โดย..ฮักก้า
ยังคงมีงานให้ทำล้นมือ 10 อาร์ตติสต์และนักออกแบบชื่อดังขวัญใจของใครหลายๆคน ไปไถ่ถามมาเล่าสู่กันฟังว่าปีใหม่ปีนี้ เขาและเธอมีโครงการอะไรใหม่ๆที่ต้องคิดทำและสานต่อจากเมื่อปีที่แล้วบ้าง
@@โลเล – ทวีศักดิ์ ศรีทองดี
“ส่วนใหญ่ชีวิตก็ทำงานตลอดเลย มีพักบ้าง และงานที่ทำมักจะเป็นงานที่ เป็นการเตรียมการเพื่อปีต่อไป”
โลเล – ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ศิลปินงานชุกที่พึ่งมีผลงานแสดงเดี่ยวชุด Happy Land ไปเมื่อปีเดือนตุลาคมที่ผ่านมาบอกเล่าถึงชีวิตตลอดปี 52 ให้ฟังคร่าวๆในช่วงเวลาที่กำลังย่างเข้าสู่ศักราชใหม่อีกไม่กี่วัน
“เอ็กซิบิชั่นก็มีไปแล้วเท่าที่เห็น ต่อไปอยากทดลองเอาดนตรีเข้ามาอยู่ในงานศิลปะ ก็ได้ลองและซ้อมมาบ้าง ต่อไปอาจจะไม่ได้จัดเอ็กซิบิชั่นที่เป็นงานเพ้นท์ติ้งอย่างเดียว ปี 53 สิ่งที่ต้องทำก็มีแพลนไว้บ้าง เช่นไปแสดงงานเมืองนอก อาจจะ.. เพราะยังคุยกันอยู่ ที่ฝรั่งเศส รวมทั้งมีไดอารี่ที่เขียนไว้ เพื่อที่จะทำเป็นงานหนังสือเล่มใหม่ คิดจะทำตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นเกร็ดความคิด ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองซะหมด เป็นทัศนะที่เรามีต่อโลก ต่อสถานการณ์ ต่อเรื่องราวในอดีต เป็นเหมือนการทดลองคุยกับตัวเอง
และมีที่ต้องแสดงงานคู่กับดีไซเนอร์ของเกรย์ฮาวด์ เป็นโปรเจ็กต์ของนักศึกษาปริญญาโทภาควิชาทฤษฎีศิลป์ ของ ม.ศิลปากร เป็นงานทีซีสที่เขาทำเรื่องเกี่ยวกับการจัดงานศิลปะ เขาเลือกให้เราสองคนเป็นอาร์ตติสต์ จัดแสดงที่หอศิลป์ กทม. ประมาณเดือน เมษายน –พฤษภาคม”
@@อนุพงษ์ จันทร
แม้ตลอดทั้งปี 52 จะไม่มีแสดงผลงานที่ไหน นอกจากนิทรรศการที่แสดงร่วมกับบรรดาอาจารย์ด้วยกันเพื่อหารายได้จัดตั้งกองทุนให้กับนักศึกษาในภาคที่สอนอยู่ (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นปีที่ อนุพงษ์ จันทร เจ้าของภาพ “ภิกษุสันดานกา” อันโด่งดังและเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดศิลปกรรมหลายเวทีจะได้หยุดพัก เพราะนอกจากจะต้องทำงานในหน้าที่อาจารย์และสร้างสรรค์ผลงานเพื่อเตรียมจัดแสดงเดี่ยว ณ หอศิลป์ร่วมสมัย ARDEL ปลายปี 53 ยังทำหน้าที่คุณพ่อเลี้ยงลูกชาย(คนแรก)วัย 3 เดือน
“ชีวิตมีความสุขดี มีลูกน้อยมาหนึ่งคน ชื่อน้อง ณพงษ์ จันทร ปีนี้ไม่ค่อยได้แสดงงาน แต่ทำหน้าที่พ่อ(หัวเราะ) อยู่ในช่วงที่เตรียมงานแสดงด้วยครับ ปกติก็ทำงานได้ไม่เยอะตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แนวความคิดของงานชุดใหม่ก็คล้ายกันกับภาพภิกษุสันดานกา เป็นงานประติมากรรม เพียงแค่เปลี่ยนจากผลงานที่เป็นสองมิติมาเป็นสามมิติ ดึงบางส่วนของงานจิตรกรรมมาขยายผลต่อ แต่ในนิทรรศการที่จะแสดงก็จะมีทั้งงานปั้น งานดรออิ้ง งานเพ้นต์ติ้ง รวมทั้งงานส่งประกวด ที่จะรวบรวมมาทำเป็นนิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งแรก”
@@ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์
