ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.ต.จำลอง” ชี้บ้านเมืองจะไม่วุ่นวายหากรัฐบาล-ฝ่ายมั่นคง เอาจริง เย้ยแค่กล้าหาญ 1 ใน 100 ของ “ย่าโม” ก็พอ ซัดทหารไม่ปกป้องชาติ คนไทยต้องยืนหยัดสู้ต่อไป วอนชาวอีสานอย่าตกเป็นเครื่องมือ “นช.แม้ว” หลอกใช้เพียงเงินไม่กี่บาท แต่แกนนำรวยขึ้นทุกวัน
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีคอนเสิร์ต “รักษ์แผ่นดิน รักถิ่นเกิด เทิดไท้องค์ราชัน” ที่โรงเรียนด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ท่ามกลางเครือข่ายพันธมิตรจากทั่วประเทศกว่า 3,000 คนว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม เราเป็นกลุ่มประชาชนทุกอาชีพจากทั่วประเทศมารวมตัวกัน โดยมีเจตนาอย่างแจ่มชัดว่า เราต้องการออกมาปกป้อง 3 สถาบันคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ต่อมามีคนกลุ่มหนึ่งเห็นตรงกันข้ามกับพวกเรา แล้วมาจาบจ้วงสถาบันจึงเกิดความแตกแยกขึ้น อย่างนี้จะหาว่าพันธมิตรฯ ทำให้เกิดความแตกแยกได้อย่างไร ถ้าตามความหมายของพวกเขาก็หมายความว่า เราจะต้องละทิ้งหน้าที่พลเมืองดีของเรา ไปรวมกับพวกเขาเพื่อลิดรอนปั่นทอนสถาบันอย่างนั้นหรือ พันธมิตรฯ ไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ฉะนั้นเราจึงไม่ใช่ผู้ที่ทำให้เกิดความแตกแยก และบ้านเมืองก็จะไม่วุ่นวายถ้ารัฐบาลและฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ ใช้กฎหมาย ถ้าพูดหรือกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องดำเนินคดีทันที
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า อยากให้เหตุการณ์ในคืนนี้ที่ อ.ด่านขุนทด ได้สะท้อนไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล ทหาร ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในการปกป้องชาติ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ว่า วันนี้ พวกเรา พันธมิตรฯ มาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เราดีใจที่ได้มาในถิ่นวีรสตรีของไทย ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของเรากล้าเพียงหนึ่งในร้อยของย่าโม บ้านเมืองคงสงบเรียบร้อยไปแล้ว “แม้หัวจะกุด แขนจะขาดก็ถือดาบมาสู้” แต่นี่อยู่กันสบายไม่ทำอะไรเลยบ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้
“โดยเฉพาะทหารเรียนมา ฝึกมากลับไม่ปกป้องชาติบ้านเมือง แต่ให้ประชาชนคนแก่อย่างพวกเรา ซึ่งเสียภาษีเลี้ยงเหล่าทหารออกมาปกป้องบ้านเมืองแทน ฉะนั้นวันนี้เราถึงไม่ยอมทิ้งเวทีและประชาชน พวกเราจะต้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป และเราทำอะไรมีความมุ่งหมายที่แน่ชัดอยู่แล้ว”
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวหาว่า ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่ จ.นครราชสีมา เมื่อ 2 วันก่อนว่าไม่เป็นความจริง วันนี้พี่น้องประชาชนได้เห็นชัดเจนว่ายังคงสบายดี ฉะนั้นเสื้อแดงพูดโกหก เสื้อแดงตกนรก
**วอนชาวอีสานอย่าเป็นเครื่องมือแม้ว
ต่อเวลา 21.30 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นภายในประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะระเบิด M 79 ที่ยิงเข้าไปในสถานที่สำคัญของประเทศ แต่รัฐยังจัดการไม่ได้ แม้ว่าทักษิณ จะอยู่ต่างประเทศแต่ยังมีความพยายามเคลื่อนไหวในการเอาทรัพย์สินที่โกงชาติโกงแผ่นดินไปเป็นของตัวเอง ตอนนี้พยายามเคลื่อนไหวขัดขวางการตัดสินคดียึดทรัพย์ กลุ่มคนเสื้อแดงก็อุกอาจ แม้ประกาศว่าจะไม่มีการชุมนุมในวันที่ 26 ก.พ.นี้ แต่ก็บอกให้ระดมน้ำมัน และเอากองกำลังติดอาวุธเข้ามา รัฐบาลก็ยังนิ่งเฉยไม่ดำเนินการกับพวกนี้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย
แต่วันนี้ประชาชนเริ่มตื่นตัวแล้ว รัฐบาลเริ่มงัวเงียลุกขึ้นบ้าง เช่นเดียวกับสื่อก็เริ่มดีขึ้น จึงทำให้พวกเราต้องยืนหยัดต่อสู้ โดยยึดหลักการเดิมคือ ไม่ให้ทักษิณ กลับมามีอำนาจได้ และเราต้องเคารพศาลยุติธรรม นี่คือเส้นทางของ พันธมิตรฯ ถ้าปล่อยให้เขาเอาเงินไปได้ เงินก็ไปอยู่กับญาติพี่น้อง ไปเสวยสุขกัน แต่ถ้าเงิน 7.6 หมื่นล้านบาทถูกยึดหมดก็ตกเป็นของประเทศชาติ เอามาสร้างโรงเรียนให้เด็กยากจนในภาคอีสานทั้งหมดยังได้เลย หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนไทยได้ประโยชน์ ฉะนั้นเราจึงต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
แต่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงโดยเฉพาะ 3 เกลอหัวขวด ต่อสู้เพื่อทักษิณ เพียงคนเดียว หลอกชาวบ้านว่ารักประชาธิปไตย ต้านอำมาตย์ แต่ทักษิณเองต่างหากที่พยายามเป็นอำมาตย์ เช่นให้เขาวาดรูปพระยากือนาเหมือนตัวเอง หรือ บอกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าตากสินมาเกิด และแม้แต่กระทั่งเข้าไปนั่งในวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นการแสดงกิริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และรับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พยายามใช้ฮุนเซนมาโจมตีไทย สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็ด่านายกรัฐมนตรีของไทยเสียหาย
“ถ้าพี่น้องเป็นคนไทย ก็ต้องปกป้องอธิปไตยของไทย แผ่นดินที่อยู่มาเพราะบรรพบุรุษ ของเราปกป้องไว้ ญาติพี่น้องเราปกป้องไว้ ผู้ใดคิดคตทรยศต่อแผ่นดินเกิดมันผู้นั้นก็จะล่มจมและมีอันเป็นไป”
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า พวกเรามีฉันทามติร่วมกันแล้วว่า ต่อไปต้องสร้างการเมืองใหม่เกิดขึ้น สนับสนุนคนดี เสียสละ กล้าหาญ เข้ามาปกครองประเทศ คนดีในประเทศชาติมีมาก เราต้องช่วยกันหาคนดีเข้าสู่การเมืองใหม่ เพื่อจะได้ไม่มีนักการเมืองน้ำเน่าที่ชอบโดดสภาฯ ไปหาพ่อทักษิณ แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คนดีไม่ใช่คนเป็นกลาง ไม่ใช่คนไม่เลือกข้าง เพราะการทำความดีไม่มีตรงกลาง มีแต่ความดีกับความชั่วเท่านั้น ตอนนี้พี่น้องพันธมิตรฯ เราขอให้เตรียมความพร้อมไว้ อย่าเพิ่งออกไป ปล่อยให้รัฐบาลเขาจัดการเรื่องต่างๆ เอง เพราะรัฐบาลชุดนี้ได้อำนาจมาเพราะพันธมิตรฯ ตอนนี้เรานั่งบนภูดูลมเย็น ไปก่อน ปล่อยให้รัฐบาลจัดการ แต่ถ้าเมื่อไรรัฐบาลจัดการไม่ได้ ตอนนั้นเราจะออกมาจัดการกันเอง
“วันนี้รู้สึกสงสารคนเสื้อแดง ที่ไม่รู้เรื่อง ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณ ทักษิณหลอกใช้โดยเฉพาะชาวอีสาน ขณะที่แกนนำมันร่ำรวยขึ้นทุกวัน แต่พี่น้องคนเสื้อแดงกลับจนลงเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น ฉะนั้นอย่าไปเชื่อแกนนำเสื้อแดงให้มาก มาถึงวันหนึ่งพวกนี้มันหนีไปอยู่ต่างประเทศกันหมด เพราะมันรวยกันหมดแล้ว แต่ประชาชนไปชุมนุมทีหนึ่งได้ 500 หรือ 1,000 บาทบ้างใช้ไม่นานก็หมดแต่พวกมันรวยขึ้น ๆ” นายสมศักดิ์ กล่าว
**“พิภพ”ชี้"แม้ว"แพ้ภัยตัวเอง-ไม่รุนแรง
จากนั้นเวลา 21.45 น.นายพิภพ ธงไชย 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯขึ้นเวทีปราศรัยว่า ขอฟันธงว่าวันที่ 26 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันตัดสินคดียึดทรัพย์ของ ทักษิณ นั้นไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะยุทธศาสตร์ของทักษิณล้มเหลว โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การโจมตีตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมถึงสถาบันสูงสุด, สถาบันทหาร, ข้าราชการ และชนชั้นกลางเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง กรณีเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ประสบความล้มเหลว
