นายกสมาคมอาคารชุดไทย เชื่อรัฐต่ออายุมาตรการลดหย่อยภาษีอีก 1 ปี หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ระบุแนวโน้มคอนโดฯโตต่อเนื่อง ชี้แนวโน้มการซื้อลงทุนยังขยายตัวช่วยดันดีมานด์ตลาด แนะอสังหาฯหน้าใหม่ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเล เลือกเซ็กเมนต์ และการวางตำแหน่งสินค้า เตือนคุมต้นทุนให้มาก ระวังต้นทุนวัสดุแนวโน้มขาขึ้นในปีนี้
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปีที่ผ่านมามียอดจดทะเบียนสูงกว่าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ เป็นครั้งแรกในรอบ10 ปี โดยยอดรวมการจดทะเบียนคอนโดฯในปี 52 มียอดจดทะเบียนสูงกว่าที่อยู่อาศัยแนวราบประมาณ 10,000 ยูนิต และมีแนวโน้มว่าคอนโดมิเนียมจะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงกว่าที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สาเหตุที่คอนโดฯมีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เพราะผู้บริโภคตระหนักถึงปัญหาด้านการเดินทาง และต้นทุนการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอนาคตจากการปรับตัวของราคาน้ำมัน
โดยในปีนี้ คาด่าจะมีกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีกจำนวนมาก ซึ่งจากการประกาศแผนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลทั้ง 3 สายคือ สายสีม่วง สีน้ำเงิน และสีเขียว นับว่าส่งผลดีต่อตลาดคอนโดฯอย่างมาก ในขณะที่บ้านเดี่ยวและทาวนเฮาส์ต้องอาศัยการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและการตัดถนนใหม่เพื่อเปิดหน้าดิน ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการก่อสร้างน้อยมากทำให้กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบขยายตัวน้อยกว่าคอนโดมิเนียม
นอกจากนี้ แนวโน้มการซื้อคอนโดฯเพื่อการลงทุนยังขยายตัวมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านการซื้อบ้านที่ปล่อยเช่าหรือเปลี่ยนมือยาก ขณะเดียวกันคอนโดมิเนียมยังมีเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่อยู่ในเช็คเม้นต์เดียวกับกลุ่มอพาร์ทเม้นต์และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ ซึ่งหากเศรษฐกิจยังมีการขยายตัว และต่างชาติขยายการลงทุนแนวโน้มการเช่าที่พักอาศัยประเภทดังกล่าวก็ยังขยายตัวต่อเนื่อง
นายอธิป กล่าวว่า สำหรับปัจจัยบวกในปี 53 ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดรวมอสังหาฯหลักๆ คือ การตัดสินใจต่ออายุมาตรการอสังหาฯของรัฐบาลออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัวทำให้รัฐบาลต้องผลักดันการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้การลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใน 3 เส้นทางข้างต้นจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ
“อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดคอนโดฯ ต้องให้ความสำคัญกับการเลือกทำเล เลือกเซ็กเมนต์ และการวางตำแหน่งสินค้า อย่าพัฒนาโดยไม่กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้ เรื่องของการขอสินเชื่อโครงการต้องให้ความสำคัญมากกับการประสานงานกับธนาคาร” นายอธิปกล่าว
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องระวังของผู้พัฒนาคอนโดฯในปีนี้ คือ 1. ราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อราคาขาย 2.ต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นจากการปรับราคาวัสดุก่อสร้าง ส่งผลให้ราคาคอนโดฯแพงขึ้น 3. การจัดทำโปรเจกต์ไฟแนนซ์หรือการขอสินเชื่อโครงการต้องให้ความสำคัญกับทำเลซึ่งมีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน 4. การรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อต้นทุนด้านระยะเวลาในการก่อสร้าง