เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหน ทุกคน- ทุกวงการล้วนแต่ชวนกันคุยเรื่อง “วันพิพากษายึดทรัพย์ทักษิณ”
ประเด็นการสนทนาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ “เงิน” เหมือนก่อนหน้านี้
หากแต่เดากันไปเรื่อยเปื่อยว่า เสื้อแดงของทักษิณจะเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบไหม? จะเผาก่อนหรือหลังวันพิพากษา? ถ้าเกิดมิคสัญญีแล้ว จะมีปฏิวัติไหม? แล้วฝ่ายไหนล่ะที่เป็นคนทำ? และถ้าทักษิณทำ? อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง?
บรื้อส์ส์...คิดถึงตรงนี้ก็พากันสยองขวัญสั่นประสาท หุ้นตกหกคะเมนตีลังกา สัญญาณเศรษฐกิจทุกภาคส่วนแดงเถือก ผู้คนพากันตระหนกตกใจกับ “กองทัพแดง” ที่นับวันจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเกินคำปรามาสแต่หนหลัง
ก็มีคนถามไถ่กันต่อไปอีกว่า แล้วพวกเสื้อเหลืองละหายหน้าไปไหนกันหมด?
อ้าว!!! เสื้อเหลืองก็ร้องเสียงหลง! และตอบกลับเสียงเบาๆ ด้วยถ้อยคำเอี้ยมเฟี้ยมเจียมเนื้อเจียมตัวว่า “ไม่มีแล้วเสื้อเหลือง วันนี้มีแต่พันธมิตรฯ ที่พัฒนาไปเป็นพรรคการเมืองใหม่”
ตั้งแต่สัปดาห์นี้จนถึงวันพิพากษา สังคมไทยจะถูกห้อมล้อมไปด้วยวาทกรรมรักชาติ เป็นกลาง อ่อนโยน งดงามเหล่านี้ เช่น ไทยนี้รักสงบ, รักพ่ออย่าทะเลาะกัน, ไม่มีไฟแดง ไม่มีไฟเหลือง มีแต่ไฟเขียวเดินไปข้างหน้า, อยากเห็นคนไทยรักกันได้ดังเดิม, เรามีในหลวงองค์เดียวกัน อย่าทะเลาะกัน อย่าฆ่ากัน หันหน้ามาคุยกันเถิด, เป็นกลาง, ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งสี เป็นต้น
ขณะเดียวกันฝ่ายทักษิณก็ย้ำวาทกรรมเดิมๆ ว่า ยุติธรรมสองมาตรฐาน, มือที่มองไม่เห็น, ล้มระบอบอำมาตย์, เอาประชาธิปไตยกลับคืนมา, มึงยึด กูเผา, ยึดได้ ก็เอาคืนได้, สองท่านผู้เฒ่าแห่งสยาม และสังคมสีม่วง เป็นต้น
ส่วนวาทกรรมฮึกเหิมของเหล่าพันธมิตรฯ ประเภท ไม่ชนะ ไม่เลิก, เราจะสู้เพื่อ ในหลวง, รักชาติ ยอมสละแม้ชีวี, เอาประเทศไทยของเราคืนมา, โค่นระบอบทักษิณ เป็นต้น กลับถูกลืมเลือน หนักกว่านั้นคือ พวกสีเหลืองกำลังกลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาสังคม-รัฐบาลพลิกขั้ว โดยเฉพาะกลุ่มซอยรางน้ำ
รัฐบาลนี้ก็แปลก ก่อนหน้านี้ “คนประชาธิปัตย์” เยอะแยะมานั่งหน้าเวที และ หลังเวทีพันธมิตรฯ กันสลอน พอเป็นรัฐบาลแล้วกลับจำหน้าค่าตากันไม่ได้ หนักเข้าถึงกับไม่เคยเหลียวแล แม้แต่กับสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็ไม่เคยยอมรับว่าพวกเขาเป็น สื่อมวลชน…เอ่ยคำว่า ช้ำใจยังน้อยเกินไปสำหรับประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯ
กลุ่มซอยรางน้ำสิไปกันใหญ่ เพราะหลังจากได้ดิบได้ดีจากรัฐบาลทหารอุ้มสม และหลุดพ้นคดีที่พัวพัน ก็พากันหยิ่งผยองพองขน เที่ยวเดินหน้าหากินอย่างตะกละตะกลามมูมมาม เพื่อสะสมทุนรอนไว้เป็นใหญ่เป็นโตในภายภาคหน้า คนพวกนี้มองว่า ถ้าพันธมิตรฯ ยังเข้มแข็ง เห็นทีนักการเมืองชั่วช้าสันดานหยาบจะอยู่ยาก
อย่ากระนั้นเลยรีบสยบสีเหลืองเสีย โดยอาศัยสื่อเทียมเสี้ยมให้ประชาชนมองพันธมิตรฯ ผิดๆ และดึงเข้ามาปะปนกับสีแดง จากนั้นผลักไปกองรวมกัน แล้วปราบเสียทีเดียว
พลันคิดแผนชั่วได้ดังนี้ ทีมซอยรางน้ำก็ผุดสื่อเทียมขึ้นมาอีกมากมาย ทั้งทีวี สิ่งพิมพ์ และวิทยุชุมชน โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันสูงสุด แท้จริงแล้วสื่อเหล่านี้มีเงินการเมืองสกปรกอยู่เบื้องหลัง โดยหวังหนึ่ง คือ ถล่มทักษิณให้แดดิ้น และ หวังสอง คือ สยบพลังพันธมิตรฯ การเมืองใหม่ให้ราบคาบ...หมดเสี้ยนหนามตำใจ
เมื่อหลายวันก่อน “น้องเจนนี่” จากช่อง TAN ข่าวภาคภาษาอังกฤษของ ASTV ไปพบมิวสิค วิดีโอ ตัวใหม่ที่ผลิตโดยwww.weloveking.orgซึ่งมีเนวิน ชิดชอบ –วิชัย รักศรีอักษร King Power เป็นหัวเรือใหญ่ แล้วนำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ กับฉายก่อนหนังตามโรงหนัง SF
มิวสิค วิดีโอชุดนี้ขับร้องโดยพลพล กองเส็ง เนื้อหา คือ อยากเห็นคนไทยกลับมารักกันเพื่อชาติไทย และในหลวง แต่ภาพประกอบมิวสิค วิดีโอ กลับมีท่าทีเหมือนเสื้อเหลืองก้าวร้าว ระรานบ้านเมือง ปิดสถานที่ราชการ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า และ โรงเรียน
ในมิวสิค วิดีโอ ชุดนี้มีสีแดงให้เราเห็นเพียง “แวบๆ” เท่านั้น ภาพส่วนใหญ่มาจากการชุมนุม การต่อสู้ภาคประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ และการล้อมปราบที่ขมวดภาพตัดสลับไปมา แต่งเสริมเติมภาพ จนผู้ชมพาลนึกไปได้ว่า คนสีเหลืองทำลายชาติบ้านเมือง ทำลายเศรษฐกิจ เผาโน่นเผานี่!!!
ตอนท้ายของเพลง มีการย้อมสีภาพ จากเหลืองเป็นชมพู ทั้งพระบรมฉายาลักษณ์-ธงสัญลักษณ์-คลื่นมหาชนในงาน 60 ปี ทรงครองราชย์ ย้อมกันด้วยระบบคอมพิวเตอร์จนสีชมพูกลบความจริง และบิดเบือนประวัติศาสตร์
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว พลังพันธมิตรฯ คือ พลังของคนไทยเปี่ยมความรับผิดชอบ รักชาติ กล้าหาญ เป็นพลังศีลธรรมที่ออกมาปราบปราม “นักการเมืองชั่วชาติ” ที่โกงบ้านกินเมืองอย่างทรราชทักษิณ ซึ่งเนวินและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณกินเมืองไทยมิใช่หรือ?
