื้อหุ้นกันอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการขึ้นลงของมูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดของแต่ละวันอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ซื้อและขายหรือผู้ถือหุ้นอยู่จำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวปัจจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำกำไร หรือซื้อ-ขายหุ้นให้มีกำไรมากที่สุดและขาดทุนน้อยที่สุด
เฉกเช่นเดียวกับ... ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ไว้ต่อปัจจัยบวกและลบที่จะเข้ามากระทบ เพียงแต่ไม่รวดเร็วและอ่อนไหวมากเท่ากับการซื้อขาย-หุ้น เนื่องจากปัจจัยที่จะเข้ามากระทบแต่ละตัวนั้นค่อนข้างมีที่มาที่ไปที่ชัดเจน และสามารถคำนวน หรือคาดการณ์ การเกิดขึ้นของปัจจัยต่างๆ ได้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการปรับตัว เตรียมการป้องกันหรือเตรียมแผนรับมือเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ณ วันนี้… ก็เช่นกัน เชื่อว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ ย่อมรับรู้แล้วว่าผลกระทบจากปัญหาการเมืองในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดบ้างแล้ว แต่เป็นเพียงผลกระทบทางจิตวิทยา ซึ่งหากเป็นช่วงตลาดปกติ เชื่อว่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคยืดระยะเวลาในการตัดสินใจ หรือชะลอแผนการซื้อที่อยู่ออาศัยออกไปเป็นแน่
แต่เนื่องจากตลาดขณะนี้ ตลาดรวมยังมีปัจจัยบวก จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจาการซื้อที่อยู่อาศัย และมอบโอนก่อนวันที่ 28 มี.ค.นี้ ซึ่งช่วยให้ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ และเป็นช่วงนาทีทองของลูกค้า เพราะหากหมดมาตรการภาษี แล้วรับบาลไม่มีการต่ออายุมาตรการออกไป ตามที่มีกระแสข่าวออกมา เชื่อว่าลูกค้าหรือผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อจะต้องฉกฉวยโอกาสนี้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมาตรการที่จะหมดลง ซึ่งผุ้บริโภคจะหากโอกาสซื้อบ้านและได้รับสิทธิประโยชน์จำนวนมากอย่างปัจจุบันนี้คงเป็นเรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม …ในวันนี้ผู้ประกอบการทุกฝ่ายยังมองในแง่บวก ต้องการสร้างกระแสในเชิงบวก และยังหวังว่าปัญหาต่างๆ จะไม่รุนแรง (ไม่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในประเทศไทย) กว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดรวมตลอดทั้งปี ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ซ่อนอยู่ในความหวังของผู้ประกอบการอสังหาฯในขณะนี้คือแผนการรับมือหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทในวันที่ 26กุมภาพันธ์นี้และผลกระทบจากการ ไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 มีนาคมนี้
“แน่นอนว่าหากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ สิ่งที่จะตามมาคือผลกระทบต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็เตรียมแผนการปรับราคาขายที่อยู่อาศัยเพิ่มอีก 4% ในเดือนเมษายนนี้ เนื่องจากต้นทุน ที่ดิน ต้นทุนการก่อสร้าง และ ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นต้นใหม่ ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอสังหาฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรสุทธิของผู้ประกอบการให้ลดลงมาเหลือ 20% จากช่วงที่ผ่านๆมาซึ่มอยู่ที่ 21-22%” นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มองว่ามาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดใน 28 มีนาคม 53 จะส่งผลต่อธุรกิจค่อนข้างมาก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย จะขอรับหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการเข้าเจรจากับทางการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเรียกร้องให้ทางการต่ออายุมาตรการภาษีออกไป โดยจะชี้แจงผลดีของมาตรภาษีภาษีที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ขณะที่ บรรยากาศภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ในวันแรก (18ก.พ.) ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าเยี่ยมชมงานจำนวนมากโดยที่อยู่อาศัยที่นำเข้ามาร่วมงานส่วนใหญ่ เป็นบ้านพร้อมโอนเพื่อรองรับกับมาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดลงในวันที่ 28 มีนาคม นอกจากนี้ยังมีสถานบันการเงินและบรรษัทบริหารสินทรัพย์ หรือบบส. นำสินทรัพย์รอการขาย หรือเอ็นพีเอ ออกมาขายลดราคา 10-20%