จนถึงโมงยามนี้เขายังขลุกตัวอยู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ และยังทำงานภาพประกอบให้กับนิตยสารขาประจำ พลอยแกมเพชร
“ทำสวน จัดบ้าน ย้ายนู่น ย้ายนี่ เพราะบ้านยังไม่เสร็จ ส่วนงานเขียนภาพประกอบที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องไปรับผิดชอบไป ผลงานศิลปะส่วนตัว แม้ไม่แสดงก็ยังทำอยู่ คิดอะไรได้ก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต เพราะมันต้องใช้พลังเยอะ รวมๆแล้วปีนี้ ชีวิตโอเค ไม่ถึงกับเลิศเลอ แต่รวมๆแล้วโอเค”
อย่าถามถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นปี 53 เพราะยังมาไม่ถึงและยัง ไม่ได้วางแผนอะไรไว้ทั้งสิ้น ทุกวันนี้ไทวิจิตกำลังปฏิบัติตัวเยี่ยงชาวสวนผู้เฝ้ามองดูต้นไม้ค่อยๆเจริญเติบโต และยังไม่พร้อมที่จะตกปากรับคำเชิญเพื่อร่วมกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น
“ ไอ้สิ่งที่เราทำอยู่ รอบๆตัวเรามันก็เยอะแล้ว มันสำคัญกับตัวเรามากกว่า เราต้องดูด้วยว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร สำคัญกับเราอย่างไร แล้วเรามีพลังขนาดไหน เพราะมันมีเงื่อนไขเยอะแยะเลย ทั้งเงื่อนไขภายนอกและเงื่อนไขภายใน เราต้องทำเงื่อนไขภายในให้มันได้คงที่ก่อน แล้วเงื่อนไขภายนอกค่อยว่ากันอีกที”
@@ดร.สิงห์ อินทรชูโต
ความสามารถบวกหน้าตาเชื่อว่ายังฮอตได้อีกหลายปี ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยายาลัยเกษตรศาสตร์ ,สถาปนิกและนักออกแบบ เจ้าของผลงานการออกแบบเฟอร์นิเจอร์เพื่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ OSISU ถึงกับโอดครวญว่า ปี 52 ทำเอาชีวิตสะบักสะบอมและไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน เพราะยินดีเจ้า กับทุกงานที่ติดต่อเข้ามา
“ยังไปสอนหนังสือและทำงานวิจัยอยู่ แล้วก็ไปช่วยงานสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ และเดินทางไปต่างจังหวัดไปตามหมู่บ้านต่างๆช่วยสอนนักเรียนออกแบบให้เขารู้วิธีออกแบบเศษวัสดุ และ ไปเยี่ยมตามโรงงานต่างๆทั่วประเทศ เพราะทุกวันนี้เศษวัสดุเพิ่มมากขึ้น และมีงานให้ต้องออกแบบอาคารและคอนโดมิเนี่ยมบ้าง
ปีนี้เป็นปีที่สะบักสะบอมมากครับ งานเยอะขึ้นกว่าที่คิดไว้มากเลยครับ และปีหน้าอาจจะหนักกว่าเดิมอีก แต่ก็ดีครับ เหมือนกับเป็นช่วงที่เขารู้จักเรามากขึ้น และให้โอกาสเราไปช่วยแก้ปัญหาต่างๆมากขึ้น”
ดังนั้นก่อนจะเตรียมแพคกระเป๋าไปเที่ยวพม่ากับเพื่อนๆในปี 53 ดร.สิงห์ จึงต้องพยายามเคลียร์งานที่หลั่งไหลเข้ามา
“อย่างแรกเลย จะพยายามลดงานลง อย่าทำงานมาก ให้ทำแค่พอประมาณ จะได้มีการพักผ่อนมากขึ้น แต่ไม่ทราบว่าจะได้แค่ไหนนะ รู้สึกจะหนักกว่าปี 52 ด้วยซ้ำ ก็ต้องบอกตัวเองไว้ว่า ปี 53 อย่าทำเยอะ อยากที่จะทำงานวิจัยมากขึ้น เพราะปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นงานออกแบบ ใครขอความช่วยเหลืออะไรทำหมด จนผมว่ามันมากไป และผมเปิดวิชาใหม่ สอนเด็กรุ่นใหม่ให้ทำอย่างที่ผมทำอยู่ ก็หวังว่าเขาจะเริ่มพร้อมที่จะทำงานแบบนี้