พอนั่งนึกทบทวนไปๆ มาๆ จะพบได้ว่า เวลานี้สีเหลือง พันธมิตรฯ ถูกจับไปชนกับสีแดง ทักษิณ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว
กระทั่งคนอย่างเนวิน ยังกล้าเอาคนเสื้อแดงมาชนกับคนเสื้อเหลือง ทั้งๆ ที่ตัวเนวินเองเป็นผู้สร้างขบวนการเสื้อแดงเสียด้วยซ้ำ
กระบวนการทำลายเสื้อแดงมาพร้อมๆ กับเสื้อเหลือง เพราะมีคนบางกลุ่มต้องการขจัดทักษิณ และเด็ดชีพสนธิ ไปในเวลาเดียวกัน
ลองมาคิดต่อไป!!! ถ้าบ้านเมืองไม่มีทักษิณ ไม่มีสนธิ ไม่มีเสื้อแดง ไม่มีเสื้อเหลือง ไม่มีพรรคเพื่อไทย และไม่มีพรรคการเมืองใหม่ อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา ...ความสุข สงบ สันติ งั้นหรือ? แน่ใจน่ะ?
เอาล่ะ...มาเริ่มต้นกันใหม่ ไม่มีเสื้อสีใดๆ ไม่มีความจริงวันนี้ ไม่มีพันธมิตรฯ เราจะเหลืออะไร?
เราจะมีสังคมไทยแบบเดิม เหมือนที่เคยผ่านมา เป็นสังคมของคนไม่มีสี ไม่เลือกข้าง เป็นกลาง ไม่มีปากเสียง ไม่กล้าถกเถียง ยอมจำนนกับปัญหา และสยบยอมกับผู้มีอำนาจแต่ใช้ไปในทางที่ผิด ไม่มีขื่อมีแป มีแต่บ้านนี้เมืองนี้จะต่างคนต่างอยู่ ต่างทำมาหากินกันไป สิ่งแวดล้อมเสียหายและทรุดโทรมไม่มีใครสนใจไยดี เป็นสังคมของมือใครยาวสาวได้สาวเอา ศีลธรรมตกต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติจะตกอยู่ในมือนายทุน โดยนายทุนกับนักการเมืองเป็นคนคนเดียวกัน บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยคนละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน และฉกฉวยโอกาสเข้าไปครอบงำอำนาจการเมือง เพื่อพากันโกงบ้านกินเมือง เป็นวัฏจักรเก่าแก่ซ้ำซากที่เราเคยชิน...เราจะเอาแบบนี้หรือ?
หรือเราจะกล้าสู้ คิดเป็น และคิดจะอยู่ในสังคมของคนตื่นรู้...สู้ด้วยปัญญา สู้ด้วยพลังแห่งธรรมะ เดินหน้าด้วยสันติ อหิงสา สู้เพื่อสังคมที่ดีกว่า สู้เพื่อลูก-หลานของเรา และพาชาติบ้านเมืองไปสู่หนทางที่ถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม
ทุกชีวิตมีทางเลือก ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเดินทางไหน “ขงจื้อ” บอกว่า การปกครองโดยธรรมเท่านั้น จะสร้างสังคมเข้มแข็ง และบ้านเมืองจะก้าวหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วย “การศึกษา” และการเลือกยืนข้างคนดี ใส่สีเหลืองไม่ได้แปลว่า ก้าวร้าว อันธพาล แต่หมายถึง คนกล้าที่ไม่ยอมจำนนกับคนชั่ว และโจรปล้นชาติต่างหาก
ทางที่ถูกคือ การให้สังคมมีปัญญา เมื่อผู้คนมีความรู้ คนในสังคมนั้นๆ จะพาบ้านเมืองของตนให้หลุดพ้นจากปักตมแห่งปัญหาได้เอง โดยมิพักต้องอาศัยเงินสกปรกของคนชั่วที่คิดคดทรยศต่อแผ่นดิน
จำได้ไหมว่า เทียนเล่มแรกทางปัญญาถูกจุดแล้วเมื่อครั้งทักษิณเรืองอำนาจ เทียนเล่มต่อมาถูกจุดด้วยพลังพันธมิตรฯ
วันนี้พลังของคนดีถูกท้าทายด้วยอำนาจคนพาลสันดานหยาบ
เทียนเล่มต่อไปถ้าต้องจุดขึ้นใหม่ ใครคือคนทำ หากมิใช่ “ประชาชน”
ส่วนจะประชาชนสีอะไรก็ช่าง ขอร้องว่า อย่าเป็นเลย พวกสีข้างเข้าถู เพราะพวกนี้แย่เสียยิ่งกว่ากลางกลวงเสียอีก.
