ASTVผู้จัดการรายวัน - “ศุภาลัย” ทุบสถิติตัวเองทำยอดขายปี 53 กว่า 12,000 ล้านบาท พร้อมยอดแบ็คล็อกตุนในมือ 16,800 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 53 เปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่า 15,000 ล้านบาท ได้ฤกษ์บุกตลาดอสังหาฯเชียงใหม่ปีนี้ คาดทั้งปีรายได้รวม 11,000 ล้านบาท โต 23%
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2552 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 12,200 ล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์มาจากยอดจองในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 6,135 ล้านบาท จากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ทั้งศุภาลัย ปาร์ค อโศก-รัชดา, ศุภาลัย ปาร์ค รัชโยธิน และศุภาลัย ปาร์ค @ ดาวน์ทาวน์ ภูเก็ต ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสามารถปิดการขายโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค อโศก-รัชดา มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ตั้งแต่วันแรกของการเปิดให้จอง รวมถึงทำยอดขายของโครงการศุภาลัย ปาร์ค รัชโยธิน และ ศุภาลัย ปาร์ค @ ดาวน์ทาวน์ ภูเก็ต ได้แล้วกว่า 75%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2553บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 15,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 23% จากปี 2552 โดยจะมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท และโครงการเดิมที่ยังคงเปิดขายอยู่ ซึ่งทำให้มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งการเปิดตัวโครงการใหม่ดังกล่าวจะมาจากที่ดินที่ได้ทำการซื้อไว้รอการพัฒนาแล้วกว่า 16 แปลง มูลค่า 17,000 ล้านบาท โดยเจาะทุกตลาด และมีการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ในกลุ่มราคาบ้านที่ต่ำลง โดยผ่านโครงการในกลุ่มบ้านบีโอไอ 3-4 โครงการ ทั้งทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5% ของการลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯ จะได้
ประโยชน์จากการรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ราคาขายลดลง 5-6%
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมียอดขายที่รอการส่งมอบให้ลูกค้า (Backlog) อยู่ 16,800 ล้านบาท ซึ่งจะทำการส่งมอบภายในปี 2553 นี้ จำนวน 7,500 ล้านบาท คิดเป็น 68% ของเป้าหมายรายได้สำหรับปี 2553 ที่บริษัทตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายประทีป กล่าวว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจของเมืองไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากรัฐบาลขยายมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองและภาษีธุรกิจเฉพาะที่จะสิ้นสุดในวันที่ 28 มีนาคม 2553 นั้น เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและภาคเอกชนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งจะเป็นปีแรกที่บริษัทขยายทำเลการลงทุนสู่ภาคเหนือ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประมาณ 500 ล้านบาท ภูเก็ตและขอนแก่นประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมยอดขายในต่างจังหวัดประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด สำหรับงบซื้อที่ดินตั้งไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการในอนาคต
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2552 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 12,200 ล้านบาท โดยได้รับอานิสงส์มาจากยอดจองในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 6,135 ล้านบาท จากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ทั้งศุภาลัย ปาร์ค อโศก-รัชดา, ศุภาลัย ปาร์ค รัชโยธิน และศุภาลัย ปาร์ค @ ดาวน์ทาวน์ ภูเก็ต ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสามารถปิดการขายโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค อโศก-รัชดา มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ตั้งแต่วันแรกของการเปิดให้จอง รวมถึงทำยอดขายของโครงการศุภาลัย ปาร์ค รัชโยธิน และ ศุภาลัย ปาร์ค @ ดาวน์ทาวน์ ภูเก็ต ได้แล้วกว่า 75%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2553บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการขายไว้ที่ 15,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 23% จากปี 2552 โดยจะมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท และโครงการเดิมที่ยังคงเปิดขายอยู่ ซึ่งทำให้มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งการเปิดตัวโครงการใหม่ดังกล่าวจะมาจากที่ดินที่ได้ทำการซื้อไว้รอการพัฒนาแล้วกว่า 16 แปลง มูลค่า 17,000 ล้านบาท โดยเจาะทุกตลาด และมีการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ในกลุ่มราคาบ้านที่ต่ำลง โดยผ่านโครงการในกลุ่มบ้านบีโอไอ 3-4 โครงการ ทั้งทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5% ของการลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯ จะได้
ประโยชน์จากการรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ราคาขายลดลง 5-6%
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมียอดขายที่รอการส่งมอบให้ลูกค้า (Backlog) อยู่ 16,800 ล้านบาท ซึ่งจะทำการส่งมอบภายในปี 2553 นี้ จำนวน 7,500 ล้านบาท คิดเป็น 68% ของเป้าหมายรายได้สำหรับปี 2553 ที่บริษัทตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายประทีป กล่าวว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจของเมืองไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากรัฐบาลขยายมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองและภาษีธุรกิจเฉพาะที่จะสิ้นสุดในวันที่ 28 มีนาคม 2553 นั้น เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคและภาคเอกชนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งจะเป็นปีแรกที่บริษัทขยายทำเลการลงทุนสู่ภาคเหนือ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประมาณ 500 ล้านบาท ภูเก็ตและขอนแก่นประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมยอดขายในต่างจังหวัดประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด สำหรับงบซื้อที่ดินตั้งไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการในอนาคต
