เด็ดดอกไม้รายทาง
โดย...อัญชะลี ไพรีรัก
ศูนย์ข้อมูลธนาคารกสิกรรายงานว่า ราคากุหลาบแดงในปีนี้พุ่งขึ้นพรวดพราด สวนทางกับระยะเวลาความรักของคนรุ่นใหม่ในสมัยนี้ที่หดสั้น และ ผันผวน
ดูเหมือนว่า กุหลาบแดงแจ้งรัก จะเป็น “สีแดง”เพียงสิ่งเดียว ที่สังคมไทยยังยอมใช้ร่วมกันได้อย่างไม่มีข้อถกเถียงหรือตั้งข้อรังเกียจ
อาจเป็นเพราะกุหลาบแดงเป็นสากลและอยู่ในฐานะสัญลักษณ์ของวันแห่งความรัก จึงไม่ถึงกับตัดเยื่อขาดใย ไม่เหมือนกับสีแดงในกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะหมวดหมู่เสื้อผ้าอาภรณ์ ที่ถูกคนในสงคมเดียวกันตั้งข้อรังเกียจเป็นทิวแถว หลังจากทักษิณใช้ “สีแดง” เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ช่วงชิงอำนาจการเมืองและล้มเจ้า
ขณะที่ “สีเหลือง” ก็ใช่ว่าจะสบายดีนัก เพราะหลังจากถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันสูงสุด
ดังนั้นการต่อสู้ฟาดฟันจึงถึงพริกถึงขิง ทำให้ “สีเหลืองและ “สีแดง” กลายเป็นปฏิปักษ์ต่อกันและกันไปโดยปริยาย
ส่วนสังคมไทยชอบประนีประนอม การแก้ไขความขัดแย้งของคน 2 สี จึงกลายเป็นมีสีอื่นๆเข้ามาแทรกแตกแยกกันเข้าไปใหญ่
เวลานี้บ้านเมืองเรามี “สีขาว” ที่ดูยังไงก็ไม่เชื่อว่าจะขาวจั้ว-ขาวโอโม่จริงๆ
ส่วน “สีเขียว”ของทหารก็ดูเหลาะแหละไม่จริงใจจริงจัง แค่มาคั่นเวลาหาโอกาสให้ “เมียน้อย” ใครบางคนฟาดงบประมาณกองทัพไปเปล่าๆปลี้ๆ
ด้าน “สีน้ำเงิน”ของเสี่ยเนวินนี่มาแรง เพราะผนวกกับอาณาจักร “King Power” ของเสี่ยวิชัย ทำให้เนวินพุ่งพรวดเป็นทั้งเจ้าของพรรคการเมือง –ทีมฟุตบอล Buriram PEA และ เว๊บไซต์WeloveKing ท่ามกลางข่าวลือเซ็งแซ่ว่า กระทรวงที่พรรคภูมิใจห้อยคุมอยู่เกิดมหากาพย์แห่งการดูดซับฉับไว
ีขาว"ั้น 2 สีจึงเป้นปฏิปักษ์ต่อกันและกันอย่างยิ่งยวด จนต้องมี " เลนเลยเลย
เลย
แต่อย่างไรก็ตามสีอื่นใดที่เข้ามาใหม่ กลับไม่ถูกสังคมไทยตั้งข้อรังเกียจได้รุนแรงเท่ากับ “สีแดง” หลังจากที่ทักษิณใช้แม่สีเฉดนี้ไปกับการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอย่างไร้ยางอายและไม่มีรูปแบบ โดยผ่านการชุมนุมสะเปะสะปะของคณะ สามเกลอหัวขวด สู้แล้วรวย และ อริสมันต์ ผู้นำกองทัพแดงพังการประชุมสุดยอดอาเซียน พัทยา
เมื่อสีแดงกลายเป็นสีสัญลักษณ์ของทักษิณ คนสีเหลืองจึงรังเกียจ และ สีอื่นๆขวยเขินไม่กล้าสุงสิง
เริ่มกันตั้งแต่วันกีฬาฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์กับ จุฬาฯปีนี้ ได้ส่งเสริมแนวคิด การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ฝากจุฬาฯใส่เสื้อสีชมพูตามประเพณี ส่วนธรรมศาสตร์เปลี่ยนจาก “เหลือง-แดง” มาเป็นพื้นขาวลายริ้วเล็กๆ มีเพียงตราธรรมศาสตร์ที่หน้าอกเท่านั้น จึงบ่งบอกได้ว่านี่คือ “ศิษย์ท่าพระจันทร์”
ขณะที่กลุ่มพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีน ตัดสินใจประกาศโครมลงไปเลยว่า “ตรุษจีนปีนี้ไม่มีเสื้อแดง” และ ให้ใช้สีชมพูดูงามตามาแทนที่อย่างไม่ผิดธรรมเนียม ด้วยเหตุผลว่า “กลัวถูกอันธพาลเสื้อแดงเหมารวมว่าเป็นพวกเดียวกัน”
ส่วนโรงเรียนฝรั่งชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสาทร คณะผู้บริหารเหลืองจัด สั่งยุบ “สีแดง” ทิ้งเสียจากงานกีฬาสีประจำปี เพราะเกรงว่านักเรียนจะเป็นภัยในเสื้อสีแดง
และโรงเรียนประจำหญิงล้วนชื่อดังย่านชิดลม นักเรียนหญิงของที่นั่นยังคงพูดถึงเรื่อง “ศิษย์พี่”คนหนึ่งที่มีพ่อแม่โกงบ้านกินเมือง แถมยังช่วยลูกสาวโกงข้อสอบเอนทรานส์เข้ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ซ้ำยังจาบจ้วงพระราชาไม่หยุดหย่อนทั้งพ่อ-แม่และลูกสาว
ดังนั้นนักเรียนหญิงในโรงเรียนนี้ทั้งหมดจึงหารือกัน สรุปว่าไม่มีใครยอมเข้ากลุ่ม “สีแดง”ในการแข่งขันกีฬาสีของปีนี้ แถมตกลงกันว่า จะไม่ต้อนรับยามศิษย์พี่มาเยือนโรงเรียนในฐานะศิษย์เก่าด้วย
ผลสุดท้ายคณะแม่ชีต้องประกาศยุบ “สีแดง” ไปตามความประสงค์ของเสียงส่วนใหญ่
ติวเตอร์ชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทยเล่าให้ฟังว่า เวลานี้หัวข้อ “ไม่เอาสีแดง” ลามไปในงานกีฬาสีของโรงเรียนชื่อดังแทบทุกแห่ง และ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน เพราะผู้ปกครองเหลือง-แดงเกิดการประจันหน้ากันบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ปกครองมักไม่อยากมีเรื่องมีราว จึงไม่ปรารถนาให้ลูกๆของตน เล่นกีฬาด้วยเสื้อสีแดงอีกต่อไป บ้างก็ให้เหตุผลถึงความเป็นกลาง แต่บางคนเหลืองจัดทั้งครอบครัวสั่งลูกย้ายสีก็มี ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดความรำคาญและยุติปัญหาทั้งปวง หลายๆโรงเรียนจึงทยอยประกาศยุบ “สีแดง”ทิ้ง
ก่อนหน้านี้เราๆท่านๆมักปรารภกันว่า การเมืองของคนเลวทราม ทำให้เกิดความแตกแยกของคนในสังคมปัจจุบันจนเหมือนกับกีฬาสี และแล้วก็เป็นจริง เมื่อความขัดแย้งที่มีสีแดงเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ลามเข้าไปถึงกีฬาสีในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย...น่ากลัวมาก
ยิ่งกว่านั้น...พบว่า มีคนจำนวนมากเก็บเสื้อสีแดงตัวโปรดเข้าตู้ไปแล้วด้วยความเสียดายและหวังลมๆแล้งๆเสมอว่า สักวันหนึ่งจะงัดออกมาใส่ให้ชื่นฉ่ำใจในวันที่ทักษิณถูกปราบหมดรูปมวยแต่ไม่ใช่วันนี้ ซึ่ง “อัญชะลี”ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบสีแดงมากกก เวลานี้พับเก็บเรียบร้อย แต่รอคอยการกลับมาของ “สีแดง”เสมอๆ
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดงของความจริงวันนี้ – แดงสยาม – แดงทั้งแผ่นดิน – การชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง – หรือแม้แต่ “ตีนตบสีแดง” เป็นต้น
เหล่านี้ล้วนแต่เอาสีแดงเป็นตัวแบ่งแยกผู้คนและอุดมการณ์อย่างก้าวร้าว จนสีแดงกลายเป็นสีของการเมืองที่มุ่งหวังช่วงชิงอำนาจ ผิดกฎหมาย ไร้อารยธรรม ทรยศชาติ และโค่นเจ้า