ประเด็นการสนทนาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ “เงิน” เหมือนก่อนหน้านี้
หากแต่เดากันไปเรื่อยเปื่อยว่า เสื้อแดงของทักษิณจะเผาบ้านเผาเมืองอีกรอบไหม? จะเผาก่อนหรือหลังวันพิพากษา? ถ้าเกิดมิคสัญญีแล้ว จะมีปฏิวัติไหม? แล้วฝ่ายไหนล่ะที่เป็นคนทำ? และถ้าทักษิณทำ? อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง?
บรื้อส์ส์...คิดถึงตรงนี้ก็พากันสยองขวัญสั่นประสาท หุ้นตกหกคะเมนตีลังกา สัญญาณเศรษฐกิจทุกภาคส่วนแดงเถือก ผู้คนพากันตระหนกตกใจกับ “กองทัพแดง” ที่นับวันจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเกินคำปรามาสแต่หนหลัง
ก็มีคนถามไถ่กันต่อไปอีกว่า แล้วพวกเสื้อเหลืองละหายหน้าไปไหนกันหมด?
อ้าว!!! เสื้อเหลืองก็ร้องเสียงหลง! และตอบกลับเสียงเบาๆ ด้วยถ้อยคำเอี้ยมเฟี้ยมเจียมเนื้อเจียมตัวว่า “ไม่มีแล้วเสื้อเหลือง วันนี้มีแต่พันธมิตรฯ ที่พัฒนาไปเป็นพรรคการเมืองใหม่”
ตั้งแต่สัปดาห์นี้จนถึงวันพิพากษา สังคมไทยจะถูกห้อมล้อมไปด้วยวาทกรรมรักชาติ เป็นกลาง อ่อนโยน งดงามเหล่านี้ เช่น ไทยนี้รักสงบ, รักพ่ออย่าทะเลาะกัน, ไม่มีไฟแดง ไม่มีไฟเหลือง มีแต่ไฟเขียวเดินไปข้างหน้า, อยากเห็นคนไทยรักกันได้ดังเดิม, เรามีในหลวงองค์เดียวกัน อย่าทะเลาะกัน อย่าฆ่ากัน หันหน้ามาคุยกันเถิด, เป็นกลาง, ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งสี เป็นต้น
ขณะเดียวกันฝ่ายทักษิณก็ย้ำวาทกรรมเดิมๆ ว่า ยุติธรรมสองมาตรฐาน, มือที่มองไม่เห็น, ล้มระบอบอำมาตย์, เอาประชาธิปไตยกลับคืนมา, มึงยึด กูเผา, ยึดได้ ก็เอาคืนได้, สองท่านผู้เฒ่าแห่งสยาม และสังคมสีม่วง เป็นต้น
ส่วนวาทกรรมฮึกเหิมของเหล่าพันธมิตรฯ ประเภท ไม่ชนะ ไม่เลิก, เราจะสู้เพื่อ ในหลวง, รักชาติ ยอมสละแม้ชีวี, เอาประเทศไทยของเราคืนมา, โค่นระบอบทักษิณ เป็นต้น กลับถูกลืมเลือน หนักกว่านั้นคือ พวกสีเหลืองกำลังกลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาสังคม-รัฐบาลพลิกขั้ว โดยเฉพาะกลุ่มซอยรางน้ำ
รัฐบาลนี้ก็แปลก ก่อนหน้านี้ “คนประชาธิปัตย์” เยอะแยะมานั่งหน้าเวที และ หลังเวทีพันธมิตรฯ กันสลอน พอเป็นรัฐบาลแล้วกลับจำหน้าค่าตากันไม่ได้ หนักเข้าถึงกับไม่เคยเหลียวแล แม้แต่กับสถานีโทรทัศน์ ASTV ก็ไม่เคยยอมรับว่าพวกเขาเป็น สื่อมวลชน…เอ่ยคำว่า ช้ำใจยังน้อยเกินไปสำหรับประชาธิปัตย์และพันธมิตรฯ