ส่วนโปรโมชั่นในงานก็ถือว่า จูงใจ และแรงกว่าทุกปีทีผ่านมาเนื่องจากตลาดประเมินเรื่องมาตรการว่าอาจไม่ต่อออกไปอีก หรือต่อเฉพาะบางส่วน เช่น โปรโมชั่น ที่ผู้ประกอบการร่วมสถาบันการเงินให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0%นานสองปี โดยผู้ประกอบการยอมรับภาระจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารเองจากเดิมที่จะให้กู้อัตราดอกเบี้ย 0% สูงสุดแค่ 3 เดือน หรือโปรโมชั่นในรูปส่วนลดเงินสด 5-10 % โปรโมชั่นอยู่ฟรี รวมทั้งให้เฟอร์นิเจอร์ฟรีเป็นต้น
บรรยากาศการเข้าชมงานของผู้บริโภค และการจัดแคมเปญที่แรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานี้เอง สะท้อนให้เห็นได้ว่า ผลกระทบจากการเมือง และกรณีการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6หมืนล้านบาท รวมถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของ “คนเสื้อแดง” ในขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มเดินเกมส์สร้างรายได้ ..ทำยอดขายตุนไว้รองรับยอดรายได้รวมทั้งปีของแต่ละบริษัทแล้ว
เนื่องจาก...ในวันนี้สถานการณ์ของผู้ประกอบการอสังหาฯ เสมือน..คนที่รอผลจากการโยนเหรียญหัวก้อยเสี่ยงทาย...ว่าเหรียญนั้นจะออกมาด้านใด หากออกมาด้านบวกก็ยิ่งดี...แต่หากออกมาด้านลบนั่นหมายถึงในปีนี้โอกาสในการขยายตัวธุรกิจอสังหานั้นจะถูกบั่นทอนลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ...จากที่ทุกฝ่ายประมาณการว่าในปี 53ตลาดรวมจะขยายตัวสูงกว่าในปีที่ผ่านๆมา
ตัวอย่างธุรกิจที่อ่อนไหว และไวต่อปัจจัยลบที่เข้ามากระทบอย่างมาก เช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเมื่อใดที่เกิดระลอกคลื่น ข่าวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนนั้นจะส่งผลกับการขายทิ้ง และไล่ซ้อนซื้อหุ้นกันอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการขึ้นลงของมูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดของแต่ละวันอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ซื้อและขายหรือผู้ถือหุ้นอยู่จำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวปัจจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำกำไร หรือซื้อ-ขายหุ้นให้มีกำไรมากที่สุดและขาดทุนน้อยที่สุด
เฉกเช่นเดียวกับ... ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ไว้ต่อปัจจัยบวกและลบที่จะเข้ามากระทบ เพียงแต่ไม่รวดเร็วและอ่อนไหวมากเท่ากับการซื้อขาย-หุ้น เนื่องจากปัจจัยที่จะเข้ามากระทบแต่ละตัวนั้นค่อนข้างมีที่มาที่ไปที่ชัดเจน และสามารถคำนวน หรือคาดการณ์ การเกิดขึ้นของปัจจัยต่างๆ ได้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการปรับตัว เตรียมการป้องกันหรือเตรียมแผนรับมือเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
ณ วันนี้… ก็เช่นกัน เชื่อว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ ย่อมรับรู้แล้วว่าผลกระทบจากปัญหาการเมืองในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดบ้างแล้ว แต่เป็นเพียงผลกระทบทางจิตวิทยา ซึ่งหากเป็นช่วงตลาดปกติ เชื่อว่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคยืดระยะเวลาในการตัดสินใจ หรือชะลอแผนการซื้อที่อยู่ออาศัยออกไปเป็นแน่