วันนี้ 3 เกลอแกนนำม็อบเสื้อแดง ประกาศใช้สันติวิธี เพี่อลดความรุนแรง แต่ทักษิณไม่เชื่อยังหันไปสนับสนุนทหาร 2 คน ที่จะทำให้เกิดความรุนแรงซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะประชาชนรู้ว่าเป้าโจมตีไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นสถาบัน สังคมจึงรู้สึกว่าทักษิณเป็นตัวอันตราย ออกมาเป็นภูมิคุ้มกันช่วยกัน และมองว่าทักษิณต่อสู้เพื่อตัวเอง กำลังทำลายรัฐ, กองทัพ สถาบันตุลาการ ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐทำให้สังคมทนไม่ไหวในการกระทำดังกล่าว ตอนนี้หวาดกลัวกันไปหมด ต่างประเทศมีคำสั่งว่าสังคมไทยอันตราย
ทักษิณใช้ยุทธวิธีโจมตีต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้ทุกองค์กรของรัฐมาร่วมกันปกป้องและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ฉะนั้นจึงฟันธงได้ว่า วันที่ 26 ก.พ.นี้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะรัฐผนึกกำลังกันฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าทักษิณทำยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์ผิด เอาฮุน เซน มาโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนไทยก็รู้สึกว่า ฮุน เซนโจมตีอภิสิทธิ์ ก็เหมือนการโจมตีประเทศ เราไม่ได้ปกป้องคุณอภิสิทธิ์ แต่ คุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ประเทศก็เสียศักดิ์ศรีด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงยอมไม่ได้ที่จะให้ต่างชาติมาโจมตี นี่คือยุทธศาสตร์ที่ผิดของทักษิณ สุดท้ายทักษิณก็ล้มเหลว และตรอมใจตาย
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ในส่วนของศาลนั้นการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตอนนี้คนคิดว่า ไม่ว่าจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านออกมาอย่างไร จะยึดหมด, ยึดบางส่วนหรือครึ่งหรือ หรือยึดเพียงส่วนน้อยหรือแม้ไม่ยึดเลย ก็จะเกิดความรุนแรง เพราะไม่ว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร คุณทักษิณก็ไม่พอใจ เนื่องจากสิ่งที่อยากได้คือ การกลับมาประเทศโดยไม่มีคดีติดตัวใด ๆ และกลับมามีอำนาจอีกครั้ง นี่เป็นประเด็นสำคัญ แต่หากมีการตัดสินคดียึดทรัพย์คุณทักษิณ ก็จะเป็นตราบาปเพราะคดีอาญาที่ติดตัวคุณทักษิณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
หากจะถามถึงความรุนแรงนั้น ถ้าเกิดจากความไม่พอใจของคุณทักษิณมีแน่ แต่ความสามารถในการก่อความรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเผาเมืองนั้นขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาลว่าจะอธิบายได้หรือไม่ หากอำนาจรัฐมีความชอบธรรมประชาชนก็พร้อมที่จะสนับสนุน สังคมไทยในวันนี้ผู้พิพากษาไม่อยู่ในที่มืดแล้ว ฉะนั้นคำพิพากษาในกรณียึดทรัพย์ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ต้องอธิบายให้ได้ทุกอย่าง หากสามารถอธิบายได้แล้วความรุนแรงก็จะควบคุมได้ และเชื่อว่าผู้พิพากษาคงไม่หวั่นไหว
“อยากบอกว่าขอให้มั่นใจว่าถ้าสร้างความเป็นธรรม ความยุติธรรม เรา หมายถึงสังคมไทยชนะแน่ ซึ่งหากมีความเป็นธรรมความยุติธรรมเกิดขึ้น เมื่อนั้นสังคมไทยก็จะมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง” นายพิภพ กล่าว.
