ฤาทักษิณจะสิ้นลายที่ซอยรางน้ำ
อย่าลืม และ อย่าพลาด “คอนเสิร์ต แฮมเมอร์ เพื่อเพื่อนร่วมชาติ” ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในเย็นวันเสาร์ที่ 13 มีนาคมนี้ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยงวดนี้พี่ๆวงแฮมเมอร์เขาจำหน่ายบัตรถึง 5000 ใบ ใบละ 500 บาท กะกันให้โรงโป่งทีเดียว
ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะต้องการกะตุ้งกะตังค์มากมายเพื่อไปสุรุ่ยสุร่ายเหมือนใครเขา แต่ปรารถนาเอาเงินรายได้จากการจัดงานดนตรีมีชีวิตครั้งนี้ ไปร่วมทำบุญทำกุศลช่วยเพื่อนร่วมชาติที่กำลังขาดปัจจัยหลายองค์กร
รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตของพี่ๆแฮมเมอร์ในปีนี้จะถูกแยกแยะออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ กล่าวคือ 100 บาทแรกจะยกให้กับมูลนิธิเด็กของคุณลุงพิภพ ธงชัย ซึ่ง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯของเราท่านนี้ ได้ทำงานด้านเด็กมานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิในสังคมไทยหลายคน ก่อตั้งมูลนิธิเด็กขึ้นมาเมื่อปี 2521 จากปณิธานที่จะ “คุ้มครอง และ ให้การศึกษาแก่เด็กยากไร้เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า ” นใดากการจัดงานดนตรีมีชีวิตครั้งนี้ไปร่วมทำบุญทำกุศลช่วยเพื่อนร่วมชาติที่กำลังขาดปัจจัยหลายองค์กร่าย
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยว่า ทุกโครงการของมูลนิธิเด็กตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า เด็กต้องมีร่างกาย อารมณ์ จิตใจที่สมบูรณ์ก่อนที่จะพัฒนาทางสติปัญญา และสังคม ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันปัญหา และสร้างทางเลือกเพื่อมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์สังคมสำหรับเด็ก เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาได้เต็มที่
ส่วนรายได้จากการขายบัตร 100 บาทถัดมา มอบให้กับ ASTV เพื่อไม่ให้จอดับ ซึ่งประเด็นนี้หลายคนอาจแย้งว่า อ้าวยังมีเงินไม่พออีกหรือ? ต้องตอบว่า จำกัดจำเขี่ยเต็มที!!! ด้วยสินค้าปกติทั่วไปไม่กล้ามาโฆษณาผ่านทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องนี้ ทำให้รายได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย แม้จะมีส่วนแบ่งจากการขายปุ๋ย ขวัญดิน –ข้าวสาร –อาหารแห้ง และ เครื่องอุปโภค บริโภค จาก ASTV shop ก็ตามที ทว่า ASTV ยังต้องดิ้นรนหารายได้มาประทังชีวิตต่อไป โดยเฉพาะในยามที่รัฐบาลทหารอุ้มสม มองไม่เห็นหัวจิตหัวใจในการเป็นสื่อทางเลือกที่ตรงไปตรงมาของพวกเขา ก็ยังต้องลำบากอีกนาน
นั้นคือส่วนแบ่งรายได้จากการขายบัตร 200 บาทแรก ส่วน 300 บาทที่เหลือ หลังหักค่าใช้จ่ายจำเป็นไม่มากมายเท่าไรนัก เพราะทุนส่วนหนึ่งมี “แม่ยก-พ่อยก”ใจดีหามาช่วย รายได้เกือบครึ่งของส่วนนี้พี่แฮมเมอร์จะนำไปช่วยเหลื่อพี่-น้องมุสลิมผู้ขาดแคลนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้...มุสลิมไม่ลืมกัน...เขากับเราคือพี่น้องเพื่อนร่วมชาติเดียวกัน
ถึงตรงนี้อยากจะบอกดังๆว่า ถ้าจะเรียกร้องให้ “หยุดทะเลาะและหันหน้ามาคุยกัน เพราะเรามีในหลวงองค์เดียวกัน” นี่...ต้องคุยกับพี่น้องของเราที่ 3 จว.ชายแดนใต้นี้ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันจะชักจูงผู้คนให้หลงผิดไปคุยกับ “จอมโจรปล้นชาติ” อย่างทักษิณ หรือ หัวหน้าระบอบบุรีรัมย์ กับ แก๊งค์ปล้นชาติแถวซอยรางน้ำ...คนละเรื่อง ผิดประเด็น!!!