ยิ่งทักษิณโชว์ตัวผ่านวิดีโอ ลิงค์ด้วยเสื้อสีแดงทีไร ใครต่อใครก็พาลนึกไปถึง “เสื้อแดงตัวพ่อ” ทุกทีไป เมื่อเหลืยบไปดู ลูก-เมีย-ญาติและบริวารทักษิณ ล้วนแต่ใส่เสื้อสีแดงทุกที่ทุกเวลา สีแดงเลยถูกตอกย้ำให้กลายเป็นเฉดสีแห่งความน่ารังเกียจและ น่ากลัวไปพร้อมๆกัน
ต้องไม่ลืมว่าปกติแล้วสีแดงเป็นแม่สีหลัก ทั้งเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย เจิดจรัส สดใสซาบซ่า ร่าเริงสนุกสนาน และ เปี่ยมด้วยพลัง
คนจีนถึงกับมองว่าสีแดงคือสีมงคลเสียด้วยซ้ำ
บรรดานักจิตวิทยาบ่งชี้ว่า คนไหนที่ชอบสีแดง มักเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงมาก กล้าคิด กล้าแสดงออก ใจร้อน บุ่มบ่าม ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
เชื่อว่าแทบทุกคนต่างมีเสื้อสีแดงอย่างน้อยก็คนละหนึ่งตัว จนถึงอย่างมาก คือ แดงได้แดงดีมีแดงแทบทุกเฉด
จนกระทั่งมีคำเปรียบเปรยหยอกล้อคนคลั่งไคล้สีแดงกันว่า “จะถูกจะแพงให้แดงไว้ก่อน แม่สอนไว้”
บัดนี้เมื่อสีแดงถูกนำไปผูกกับการต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่ทำไว้ของทักษิณ
ทำให้สีแดงถูกมองเป็นของร้อน และ ศัตรู คนเสื้อเหลืองเกลียดสีแดงเข้ากระดูกดำ คนเป็นกลางก็กลัวว่าสีแดงจะพาซวย ส่วนคนเฮงซวยก็มองว่า สีแดงคือ ความเข้มแข็ง ก้าวร้าว และ แดง คอมมิวนิวส์ “ดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก แยกสังคม”
การชุมนุมคนเสื้อแดงที่ทำลายบรรยากาศและความมั่นคงของชนในชาติ จึงเป็นผลให้คนทั่วๆไปตั้งแง่กับสีแดงมากขึ้นเป็นลำดับ
น่าสงสาร “สีแดง” ที่ถูกนำไปใช้ผิดๆทางการเมือง จนกลายเป็นสีแห่งความแปลกแยก และ ลามไปถึงสีเหลืองที่เคยเป็นสีแสดงออกเพื่อสถาบันสูงสุด แต่เวลานี้ผู้คนไม่น้อยเลือกใช้ “สีชมพู” แทนสีแห่งความจงรักภักดี
แม้กระทั่งภาพคลื่นทะเลสีเหลืองของคนไทยที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมในวาระ 60 ปีทรงครองราชย์ ยังถูกทีวีบางช่องย้อมสีด้วยระบบคอมพิวเตอร์เสียใหม่ กลายเป็น “คลื่นมหาชนคนใส่เสื้อสีชมพู”
กลัวกันขนาดนี้ เลยทำเรื่องน่าเกลียดได้ถึงเพียงนี้ ถ้าไม่มีใครตักเตือนไว้ อีกหน่อยคงได้จาบจ้วงเปลี่ยนสีฉลองพระองค์กันบ้างละ ถึงตอนนั้นเราคงรู้สึกหดหู่ไม่น้อยทีเดียว
เดี๋ยวนี้ใครใส่เสื้อแดงกลายเป็นพวกทักษิณ และใครใส่เสื้อเหลืองกลายเป็นพวกสนธิ ส่วนใครที่ใส่เสื้อสีฟ้าเป็นพวกอภิสิทธิ์ สีน้ำเงินเป็นพวกเนวิน และ สีรุ้งเป็น “บัณเฑาะว์”...ดูชัดเจน-ปนน่ากลัวดี
มีรายงานล่าสุดจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ที่ที่ซึ่งมีสีเหลืองบานสะพรั่ง ยังมีสีแดงแจมนิดปนขาวหน่อยพอแก้เซ็ง ดูได้จาก “จดหมายน้อย”ของชายคนหนึ่งจากแผนกรังสีวิทยาที่เขียนถึงบรรดาคณาจารย์ของพวกเขา และ เรียกร้องให้ประกาศวางตัวเป็นกลางโดยอ้างงานตรุษจีน และ เอแบคโพลล์ จดหมายฉบับนี้เขาฟอว์เวิร์ดกันทั่วและกล่าวหาว่า ทุกสีกำลังทำลายชาติเราต้องวางตัวเป็นกลางเพราะเราเป็น “หมอ” ไม่ใช่ “ควาย”ให้ใครมาสนตะพาย...อ่านจบแล้วฮาแกมสมเพชคะ