และยังมีงานที่ต้องทำกับคุณเล็ก(ภัทราวดี มีชูธน) เอาเศษวัสดุมาทำเครื่องดนตรี เพราะแต่ก่อนเราไม่เคยทำ มีอาจารย์วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ ที่เล่นพิณแก้วเป็นที่ปรึกษาอีกท่านหนึ่ง คิดว่าในช่วงต้นปี 53 จะมีเครื่องดนตรีจากเศษวัสดุออกมาให้เห็น”
@@ดอยธิเษศร์ ดัชนี
สองปีแล้วที่เปิดบริษัท ลาร์ติซอง ซึ่งมีความหมายว่า ช่างศิลป์ ช่างฝีมือ รับงานด้านออกแบบและทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปะ จนต่อยอดมาบริหารแบรนด์เครื่องหนัง Doys Shop ที่สินค้ามีจำหน่ายทาง www.doys-shop.com และกำลังจะไปเปิดชอปที่ King Power ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ แต่งานที่ ม่องต้อย - ดอยธิเษศร์ ดัชนี ทายาทศิลปินแห่งชาติ ถวัลย์ ดัชนี ต้องใช้พละกำลังบริหารจัดการไม่แพ้กันคือ กำลังเร่งมือทำแกลเลอรี่และร้านกาแฟภายในพื้นที่ บ้านดำ จ.เชียงราย ของคุณพ่อ
“บ้านดำเราเปิดมา 35 ปีแล้ว เราไม่เก็บค่าเข้า เราจึงไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย ในอนาคตเราจะอยู่ได้อย่างไร ผมก็เลยตั้งบริษัทขึ้นมา เพื่อเอาไว้ดูแลบ้านในอนาคต อีกหน่อยคนงานก็ต้องเข้าระบบให้มันถูกต้อง และ ส่วนหนึ่งเราก็ผลิตของที่เราออกแบบเองส่งกลับไปขายที่แกลเลอรี่ที่เรากำลังสร้างอยู่ ซึ่งตอนนี้เสร็จไปหนึ่งหลังแล้ว กำลังสร้างหลังที่สองอยู่”
ม่องต้อยอยากทำให้บ้านดำกลายเป็นชุมชนอย่างแท้จริง ที่เมื่อมีคนเหยียบย่างเข้าไปไม่เพียงจะได้ชมผลงานศิลปะที่หาชมได้ยากของคุณพ่อ ยังสามารถนั่งดื่มกาแฟและร่วมเวิร์คชอปศิลปะกับศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ และจากที่คนทั่วไปเคยได้ชมแต่ภายนอกของบ้านดำแต่ละหลังที่มีรวมกันแล้ว 40 กว่าหลัง คราวนี้จากการบริหารจัดการที่ดีขึ้น น่าจะทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าไปชมภายในตัวบ้านมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น
“ส่วนหนึ่งผมก็เลยทำเป็นแกลเลอรี่ขึ้นมา ติดตั้งผลงานของคุณพ่อเอาไว้ เป็นพวกภาพเขียนซึ่งคนทั่วไปไม่เคยดูมาก่อน และไม่เคยจัดแสดงที่ไหน อุตส่าห์ไปถึงที่แล้วก็อยากจะให้ทุกคนได้ชมผลงานของศิลปิน เพราะหัวใจหลักของศิลปินก็คือผลงานศิลปะ”
ปี 53 คงต้องทำแกลเลอรี่ให้เสร็จ หลังแรกใส่ภาพเขียนเข้าไปแล้ว ยังต้องมีร้านกาแฟ มีที่เวิร์คช็อปอยู่ข้างหลัง อยากให้มันมีความเคลื่อนไหว เพราะบางทีเราทำงานศิลปะอย่างเดียวแต่คนข้างนอกสัมผัสไม่ได้ อยากให้คนที่สนใจเข้ามาเวิร์คชอป ร่วมกันทำงานกับศิลปิน เพื่อที่จะนำความรู้ไปถ่ายทอดสู่ชุมชนและหมู่บ้าน และอยากมีเวลาทำงานศิลปะของตัวเองมากขึ้น"
@@ P7 – พีระพงศ์ ลิ้มธรรมรงค์
ยังคงตระเวนสร้างสรรค์ผลงานตามผนังตึกที่ถูกทิ้งร้างอยู่อย่างสม่ำเสมอ P7 – พีระพงศ์ ลิ้มธรรมรงค์ Painter และ Graffiti Artist ชื่อดัง และผลงานล่าสุดของเขา คือการเป็นโต้โผจัดนิทรรศการ FOR ที่รวบรวมเพื่อนฝูงมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน Wall Painting บนผนังตึก ชั้น 7 ของ หอศิลป์ กทม.
ปี 52 ที่ผ่านมาทำงานเขียนภาพประกอบเรื่องให้กับ คุ่น - ปราบดา หยุ่น และมีงานอีเว้นต์และงานออกแบบให้ต้องไปร่วมแจมและทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเขียนภาพตกแต่งบริษัทโฆษณาบางแห่ง
“จริงๆแล้วปี 52 แพลนไว้ว่าต้องไปแสดงงานที่อเมริกา แต่เจอไข้หวัดระบาด ก็เลยต้องเลื่อนไป ในปี 53 นี้ ต้องมีงานแสดงเดี่ยวแน่นอน แต่กำลังดูอยู่ว่าจะเป็นที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ มีโครงการหนึ่งที่สิงคโปร์มันไม่เต็มรูปแบบนัก อยู่ในระหว่างที่จะเคลียร์เวลา และยืนยันว่าเป็นเวลาไหน หลังจากนั้นก็จะคุยกับทางอเมริกาอีกที
และมีงานติดต่อเข้ามาจนถึงเมษายน เช่น เช่นที่เขาใหญ่ งาน Big Mountain ติดต่อให้ผมและเพื่อนศิลปินอีกหลายคน ไปทำดีไซน์โชว์ที่เขาใหญ่ หลังจากนั้นก็จะหาเวลาทำงานเพื่อแสดงเดี่ยว อาจจะแสดงเกือบๆปลายปี และก็ทำดนตรีด้วย เป็นซาวด์ เคยไปเล่นมาแล้ว 3 ที่ อาจจะตัดเป็นซิงเกิลออกมา”
@@ติ๊ก ชีโร่
ตระเวนไปร่วมเวิร์คชอปกับศิลปินจากทั่วโลก ทั้งที่เวียงจันท์ เชียงรายและกรุงเทพฯ ที่จัดขึ้นในนามศิลปินแห่งชาติ กมล ทัศนาญชลี มาตลอดปี 52 และได้ปลีกเวลาไปเข้าร่วมกิจกรรม “ดาวเด่นบัวหลวง” กับน้องๆนักศึกษา ปลายปี เราก็ได้ทราบข่าวว่า ติ๊ก ชีโร่ อาร์ตติสที่มีผลงานศิลปะน่าชื่นชมไม่แพ้งานเพลงของเขา ได้ร่วมมือกับ มร. อังเดร ฟุกส์ (ผู้มีประสบการณ์ทำงานกับดาราระดับโลก และเคยร่วมงานกับ ริชาร์ด เกียร์ ทำโครงการ Free Tibet )นำผลงานศิลปะของติ๊กไปจัดแสดงเดี่ยวครั้งที่ 4 ที่นิวยอร์กและสวิตเซอร์แลนด์ และ ได้รับลิขสิทธิ์จาก รอนนี วูด แห่งวงโรลลิ่ง สโตนให้ติ๊กเป็นตัวแทนแสดงงานศิลปะบนเสื้อของเขาในประเทศไทย
“11 กุมภาพันธ์ 53 คงต้องเดินทางไปที่เชียงราย เพราะกิจกรรมศิลปะนานาชาติเวียนกลับมาถึงอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะไปนิวยอร์กในเดือนในมีนาคม แล้วก็อาจจะไปตระเวณรอบยุโรป หลังจากนั้นผมก็คงจะทำงานศิลปะไปเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะเน้นและให้ความสำคัญมาที่งานศิลปะมากขึ้น
เพราะตัวผมเองยังไม่ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานศิลปะมากซักเท่าไหร่ ก็มีบางคนที่เป็นนักสะสมศิลปะและเป็นแฟนผลงานคอยติดตามอยู่และรู้ว่าเราแสดงงานมา 3 ครั้งแล้ว นิทรรศการครั้งที่ 4 จะนำเสนอผลงานศิลปะออกไปทางต่างประเทศบ้าง เพราะมีหลายคนในแวดวงศิลปะในต่างประเทศที่ชื่นชอบผลงานของเรา บอกว่าผลงานของเราเป็นสากล โดยเฉพาะในตลาดยุโรปน่าจะมีคนชอบแนวคิดของเราเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องนำเสนอให้คนรู้จักผลงานของศิลปินจากเอเชีย”
@@ ปิ่นนุช ปิ่นจินดา
ส.ค.ส. ปีใหม่ของมูลนิธิเด็กที่วางขายอยู่ตามร้านทั่วไปขณะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการทำเวิร์คชอปร่วมกันของศิลปินหญิงผู้มีผลงานภาพประกอบในพอคเกจบุ๊คหลายเล่ม ปิ่นนุช ปื่นจินดา กับเด็กๆที่หมู่บ้านเด็กกาญจนบุรี หลังจากที่เธอเพิ่งเปิดแสดงเดี่ยวผลงานชุด ป.ปลา ตากลม ณ หอศิลป์ร่วมสมัย จ.กระบี่ ไปเมื่อมานาน
ปี 53 ปิ่นนุช วางแผนที่จะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะเด็กที่บ้านย่านเมืองทองธานี ,เข็นหนังสือ “เด็กหญิงดอกไม้และเด็กชายดนตรี” ที่ลงมือเขียนเรื่องและทำภาพประกอบเองออกมานำเสนอ และมีผลงานแสดงร่วมกับศิลปินหญิงหลายท่าน
“หนังสือเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักนำเสนอในแนวโรแมนติก เด็กผู้หญิงเป็นนักปลูกดอกไม้ เด็กผู้ชายเป็นนักดนตรี บ้านอยู่ข้างๆกัน เล่มนี้เด็กก็อ่านได้ ผู้ใหญ่ก็อ่านดี แล้วก็จะมีงานแสดงร่วมกับศิลปินหญิง 13 ท่านในเดือนกุมภาพันธ์ เช่น อ.ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ, อ.ลาวัลย์ อุปอินทร์ และกวีซีไรท์ จิระนันท์ พิตรปรีชา แสดงที่สมบัติเพิ่มพูนแกลเลอรี่ เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นเพศหญิงและเพศแม่ ต่อจากนั้นเดือนพฤษภาคมจะมีงานแสดงร่วมกับศิลปินหญิงชาวเกาหลี และศิลปินไทยอีกคนหนึ่ง ที่แกลเลอรี่เปิดใหม่ย่านบองมาเช่”
@@ พริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา
ยังคงไปชิมผลงานของเธอได้ที่หอศิลป์ กทม. เพราะนักออกแบบไอศกรีม พริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา นำผลงานของเธอที่ออกแบบให้กับที่ต่างๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายให้เราได้ลิ้มรสชาติและสัมผัสกับไอเดียของเธอ
นอกเหนือจากที่เคยเห็นและเคยชิมตามร้านที่มีไอศกรีมของเธอจำหน่ายและรอบปีที่ผ่านมา ในงานเปิดตัวตู้เย็นของโตชิบา, งานเทศกาลไอศกรีมของห้างเซ็นทรัล, งานเปิดตัวข้าวพนมรุ้ง ที่ทำไอศกรีมออกมาเป็นรูปหม้อข้าว,งานคอนเสิร์ตของกอล์ฟไมค์ ที่เอาเครื่องดื่มเพียวริขุมาทำไอศครีม และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน
“ความตั้งใจของร้านไอศครีมคือเป็นโชว์รูมที่ลูกค้าสามารถมาดูผลงานที่ผ่านมาได้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะว่างานที่ทำให้กับร้านค้ามันกระจัดกระจายไปในแต่ละที่ และรสชาติของไอศครีมที่ทำมันก็ไม่เหมือนกัน ใครอยากจะชิมก็ต้องแวะไปชิมแต่ละที่ ส่วนไอศครีมที่ทำเพื่องานอีเว้นต์ หมดงานอีเว้นต์ก็เลิกทำกันไป คนที่อยากลิ้มลองก็ไม่มีโอกาส
พอดีทางหอศิลป์เห็นว่างานที่ทำก็เป็นอาร์ตเหมือนกัน วาระเปิดเปิดหอศิลป์เขาเลยให้พื้นที่มา เพื่อให้ทุกคนสามารถที่จะมาชิมผลงานของเราได้ และจัดแสดงไปจนถึง 30 มกราคม 53”
@@ ยุรี เกนสาคู
นึกว่าย้ายบ้านเข้าไปอาศัยอยู่ที่ ลุมพินีคอนโด สาขาศูนย์วัฒนธรรม ตลอดไป ความจริงเธอแค่ทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ขนกระเป๋าเข้าไปอยู่เพียงสองอาทิตย์ เพื่อทำให้ ลูกค้าของลุมพินีได้รับความรู้สึกว่า เมื่อเข้าไปอยู่จะเกิดแรงบันดาลใจอยากทำงานศิลปะ
ช่วงกลางปี 52 ศิลปินลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ยุรี เกนสาคู จัดแสดงเดี่ยวผลงานศิลปะชุด Sweet with Mr. Fan ไปที่ต้นสนแกลเลอรี่ พร้อมกับเป็นอาจารย์พิเศษสอนการทำทีซีส ให้กับนักศึกษา ปี 4 ภาควิชาทัศนศิลป์ ม.กรุงเทพ มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนจบมา
“ปี 53 ก็ยังต้องทำงานไปก่อนเพื่อเตรียมโซโล่งานชุดใหม่ แล้วยังต้องสอนหนังสือ นอกจากนิทรรศการ For ที่ตอนนี้ทำกับเพื่อนๆ ก็ยังมีงานที่เกี่ยวโยงกับนิทรรศการ สุกดิบ อาทิตย์อุไทย ที่หอศิลป์ กทม.
สิ่งที่เปลี่ยนไปในการงานศิลปะคือมีโอกาสทำอะไรที่มันอาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย อย่างการที่เข้าไปทำงาน Wall Painting ของ For เหมือนได้ลองทำงานที่แตกต่าง จากโจทย์ที่เราสร้างมันขึ้นมาเพื่อทำงานเพ้นท์ติ้ง เพราะมันคือการออกแบบคาแรคเตอร์”
ไม่ว่าปีไหนยุรียังคงสนุกกับการทำงานศิลปะและไม่เคยเบื่อเพราะเธอบอกว่าความรู้สึกมันใกล้เคียงกับเวลาที่เด็กเล่นของเล่น