จะว่าไปแล้วก็แปลกดีเนอะ !!! คนสมัยนี้มักอ้างความดี ความชอบ และ ค้นหาแนวทางยุติปัญหาต่างๆอย่างกระท่อนกระแท่น ไม่ลึกซึ้ง ขาดตอน และ เลือกเอาแต่สุขสบายถ่ายเดียว ไม่คำนึงถึงส่วนรวม ขาดจิตอาสา ไร้สำนึกสาธารณะ
อย่างปัจจุบันนี้มีคนดังหลายคน และ หลายองค์กร เริ่มหูตาแหก!!! หลังทักษิณ และบริวารขู่ฟ่อดๆ จะเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบ และ จะแฉคนโน้นจะเผาคนนี้ โดยมี 18 คดีทุจริตและ เงิน 76,000 ล้านบาทเป็นตัวประกัน
ความกลัวหุ้นตก เศรษฐกิจแตก เงินในกระเป่าหด คนตาขาวพวกนี้จึงพลัดตกเป็นเครื่องมือทักษิณและบริวารอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หลังจากพยายามเรียกร้องให้ เสื้อแดง – เสื้อเหลือง หยุดทะเลาะกัน ทั้งๆที่เสื้อเหลืองหมดไปนานแล้วกับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ และ ตอนนี้มีแต่สีแดงที่บ้าดีเดือด กับสีเนวินที่คลั่งอำนาจกะกวาดล้างทุกสีสันให้สิ้นซากตามประสาคนรู้น้อยคิดว่าฉลาดมาก...ความกลัวทำตาฟางแยกสีแบ่งพวกไม่ออก
แถมเวลานี้ “คนปอดแหก”ในบ้านเราหลายคน เพียงแค่ได้ยินเสียงดูไบที่คำรามเหมือน “ผู้ร้าย”ในโรงลิเก ที่ชอบป้องปากร้องตะโกนว่า “ถ้าไม่ยอมกูจะปล้ำ เอ้ย กูจะปล้ำให้หนำใจ” ก็หัวหดตดหาย วิ่งหางจุกตูด ซุกหน้ากับโครงการ “หันมาสามัคคี คืนดีกัน”
ด้วยความที่กลัวเสียสาว เอ้ย กลัวเสียบ้านเสียเมือง เสียเงินเสียสอง หุ้นตก เศรษฐกิจต่ำ คนดี คนดัง ในบ้านเราที่เคยเอาแต่นั่งปิดปากเงียบมาตลอด เลยต้องออกมารำทวนช่วยนางเอก คือ ประเทศไทย กันยกใหญ่
จนเป็นที่มาของสารพัดแคมเปญ ประภท “หยุดทะเลาะกันเถิด เพื่อในหลวงและบ้านเมือง” โดยไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่า คู่ทะเลาะตัวจริง คือ ทักษิณ กับรัฐบาลทหารอุ้มสม ไม่ใช่ระบอบทักษิณกับพันธมิตรฯอีกต่อไป และ ปัญหามาจาก “นักการเมืองเลว” ไม่ใช่ “การเมืองไทย” หรือ “รัฐธรรมนูญไทย 50”
ถ้าคิดจะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้เบ็ดเสร็จต้องขุดราก ถอนโคน แล้วถ้าจะต้องทะเลาะกันวันนี้ เพื่อบ้านเมืองสงบสุข มั่นคงสถาพรในวันข้างหน้า เราก็ต้อง “ทำ” และ ต้องเด็ดขาดบนรากฐานความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่มีดีแต่หลักการ แต่ลับหลังปล่อยพวกโกงบ้านกินเมือง ไม่ต่างจากทักษิณและเมียเลยพับผ่าสิ
แต่ก็อีหรอบเดิมแบบสังคมไทยอ่ะนะ คนดีบ้านเราชอบประนีประนอมกับปัญหา และอะลุ้มอะล่วยแบบไม่เข้าท่า
ยิ่งคนดี –คนดังหลายคน หรือ องค์กรใหญ่ๆหลายแห่ง ออกมาเรียกร้องให้ “ไทยนี้รักสงบ” มากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งพากันกันอออกอ่าวออกทะเลไปไกลเท่านั้น