กลุ่มซอยรางน้ำสิไปกันใหญ่ เพราะหลังจากได้ดิบได้ดีจากรัฐบาลทหารอุ้มสม และหลุดพ้นคดีที่พัวพัน ก็พากันหยิ่งผยองพองขน เที่ยวเดินหน้าหากินอย่างตะกละตะกลามมูมมาม เพื่อสะสมทุนรอนไว้เป็นใหญ่เป็นโตในภายภาคหน้า คนพวกนี้มองว่า ถ้าพันธมิตรฯ ยังเข้มแข็ง เห็นทีนักการเมืองชั่วช้าสันดานหยาบจะอยู่ยาก
อย่ากระนั้นเลยรีบสยบสีเหลืองเสีย โดยอาศัยสื่อเทียมเสี้ยมให้ประชาชนมองพันธมิตรฯ ผิดๆ และดึงเข้ามาปะปนกับสีแดง จากนั้นผลักไปกองรวมกัน แล้วปราบเสียทีเดียว
พลันคิดแผนชั่วได้ดังนี้ ทีมซอยรางน้ำก็ผุดสื่อเทียมขึ้นมาอีกมากมาย ทั้งทีวี สิ่งพิมพ์ และวิทยุชุมชน โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันสูงสุด แท้จริงแล้วสื่อเหล่านี้มีเงินการเมืองสกปรกอยู่เบื้องหลัง โดยหวังหนึ่ง คือ ถล่มทักษิณให้แดดิ้น และ หวังสอง คือ สยบพลังพันธมิตรฯ การเมืองใหม่ให้ราบคาบ...หมดเสี้ยนหนามตำใจ
เมื่อหลายวันก่อน “น้องเจนนี่” จากช่อง TAN ข่าวภาคภาษาอังกฤษของ ASTV ไปพบมิวสิค วิดีโอ ตัวใหม่ที่ผลิตโดยwww.weloveking.orgซึ่งมีเนวิน ชิดชอบ –วิชัย รักศรีอักษร King Power เป็นหัวเรือใหญ่ แล้วนำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ กับฉายก่อนหนังตามโรงหนัง SF
มิวสิค วิดีโอชุดนี้ขับร้องโดยพลพล กองเส็ง เนื้อหา คือ อยากเห็นคนไทยกลับมารักกันเพื่อชาติไทย และในหลวง แต่ภาพประกอบมิวสิค วิดีโอ กลับมีท่าทีเหมือนเสื้อเหลืองก้าวร้าว ระรานบ้านเมือง ปิดสถานที่ราชการ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า และ โรงเรียน
ในมิวสิค วิดีโอ ชุดนี้มีสีแดงให้เราเห็นเพียง “แวบๆ” เท่านั้น ภาพส่วนใหญ่มาจากการชุมนุม การต่อสู้ภาคประชาชนของกลุ่มพันธมิตรฯ และการล้อมปราบที่ขมวดภาพตัดสลับไปมา แต่งเสริมเติมภาพ จนผู้ชมพาลนึกไปได้ว่า คนสีเหลืองทำลายชาติบ้านเมือง ทำลายเศรษฐกิจ เผาโน่นเผานี่!!!
ตอนท้ายของเพลง มีการย้อมสีภาพ จากเหลืองเป็นชมพู ทั้งพระบรมฉายาลักษณ์-ธงสัญลักษณ์-คลื่นมหาชนในงาน 60 ปี ทรงครองราชย์ ย้อมกันด้วยระบบคอมพิวเตอร์จนสีชมพูกลบความจริง และบิดเบือนประวัติศาสตร์
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว พลังพันธมิตรฯ คือ พลังของคนไทยเปี่ยมความรับผิดชอบ รักชาติ กล้าหาญ เป็นพลังศีลธรรมที่ออกมาปราบปราม “นักการเมืองชั่วชาติ” ที่โกงบ้านกินเมืองอย่างทรราชทักษิณ ซึ่งเนวินและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณกินเมืองไทยมิใช่หรือ?