แต่เนื่องจากตลาดขณะนี้ ตลาดรวมยังมีปัจจัยบวก จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจาการซื้อที่อยู่อาศัย และมอบโอนก่อนวันที่ 28 มี.ค.นี้ ซึ่งช่วยให้ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ และเป็นช่วงนาทีทองของลูกค้า เพราะหากหมดมาตรการภาษี แล้วรับบาลไม่มีการต่ออายุมาตรการออกไป ตามที่มีกระแสข่าวออกมา เชื่อว่าลูกค้าหรือผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อจะต้องฉกฉวยโอกาสนี้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมาตรการที่จะหมดลง ซึ่งผุ้บริโภคจะหากโอกาสซื้อบ้านและได้รับสิทธิประโยชน์จำนวนมากอย่างปัจจุบันนี้คงเป็นเรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม …ในวันนี้ผู้ประกอบการทุกฝ่ายยังมองในแง่บวก ต้องการสร้างกระแสในเชิงบวก และยังหวังว่าปัญหาต่างๆ จะไม่รุนแรง (ไม่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในประเทศไทย) กว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดรวมตลอดทั้งปี ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ซ่อนอยู่ในความหวังของผู้ประกอบการอสังหาฯในขณะนี้คือแผนการรับมือหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทในวันที่ 26กุมภาพันธ์นี้และผลกระทบจากการ ไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 มีนาคมนี้
“แน่นอนว่าหากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ สิ่งที่จะตามมาคือผลกระทบต่อการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็เตรียมแผนการปรับราคาขายที่อยู่อาศัยเพิ่มอีก 4% ในเดือนเมษายนนี้ เนื่องจากต้นทุน ที่ดิน ต้นทุนการก่อสร้าง และ ราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นต้นใหม่ ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการอสังหาฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรสุทธิของผู้ประกอบการให้ลดลงมาเหลือ 20% จากช่วงที่ผ่านๆมาซึ่มอยู่ที่ 21-22%” นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มองว่ามาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดใน 28 มีนาคม 53 จะส่งผลต่อธุรกิจค่อนข้างมาก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย จะขอรับหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบการเข้าเจรจากับทางการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเรียกร้องให้ทางการต่ออายุมาตรการภาษีออกไป โดยจะชี้แจงผลดีของมาตรภาษีภาษีที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ขณะที่ บรรยากาศภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ในวันแรก (18ก.พ.) ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าเยี่ยมชมงานจำนวนมากโดยที่อยู่อาศัยที่นำเข้ามาร่วมงานส่วนใหญ่ เป็นบ้านพร้อมโอนเพื่อรองรับกับมาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดลงในวันที่ 28 มีนาคม นอกจากนี้ยังมีสถานบันการเงินและบรรษัทบริหารสินทรัพย์ หรือบบส. นำสินทรัพย์รอการขาย หรือเอ็นพีเอ ออกมาขายลดราคา 10-20%
ส่วนโปรโมชั่นในงานก็ถือว่า จูงใจ และแรงกว่าทุกปีทีผ่านมาเนื่องจากตลาดประเมินเรื่องมาตรการว่าอาจไม่ต่อออกไปอีก หรือต่อเฉพาะบางส่วน เช่น โปรโมชั่น ที่ผู้ประกอบการร่วมสถาบันการเงินให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0%นานสองปี โดยผู้ประกอบการยอมรับภาระจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารเองจากเดิมที่จะให้กู้อัตราดอกเบี้ย 0% สูงสุดแค่ 3 เดือน หรือโปรโมชั่นในรูปส่วนลดเงินสด 5-10 % โปรโมชั่นอยู่ฟรี รวมทั้งให้เฟอร์นิเจอร์ฟรีเป็นต้น
บรรยากาศการเข้าชมงานของผู้บริโภค และการจัดแคมเปญที่แรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานี้เอง สะท้อนให้เห็นได้ว่า ผลกระทบจากการเมือง และกรณีการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6หมืนล้านบาท รวมถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของ “คนเสื้อแดง” ในขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มเดินเกมส์สร้างรายได้ ..ทำยอดขายตุนไว้รองรับยอดรายได้รวมทั้งปีของแต่ละบริษัทแล้ว
เนื่องจาก...ในวันนี้สถานการณ์ของผู้ประกอบการอสังหาฯ เสมือน..คนที่รอผลจากการโยนเหรียญหัวก้อยเสี่ยงทาย...ว่าเหรียญนั้นจะออกมาด้านใด หากออกมาด้านบวกก็ยิ่งดี...แต่หากออกมาด้านลบนั่นหมายถึงในปีนี้โอกาสในการขยายตัวธุรกิจอสังหานั้นจะถูกบั่นทอนลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ...จากที่ทุกฝ่ายประมาณการว่าในปี 53ตลาดรวมจะขยายตัวสูงกว่าในปีที่ผ่านๆมา