เพราะยิ่งช่วยกันเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยหันหน้ามา “คืนดี” กันมากเท่าไร ยิ่งเข้าทางตีนทักษิณและบริวารมากขึ้นเท่านั้น
หนำซ้ำตอนนี้คนดัง – หน่วยงาน หลายแห่ง ที่ร่วมขบวนการ “อยากเห็นคนไทยหันหน้ามารักกัน สมานฉันท์ ปรองดอง” ดูไปดูมาหน้าคล้ายสี่เหลี่ยมก็มี ติดแนวบุรีรัมย์เสียก็มาก เข้าข่ายหมาเน่าในเสื้อคลุมราชสีห์
ก็อย่างที่เคยพูดๆกัน ซ้ำอีกหนก็ได้ “โจร คือ โจร จะไม่มีการเจรจาออมชอมกับโจร ยิ่งปล้นชาติ ปล้นประชาชนด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีวัน อย่างเดียวที่ทำได้คือ เดินไปตามตัวบทกฎหมาย ไม่มีละเว้น”
เรื่องทักษิณ และ บริวาร กับสื่อเทียมของเขาปลิ้นปล้นโกหกหลอกลวงประชาชนก็เป็นปัญหาประเทศมากพออยู่แล้ว เดี๋ยวนี้มีสื่อเทียมจากค่ายซอยรางน้ำตีตื้นขึ้นมา สร้างวาทะหลอกลวงประชาชนซ้ำสอง
โดยสื่อเทียม 2 ค่ายนี้มีช่องทางสื่อสารมากพอๆกัน เพราะเงินหนา – หน้าด้าน ด้วยกันทั้งคู่
ถ้าจะต่างกันก็ตรงที่ว่า สื่อเทียมค่ายดูไบ เปิดฉากโจมตีสถาบันสูงสุด เหยียบย่ำหัวใจคนไทยทั้งชาติมานานหลายปีดีดัก และบิดเบือนข้อมูล ให้ประชาชนหลงผิดเป็นชอบ กลายเป็นกองทัพเสื้อแดงที่พร้อมทำลายล้างบ้านเมืองตัวเองให้วอดวายไปต่อหน้า
ส่วนสื่อเทียมค่ายซอยรางน้ำ ยกสถาบันสูงสุดขึ้นมาฟอกตัว ใช้หาเสียงการเมือง และ บังหน้าทำมาหากินปล้นชาติ ปล้นประชาชนโจ๋งครึ้มปากมันถ้วนหน้า ค่ายนี้พิเศษหน่อยตรงที่มี “ทหารใจเสาะ – ใจทราม” ค้ำเก้าอี้ บางทีเลยคิดโง่ๆ จาก “รั้วของชาติ” เลยกลายร่างเป็น “มือที่สาม”....ค่ายนี้อันตราย...ยิงเอง เลยเจ็บเอง ไม่ใช่สแตนด์อินมืออาชีพก็งี้แหละ
ขณะนี้สื่อเทียม 2 ค่าย กำลังเข่งกันด่าทอ สาดโคลนอย่างเอาเป็นเอาตาย และ เตรียมเผาบ้านเผาเมืองไม่ลดราวาศอก โดยทั้ง 2 ฝ่าย หวังใช้ความรุนแรงนำไปสู่ การปฏิวัติ เพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเองหาใช่ประเทศชาติและราชบัลลังค์ไม่
ค่ายดูไบใช้ 3เกลอ –ทหารบ้า และ กองทัพแดง ทุบตี “บ้านสี่เสาเทเวศร์” กระทบ “วังหลวง” คนพวกนี้ทำไปโดยหวังเพียงทักษิณหลุดคดี ได้เงินคืน และ กลับมาเสวยอำนาจ สถาปนา “ไทยใหม่”
ส่วนค่ายซอยรางน้ำใช้ “King Power” และ ความละโมบของ “คนในรั้วในวัง” บางคน เป็นหัวหอกทะลุทะลวงเพื่อสร้างฐานอำนาจการเมืองบดบังทับรัศมีทักษิณและบริวาร เพื่อสถาปนา “อำนาจใหม่”
ทั้งสองฝ่ายอ้างเจ้า อ้างประชาชนเฉกเช่นเดียวกัน ต่างกันตรงที่ค่ายดูไบเกลียดเจ้า แต่ค่ายซอยรางน้ำเกาะเจ้า