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีคอนเสิร์ต “รักษ์แผ่นดิน รักถิ่นเกิด เทิดไท้องค์ราชัน” ที่โรงเรียนด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ท่ามกลางเครือข่ายพันธมิตรจากทั่วประเทศกว่า 3,000 คนว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม เราเป็นกลุ่มประชาชนทุกอาชีพจากทั่วประเทศมารวมตัวกัน โดยมีเจตนาอย่างแจ่มชัดว่า เราต้องการออกมาปกป้อง 3 สถาบันคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ต่อมามีคนกลุ่มหนึ่งเห็นตรงกันข้ามกับพวกเรา แล้วมาจาบจ้วงสถาบันจึงเกิดความแตกแยกขึ้น อย่างนี้จะหาว่าพันธมิตรฯ ทำให้เกิดความแตกแยกได้อย่างไร ถ้าตามความหมายของพวกเขาก็หมายความว่า เราจะต้องละทิ้งหน้าที่พลเมืองดีของเรา ไปรวมกับพวกเขาเพื่อลิดรอนปั่นทอนสถาบันอย่างนั้นหรือ พันธมิตรฯ ไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ฉะนั้นเราจึงไม่ใช่ผู้ที่ทำให้เกิดความแตกแยก และบ้านเมืองก็จะไม่วุ่นวายถ้ารัฐบาลและฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ ใช้กฎหมาย ถ้าพูดหรือกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้านเมืองก็ต้องดำเนินคดีทันที
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า อยากให้เหตุการณ์ในคืนนี้ที่ อ.ด่านขุนทด ได้สะท้อนไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล ทหาร ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในการปกป้องชาติ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ว่า วันนี้ พวกเรา พันธมิตรฯ มาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เราดีใจที่ได้มาในถิ่นวีรสตรีของไทย ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของเรากล้าเพียงหนึ่งในร้อยของย่าโม บ้านเมืองคงสงบเรียบร้อยไปแล้ว “แม้หัวจะกุด แขนจะขาดก็ถือดาบมาสู้” แต่นี่อยู่กันสบายไม่ทำอะไรเลยบ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้
“โดยเฉพาะทหารเรียนมา ฝึกมากลับไม่ปกป้องชาติบ้านเมือง แต่ให้ประชาชนคนแก่อย่างพวกเรา ซึ่งเสียภาษีเลี้ยงเหล่าทหารออกมาปกป้องบ้านเมืองแทน ฉะนั้นวันนี้เราถึงไม่ยอมทิ้งเวทีและประชาชน พวกเราจะต้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป และเราทำอะไรมีความมุ่งหมายที่แน่ชัดอยู่แล้ว”
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวหาว่า ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่ จ.นครราชสีมา เมื่อ 2 วันก่อนว่าไม่เป็นความจริง วันนี้พี่น้องประชาชนได้เห็นชัดเจนว่ายังคงสบายดี ฉะนั้นเสื้อแดงพูดโกหก เสื้อแดงตกนรก
**วอนชาวอีสานอย่าเป็นเครื่องมือแม้ว
ต่อเวลา 21.30 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นภายในประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะระเบิด M 79 ที่ยิงเข้าไปในสถานที่สำคัญของประเทศ แต่รัฐยังจัดการไม่ได้ แม้ว่าทักษิณ จะอยู่ต่างประเทศแต่ยังมีความพยายามเคลื่อนไหวในการเอาทรัพย์สินที่โกงชาติโกงแผ่นดินไปเป็นของตัวเอง ตอนนี้พยายามเคลื่อนไหวขัดขวางการตัดสินคดียึดทรัพย์ กลุ่มคนเสื้อแดงก็อุกอาจ แม้ประกาศว่าจะไม่มีการชุมนุมในวันที่ 26 ก.พ.นี้ แต่ก็บอกให้ระดมน้ำมัน และเอากองกำลังติดอาวุธเข้ามา รัฐบาลก็ยังนิ่งเฉยไม่ดำเนินการกับพวกนี้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย
แต่วันนี้ประชาชนเริ่มตื่นตัวแล้ว รัฐบาลเริ่มงัวเงียลุกขึ้นบ้าง เช่นเดียวกับสื่อก็เริ่มดีขึ้น จึงทำให้พวกเราต้องยืนหยัดต่อสู้ โดยยึดหลักการเดิมคือ ไม่ให้ทักษิณ กลับมามีอำนาจได้ และเราต้องเคารพศาลยุติธรรม นี่คือเส้นทางของ พันธมิตรฯ ถ้าปล่อยให้เขาเอาเงินไปได้ เงินก็ไปอยู่กับญาติพี่น้อง ไปเสวยสุขกัน แต่ถ้าเงิน 7.6 หมื่นล้านบาทถูกยึดหมดก็ตกเป็นของประเทศชาติ เอามาสร้างโรงเรียนให้เด็กยากจนในภาคอีสานทั้งหมดยังได้เลย หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนไทยได้ประโยชน์ ฉะนั้นเราจึงต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
แต่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงโดยเฉพาะ 3 เกลอหัวขวด ต่อสู้เพื่อทักษิณ เพียงคนเดียว หลอกชาวบ้านว่ารักประชาธิปไตย ต้านอำมาตย์ แต่ทักษิณเองต่างหากที่พยายามเป็นอำมาตย์ เช่นให้เขาวาดรูปพระยากือนาเหมือนตัวเอง หรือ บอกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าตากสินมาเกิด และแม้แต่กระทั่งเข้าไปนั่งในวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นการแสดงกิริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และรับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พยายามใช้ฮุนเซนมาโจมตีไทย สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็ด่านายกรัฐมนตรีของไทยเสียหาย
“ถ้าพี่น้องเป็นคนไทย ก็ต้องปกป้องอธิปไตยของไทย แผ่นดินที่อยู่มาเพราะบรรพบุรุษ ของเราปกป้องไว้ ญาติพี่น้องเราปกป้องไว้ ผู้ใดคิดคตทรยศต่อแผ่นดินเกิดมันผู้นั้นก็จะล่มจมและมีอันเป็นไป”
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า พวกเรามีฉันทามติร่วมกันแล้วว่า ต่อไปต้องสร้างการเมืองใหม่เกิดขึ้น สนับสนุนคนดี เสียสละ กล้าหาญ เข้ามาปกครองประเทศ คนดีในประเทศชาติมีมาก เราต้องช่วยกันหาคนดีเข้าสู่การเมืองใหม่ เพื่อจะได้ไม่มีนักการเมืองน้ำเน่าที่ชอบโดดสภาฯ ไปหาพ่อทักษิณ แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คนดีไม่ใช่คนเป็นกลาง ไม่ใช่คนไม่เลือกข้าง เพราะการทำความดีไม่มีตรงกลาง มีแต่ความดีกับความชั่วเท่านั้น ตอนนี้พี่น้องพันธมิตรฯ เราขอให้เตรียมความพร้อมไว้ อย่าเพิ่งออกไป ปล่อยให้รัฐบาลเขาจัดการเรื่องต่างๆ เอง เพราะรัฐบาลชุดนี้ได้อำนาจมาเพราะพันธมิตรฯ ตอนนี้เรานั่งบนภูดูลมเย็น ไปก่อน ปล่อยให้รัฐบาลจัดการ แต่ถ้าเมื่อไรรัฐบาลจัดการไม่ได้ ตอนนั้นเราจะออกมาจัดการกันเอง
“วันนี้รู้สึกสงสารคนเสื้อแดง ที่ไม่รู้เรื่อง ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณ ทักษิณหลอกใช้โดยเฉพาะชาวอีสาน ขณะที่แกนนำมันร่ำรวยขึ้นทุกวัน แต่พี่น้องคนเสื้อแดงกลับจนลงเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น ฉะนั้นอย่าไปเชื่อแกนนำเสื้อแดงให้มาก มาถึงวันหนึ่งพวกนี้มันหนีไปอยู่ต่างประเทศกันหมด เพราะมันรวยกันหมดแล้ว แต่ประชาชนไปชุมนุมทีหนึ่งได้ 500 หรือ 1,000 บาทบ้างใช้ไม่นานก็หมดแต่พวกมันรวยขึ้น ๆ” นายสมศักดิ์ กล่าว
**“พิภพ”ชี้"แม้ว"แพ้ภัยตัวเอง-ไม่รุนแรง
จากนั้นเวลา 21.45 น.นายพิภพ ธงไชย 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯขึ้นเวทีปราศรัยว่า ขอฟันธงว่าวันที่ 26 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันตัดสินคดียึดทรัพย์ของ ทักษิณ นั้นไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะยุทธศาสตร์ของทักษิณล้มเหลว โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การโจมตีตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมถึงสถาบันสูงสุด, สถาบันทหาร, ข้าราชการ และชนชั้นกลางเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง กรณีเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ประสบความล้มเหลว