“งานศิลปะมันมีจุดที่มันเหมือนการเล่นอยู่ เราคุ้นเคยกับมันจนเรารู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ไปเที่ยวไปซื้อของ ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวดูงานศิลปะ หรือซื้ออะไรมาเพื่อทำงานศิลปะ ก็ไม่รู้ว่าจะไปดูเพื่ออะไรเหมือนกัน คิดอยู่ตลอดว่า อันนี้ซื้อไปเพ้นท์น่าจะสวยนะ”
อยากรู้ว่ายุรีเล่นสนุกกับศิลปะของเธออย่างไร ตามไปดูได้ที่งานคอนเสิร์ต Big Mountain ที่เขาใหญ่ เพราะเธอก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่จะไปร่วมเขียนคัทเอ้าท์รูปวัวขนาดใหญ่โชว์ให้ได้ชมเช่นกัน
ยังคงมีงานให้ทำล้นมือ 10 อาร์ตติสต์และนักออกแบบชื่อดังขวัญใจของใครหลายๆคน ไปไถ่ถามมาเล่าสู่กันฟังว่าปีใหม่ปีนี้ เขาและเธอมีโครงการอะไรใหม่ๆที่ต้องคิดทำและสานต่อจากเมื่อปีที่แล้วบ้าง
@@โลเล – ทวีศักดิ์ ศรีทองดี
“ส่วนใหญ่ชีวิตก็ทำงานตลอดเลย มีพักบ้าง และงานที่ทำมักจะเป็นงานที่ เป็นการเตรียมการเพื่อปีต่อไป”
โลเล – ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ศิลปินงานชุกที่พึ่งมีผลงานแสดงเดี่ยวชุด Happy Land ไปเมื่อปีเดือนตุลาคมที่ผ่านมาบอกเล่าถึงชีวิตตลอดปี 52 ให้ฟังคร่าวๆในช่วงเวลาที่กำลังย่างเข้าสู่ศักราชใหม่อีกไม่กี่วัน
“เอ็กซิบิชั่นก็มีไปแล้วเท่าที่เห็น ต่อไปอยากทดลองเอาดนตรีเข้ามาอยู่ในงานศิลปะ ก็ได้ลองและซ้อมมาบ้าง ต่อไปอาจจะไม่ได้จัดเอ็กซิบิชั่นที่เป็นงานเพ้นท์ติ้งอย่างเดียว ปี 53 สิ่งที่ต้องทำก็มีแพลนไว้บ้าง เช่นไปแสดงงานเมืองนอก อาจจะ.. เพราะยังคุยกันอยู่ ที่ฝรั่งเศส รวมทั้งมีไดอารี่ที่เขียนไว้ เพื่อที่จะทำเป็นงานหนังสือเล่มใหม่ คิดจะทำตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นเกร็ดความคิด ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองซะหมด เป็นทัศนะที่เรามีต่อโลก ต่อสถานการณ์ ต่อเรื่องราวในอดีต เป็นเหมือนการทดลองคุยกับตัวเอง
และมีที่ต้องแสดงงานคู่กับดีไซเนอร์ของเกรย์ฮาวด์ เป็นโปรเจ็กต์ของนักศึกษาปริญญาโทภาควิชาทฤษฎีศิลป์ ของ ม.ศิลปากร เป็นงานทีซีสที่เขาทำเรื่องเกี่ยวกับการจัดงานศิลปะ เขาเลือกให้เราสองคนเป็นอาร์ตติสต์ จัดแสดงที่หอศิลป์ กทม. ประมาณเดือน เมษายน –พฤษภาคม”
@@อนุพงษ์ จันทร
แม้ตลอดทั้งปี 52 จะไม่มีแสดงผลงานที่ไหน นอกจากนิทรรศการที่แสดงร่วมกับบรรดาอาจารย์ด้วยกันเพื่อหารายได้จัดตั้งกองทุนให้กับนักศึกษาในภาคที่สอนอยู่ (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นปีที่ อนุพงษ์ จันทร เจ้าของภาพ “ภิกษุสันดานกา” อันโด่งดังและเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดศิลปกรรมหลายเวทีจะได้หยุดพัก เพราะนอกจากจะต้องทำงานในหน้าที่อาจารย์และสร้างสรรค์ผลงานเพื่อเตรียมจัดแสดงเดี่ยว ณ หอศิลป์ร่วมสมัย ARDEL ปลายปี 53 ยังทำหน้าที่คุณพ่อเลี้ยงลูกชาย(คนแรก)วัย 3 เดือน
“ชีวิตมีความสุขดี มีลูกน้อยมาหนึ่งคน ชื่อน้อง ณพงษ์ จันทร ปีนี้ไม่ค่อยได้แสดงงาน แต่ทำหน้าที่พ่อ(หัวเราะ) อยู่ในช่วงที่เตรียมงานแสดงด้วยครับ ปกติก็ทำงานได้ไม่เยอะตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แนวความคิดของงานชุดใหม่ก็คล้ายกันกับภาพภิกษุสันดานกา เป็นงานประติมากรรม เพียงแค่เปลี่ยนจากผลงานที่เป็นสองมิติมาเป็นสามมิติ ดึงบางส่วนของงานจิตรกรรมมาขยายผลต่อ แต่ในนิทรรศการที่จะแสดงก็จะมีทั้งงานปั้น งานดรออิ้ง งานเพ้นต์ติ้ง รวมทั้งงานส่งประกวด ที่จะรวบรวมมาทำเป็นนิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งแรก”
@@ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์