พอนั่งนึกทบทวนไปๆ มาๆ จะพบได้ว่า เวลานี้สีเหลือง พันธมิตรฯ ถูกจับไปชนกับสีแดง ทักษิณ อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว
กระทั่งคนอย่างเนวิน ยังกล้าเอาคนเสื้อแดงมาชนกับคนเสื้อเหลือง ทั้งๆ ที่ตัวเนวินเองเป็นผู้สร้างขบวนการเสื้อแดงเสียด้วยซ้ำ
กระบวนการทำลายเสื้อแดงมาพร้อมๆ กับเสื้อเหลือง เพราะมีคนบางกลุ่มต้องการขจัดทักษิณ และเด็ดชีพสนธิ ไปในเวลาเดียวกัน
ลองมาคิดต่อไป!!! ถ้าบ้านเมืองไม่มีทักษิณ ไม่มีสนธิ ไม่มีเสื้อแดง ไม่มีเสื้อเหลือง ไม่มีพรรคเพื่อไทย และไม่มีพรรคการเมืองใหม่ อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา ...ความสุข สงบ สันติ งั้นหรือ? แน่ใจน่ะ?
เอาล่ะ...มาเริ่มต้นกันใหม่ ไม่มีเสื้อสีใดๆ ไม่มีความจริงวันนี้ ไม่มีพันธมิตรฯ เราจะเหลืออะไร?
เราจะมีสังคมไทยแบบเดิม เหมือนที่เคยผ่านมา เป็นสังคมของคนไม่มีสี ไม่เลือกข้าง เป็นกลาง ไม่มีปากเสียง ไม่กล้าถกเถียง ยอมจำนนกับปัญหา และสยบยอมกับผู้มีอำนาจแต่ใช้ไปในทางที่ผิด ไม่มีขื่อมีแป มีแต่บ้านนี้เมืองนี้จะต่างคนต่างอยู่ ต่างทำมาหากินกันไป สิ่งแวดล้อมเสียหายและทรุดโทรมไม่มีใครสนใจไยดี เป็นสังคมของมือใครยาวสาวได้สาวเอา ศีลธรรมตกต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติจะตกอยู่ในมือนายทุน โดยนายทุนกับนักการเมืองเป็นคนคนเดียวกัน บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยคนละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน และฉกฉวยโอกาสเข้าไปครอบงำอำนาจการเมือง เพื่อพากันโกงบ้านกินเมือง เป็นวัฏจักรเก่าแก่ซ้ำซากที่เราเคยชิน...เราจะเอาแบบนี้หรือ?
หรือเราจะกล้าสู้ คิดเป็น และคิดจะอยู่ในสังคมของคนตื่นรู้...สู้ด้วยปัญญา สู้ด้วยพลังแห่งธรรมะ เดินหน้าด้วยสันติ อหิงสา สู้เพื่อสังคมที่ดีกว่า สู้เพื่อลูก-หลานของเรา และพาชาติบ้านเมืองไปสู่หนทางที่ถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม
ทุกชีวิตมีทางเลือก ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกเดินทางไหน “ขงจื้อ” บอกว่า การปกครองโดยธรรมเท่านั้น จะสร้างสังคมเข้มแข็ง และบ้านเมืองจะก้าวหน้าอย่างมั่นคง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วย “การศึกษา” และการเลือกยืนข้างคนดี ใส่สีเหลืองไม่ได้แปลว่า ก้าวร้าว อันธพาล แต่หมายถึง คนกล้าที่ไม่ยอมจำนนกับคนชั่ว และโจรปล้นชาติต่างหาก
ทางที่ถูกคือ การให้สังคมมีปัญญา เมื่อผู้คนมีความรู้ คนในสังคมนั้นๆ จะพาบ้านเมืองของตนให้หลุดพ้นจากปักตมแห่งปัญหาได้เอง โดยมิพักต้องอาศัยเงินสกปรกของคนชั่วที่คิดคดทรยศต่อแผ่นดิน
จำได้ไหมว่า เทียนเล่มแรกทางปัญญาถูกจุดแล้วเมื่อครั้งทักษิณเรืองอำนาจ เทียนเล่มต่อมาถูกจุดด้วยพลังพันธมิตรฯ
วันนี้พลังของคนดีถูกท้าทายด้วยอำนาจคนพาลสันดานหยาบ
เทียนเล่มต่อไปถ้าต้องจุดขึ้นใหม่ ใครคือคนทำ หากมิใช่ “ประชาชน”
ส่วนจะประชาชนสีอะไรก็ช่าง ขอร้องว่า อย่าเป็นเลย พวกสีข้างเข้าถู เพราะพวกนี้แย่เสียยิ่งกว่ากลางกลวงเสียอีก.