วันนี้ 3 เกลอแกนนำม็อบเสื้อแดง ประกาศใช้สันติวิธี เพี่อลดความรุนแรง แต่ทักษิณไม่เชื่อยังหันไปสนับสนุนทหาร 2 คน ที่จะทำให้เกิดความรุนแรงซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะประชาชนรู้ว่าเป้าโจมตีไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นสถาบัน สังคมจึงรู้สึกว่าทักษิณเป็นตัวอันตราย ออกมาเป็นภูมิคุ้มกันช่วยกัน และมองว่าทักษิณต่อสู้เพื่อตัวเอง กำลังทำลายรัฐ, กองทัพ สถาบันตุลาการ ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐทำให้สังคมทนไม่ไหวในการกระทำดังกล่าว ตอนนี้หวาดกลัวกันไปหมด ต่างประเทศมีคำสั่งว่าสังคมไทยอันตราย
ทักษิณใช้ยุทธวิธีโจมตีต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้ทุกองค์กรของรัฐมาร่วมกันปกป้องและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น ฉะนั้นจึงฟันธงได้ว่า วันที่ 26 ก.พ.นี้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะรัฐผนึกกำลังกันฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าทักษิณทำยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์ผิด เอาฮุน เซน มาโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนไทยก็รู้สึกว่า ฮุน เซนโจมตีอภิสิทธิ์ ก็เหมือนการโจมตีประเทศ เราไม่ได้ปกป้องคุณอภิสิทธิ์ แต่ คุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ประเทศก็เสียศักดิ์ศรีด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงยอมไม่ได้ที่จะให้ต่างชาติมาโจมตี นี่คือยุทธศาสตร์ที่ผิดของทักษิณ สุดท้ายทักษิณก็ล้มเหลว และตรอมใจตาย
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ในส่วนของศาลนั้นการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตอนนี้คนคิดว่า ไม่ว่าจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านออกมาอย่างไร จะยึดหมด, ยึดบางส่วนหรือครึ่งหรือ หรือยึดเพียงส่วนน้อยหรือแม้ไม่ยึดเลย ก็จะเกิดความรุนแรง เพราะไม่ว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร คุณทักษิณก็ไม่พอใจ เนื่องจากสิ่งที่อยากได้คือ การกลับมาประเทศโดยไม่มีคดีติดตัวใด ๆ และกลับมามีอำนาจอีกครั้ง นี่เป็นประเด็นสำคัญ แต่หากมีการตัดสินคดียึดทรัพย์คุณทักษิณ ก็จะเป็นตราบาปเพราะคดีอาญาที่ติดตัวคุณทักษิณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
หากจะถามถึงความรุนแรงนั้น ถ้าเกิดจากความไม่พอใจของคุณทักษิณมีแน่ แต่ความสามารถในการก่อความรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเผาเมืองนั้นขึ้นอยู่กับคำพิพากษาของศาลว่าจะอธิบายได้หรือไม่ หากอำนาจรัฐมีความชอบธรรมประชาชนก็พร้อมที่จะสนับสนุน สังคมไทยในวันนี้ผู้พิพากษาไม่อยู่ในที่มืดแล้ว ฉะนั้นคำพิพากษาในกรณียึดทรัพย์ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ต้องอธิบายให้ได้ทุกอย่าง หากสามารถอธิบายได้แล้วความรุนแรงก็จะควบคุมได้ และเชื่อว่าผู้พิพากษาคงไม่หวั่นไหว
“อยากบอกว่าขอให้มั่นใจว่าถ้าสร้างความเป็นธรรม ความยุติธรรม เรา หมายถึงสังคมไทยชนะแน่ ซึ่งหากมีความเป็นธรรมความยุติธรรมเกิดขึ้น เมื่อนั้นสังคมไทยก็จะมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง” นายพิภพ กล่าว.