จนถึงโมงยามนี้เขายังขลุกตัวอยู่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ และยังทำงานภาพประกอบให้กับนิตยสารขาประจำ พลอยแกมเพชร
“ทำสวน จัดบ้าน ย้ายนู่น ย้ายนี่ เพราะบ้านยังไม่เสร็จ ส่วนงานเขียนภาพประกอบที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องไปรับผิดชอบไป ผลงานศิลปะส่วนตัว แม้ไม่แสดงก็ยังทำอยู่ คิดอะไรได้ก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต เพราะมันต้องใช้พลังเยอะ รวมๆแล้วปีนี้ ชีวิตโอเค ไม่ถึงกับเลิศเลอ แต่รวมๆแล้วโอเค”
อย่าถามถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นปี 53 เพราะยังมาไม่ถึงและยัง ไม่ได้วางแผนอะไรไว้ทั้งสิ้น ทุกวันนี้ไทวิจิตกำลังปฏิบัติตัวเยี่ยงชาวสวนผู้เฝ้ามองดูต้นไม้ค่อยๆเจริญเติบโต และยังไม่พร้อมที่จะตกปากรับคำเชิญเพื่อร่วมกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น
“ ไอ้สิ่งที่เราทำอยู่ รอบๆตัวเรามันก็เยอะแล้ว มันสำคัญกับตัวเรามากกว่า เราต้องดูด้วยว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร สำคัญกับเราอย่างไร แล้วเรามีพลังขนาดไหน เพราะมันมีเงื่อนไขเยอะแยะเลย ทั้งเงื่อนไขภายนอกและเงื่อนไขภายใน เราต้องทำเงื่อนไขภายในให้มันได้คงที่ก่อน แล้วเงื่อนไขภายนอกค่อยว่ากันอีกที”
@@ดร.สิงห์ อินทรชูโต
ความสามารถบวกหน้าตาเชื่อว่ายังฮอตได้อีกหลายปี ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีทางอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยายาลัยเกษตรศาสตร์ ,สถาปนิกและนักออกแบบ เจ้าของผลงานการออกแบบเฟอร์นิเจอร์เพื่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ OSISU ถึงกับโอดครวญว่า ปี 52 ทำเอาชีวิตสะบักสะบอมและไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน เพราะยินดีเจ้า กับทุกงานที่ติดต่อเข้ามา
“ยังไปสอนหนังสือและทำงานวิจัยอยู่ แล้วก็ไปช่วยงานสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ และเดินทางไปต่างจังหวัดไปตามหมู่บ้านต่างๆช่วยสอนนักเรียนออกแบบให้เขารู้วิธีออกแบบเศษวัสดุ และ ไปเยี่ยมตามโรงงานต่างๆทั่วประเทศ เพราะทุกวันนี้เศษวัสดุเพิ่มมากขึ้น และมีงานให้ต้องออกแบบอาคารและคอนโดมิเนี่ยมบ้าง
ปีนี้เป็นปีที่สะบักสะบอมมากครับ งานเยอะขึ้นกว่าที่คิดไว้มากเลยครับ และปีหน้าอาจจะหนักกว่าเดิมอีก แต่ก็ดีครับ เหมือนกับเป็นช่วงที่เขารู้จักเรามากขึ้น และให้โอกาสเราไปช่วยแก้ปัญหาต่างๆมากขึ้น”
ดังนั้นก่อนจะเตรียมแพคกระเป๋าไปเที่ยวพม่ากับเพื่อนๆในปี 53 ดร.สิงห์ จึงต้องพยายามเคลียร์งานที่หลั่งไหลเข้ามา
“อย่างแรกเลย จะพยายามลดงานลง อย่าทำงานมาก ให้ทำแค่พอประมาณ จะได้มีการพักผ่อนมากขึ้น แต่ไม่ทราบว่าจะได้แค่ไหนนะ รู้สึกจะหนักกว่าปี 52 ด้วยซ้ำ ก็ต้องบอกตัวเองไว้ว่า ปี 53 อย่าทำเยอะ อยากที่จะทำงานวิจัยมากขึ้น เพราะปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นงานออกแบบ ใครขอความช่วยเหลืออะไรทำหมด จนผมว่ามันมากไป และผมเปิดวิชาใหม่ สอนเด็กรุ่นใหม่ให้ทำอย่างที่ผมทำอยู่ ก็หวังว่าเขาจะเริ่มพร้อมที่จะทำงานแบบนี้
และยังมีงานที่ต้องทำกับคุณเล็ก(ภัทราวดี มีชูธน) เอาเศษวัสดุมาทำเครื่องดนตรี เพราะแต่ก่อนเราไม่เคยทำ มีอาจารย์วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ ที่เล่นพิณแก้วเป็นที่ปรึกษาอีกท่านหนึ่ง คิดว่าในช่วงต้นปี 53 จะมีเครื่องดนตรีจากเศษวัสดุออกมาให้เห็น”
@@ดอยธิเษศร์ ดัชนี