พวกนี้ไม่กลัวบาปเกรงกรรม อะไรที่ทำได้ทำ! อะไรที่ฉวยได้ฉวย ! แม้กระทั่งอ้างเจ้าอ้างนายเพื่อยุติคดี และ หาเสียงก็ทำมาแล้ว และ กำลังทำอยู่
คนที่ปากบอกว่า “เรารักในหลวง” ต้องพิจารณาปัญหานี้ กับคนกลุ่มนี้ให้ดีๆ เพราะการรักในหลวงโดยนั่งนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก หรือเอาแต่คร่ำครวญร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร หรือ ฟูมฟายเรียกหาความ สงบ สันติ สมานฉันท์ ปรองดอง อย่างขาดเหตุผล ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ได้ช่วยในหลวงหรือบ้านเมืองให้รอดปลอดภัยจากภัยอันตรายของคนคิดคดทรยศได้เลย
หนักกว่านั้นคือ เวลานี้หลายองค์กรที่มีอำนาจการเมืองหนุนหลัง ถึงกับเหิมเกริมแอบอ้าง “ในหลวง” เพียงเพื่อต้องการจะออกมาปราบทักษิณและบริวารให้หยุด “เผาไทย” และ “ยึดทรัพย์” เพื่อเตะตัดขาผ่าหมากทักษิณ-พจมาน โดยหวังสกัดหนทางคืนสภาฯของพรรคหน้าเหลี่ยม
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เราๆท่านๆต้องพูดกันให้แจ่มแจ้ง เพราะในหลวงไม่ได้มีไว้ให้ “ใครบางคน” หรือ “บางหน่วยงาน” แอบอ้างมาทำมาหากิน ปล้นอำนาจ ปล้นชาติ หรือเอาหลังอิงพิงอย่างเด็กไม่รู้จักโต และ “พระราชอำนาจ”ของพระองค์ทรงไว้เพื่อพสกนิกร
“เรารักในหลวง” เป็นเรื่องที่ดีและต้องทำ เพราะในหลวงมีบุญคุณกับทุกชีวิตไทยมากมายเหลือคณานับ แต่การอ้าง “ในหลวง” พร่ำเพรื่ออย่างคนงอมืองอเท้า หรือ เอา “King Power” ไปขายของบังหน้า –หาเสียง –ฟอกตัว –แก้ปัญหาทักษิณ ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆที่คนไทยจะยอมรับหรือปล่อยผ่านได้อีกต่อไป
ยิ่งกับวาทะกรรมแอบแฝงประเภท “รักในหลวง อย่าทะเลาะกันเลย หันหน้ามาคืนดีกัน เพื่อในหลวง” อันนี้ยิ่งรับไม่ได้ เพราะไม่มีวันที่คนไทยอย่างเราๆ จะยอมหันหน้าไปคุย หรือ คืนดีกับมนุษย์สุดชั่วที่หวังโค่นเจ้า เผาเมือง ปลิ้นปล้อน กะล่อน จาบจ้วง เห็นแก่ตัว หรือ เอาในหลวงไปทำมาหากิน...ไม่มีวันแม้แต่จะปลายตาไปมอง
นอกจากสองตาจะไม่แลแล้ว ยังต้องถ่มน้ำลายรดร่างของมันในวันลาโรงด้วย
นี่สิถึงจะเรียกว่า ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด เอกราชและสถาบันฯจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่
ไม่ใช่รักชาติ แต่นั่งเฉย ต้องการสันติ แต่ไม่เลือกข้างคนดี อยากมีความสงบสุข แต่ไม่ยอมทำอะไร รักในหลวงแต่เกลียดสีเหลือง!!!
จำไว้ ความสงบสุข – สันติ ของสถาบัน ฯและชนในชาติไม่ใช่รังนกนางแอ่น ถึงจะต้องสร้างด้วย “น้ำลาย” แต่ต้องทำด้วยหนึ่งสมอง สองมือ กับหัวใจเด็ดเดี่ยวของเรา..นี่สิถึงจะเรียกว่า คนไทยรักในหลวงของแท้.