สองปีแล้วที่เปิดบริษัท ลาร์ติซอง ซึ่งมีความหมายว่า ช่างศิลป์ ช่างฝีมือ รับงานด้านออกแบบและทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปะ จนต่อยอดมาบริหารแบรนด์เครื่องหนัง Doys Shop ที่สินค้ามีจำหน่ายทาง www.doys-shop.com และกำลังจะไปเปิดชอปที่ King Power ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ แต่งานที่ ม่องต้อย - ดอยธิเษศร์ ดัชนี ทายาทศิลปินแห่งชาติ ถวัลย์ ดัชนี ต้องใช้พละกำลังบริหารจัดการไม่แพ้กันคือ กำลังเร่งมือทำแกลเลอรี่และร้านกาแฟภายในพื้นที่ บ้านดำ จ.เชียงราย ของคุณพ่อ
“บ้านดำเราเปิดมา 35 ปีแล้ว เราไม่เก็บค่าเข้า เราจึงไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย ในอนาคตเราจะอยู่ได้อย่างไร ผมก็เลยตั้งบริษัทขึ้นมา เพื่อเอาไว้ดูแลบ้านในอนาคต อีกหน่อยคนงานก็ต้องเข้าระบบให้มันถูกต้อง และ ส่วนหนึ่งเราก็ผลิตของที่เราออกแบบเองส่งกลับไปขายที่แกลเลอรี่ที่เรากำลังสร้างอยู่ ซึ่งตอนนี้เสร็จไปหนึ่งหลังแล้ว กำลังสร้างหลังที่สองอยู่”
ม่องต้อยอยากทำให้บ้านดำกลายเป็นชุมชนอย่างแท้จริง ที่เมื่อมีคนเหยียบย่างเข้าไปไม่เพียงจะได้ชมผลงานศิลปะที่หาชมได้ยากของคุณพ่อ ยังสามารถนั่งดื่มกาแฟและร่วมเวิร์คชอปศิลปะกับศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ และจากที่คนทั่วไปเคยได้ชมแต่ภายนอกของบ้านดำแต่ละหลังที่มีรวมกันแล้ว 40 กว่าหลัง คราวนี้จากการบริหารจัดการที่ดีขึ้น น่าจะทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าไปชมภายในตัวบ้านมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเท่านั้น
“ส่วนหนึ่งผมก็เลยทำเป็นแกลเลอรี่ขึ้นมา ติดตั้งผลงานของคุณพ่อเอาไว้ เป็นพวกภาพเขียนซึ่งคนทั่วไปไม่เคยดูมาก่อน และไม่เคยจัดแสดงที่ไหน อุตส่าห์ไปถึงที่แล้วก็อยากจะให้ทุกคนได้ชมผลงานของศิลปิน เพราะหัวใจหลักของศิลปินก็คือผลงานศิลปะ”
ปี 53 คงต้องทำแกลเลอรี่ให้เสร็จ หลังแรกใส่ภาพเขียนเข้าไปแล้ว ยังต้องมีร้านกาแฟ มีที่เวิร์คช็อปอยู่ข้างหลัง อยากให้มันมีความเคลื่อนไหว เพราะบางทีเราทำงานศิลปะอย่างเดียวแต่คนข้างนอกสัมผัสไม่ได้ อยากให้คนที่สนใจเข้ามาเวิร์คชอป ร่วมกันทำงานกับศิลปิน เพื่อที่จะนำความรู้ไปถ่ายทอดสู่ชุมชนและหมู่บ้าน และอยากมีเวลาทำงานศิลปะของตัวเองมากขึ้น"
@@ P7 – พีระพงศ์ ลิ้มธรรมรงค์
ยังคงตระเวนสร้างสรรค์ผลงานตามผนังตึกที่ถูกทิ้งร้างอยู่อย่างสม่ำเสมอ P7 – พีระพงศ์ ลิ้มธรรมรงค์ Painter และ Graffiti Artist ชื่อดัง และผลงานล่าสุดของเขา คือการเป็นโต้โผจัดนิทรรศการ FOR ที่รวบรวมเพื่อนฝูงมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน Wall Painting บนผนังตึก ชั้น 7 ของ หอศิลป์ กทม.
ปี 52 ที่ผ่านมาทำงานเขียนภาพประกอบเรื่องให้กับ คุ่น - ปราบดา หยุ่น และมีงานอีเว้นต์และงานออกแบบให้ต้องไปร่วมแจมและทำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเขียนภาพตกแต่งบริษัทโฆษณาบางแห่ง
“จริงๆแล้วปี 52 แพลนไว้ว่าต้องไปแสดงงานที่อเมริกา แต่เจอไข้หวัดระบาด ก็เลยต้องเลื่อนไป ในปี 53 นี้ ต้องมีงานแสดงเดี่ยวแน่นอน แต่กำลังดูอยู่ว่าจะเป็นที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ มีโครงการหนึ่งที่สิงคโปร์มันไม่เต็มรูปแบบนัก อยู่ในระหว่างที่จะเคลียร์เวลา และยืนยันว่าเป็นเวลาไหน หลังจากนั้นก็จะคุยกับทางอเมริกาอีกที
และมีงานติดต่อเข้ามาจนถึงเมษายน เช่น เช่นที่เขาใหญ่ งาน Big Mountain ติดต่อให้ผมและเพื่อนศิลปินอีกหลายคน ไปทำดีไซน์โชว์ที่เขาใหญ่ หลังจากนั้นก็จะหาเวลาทำงานเพื่อแสดงเดี่ยว อาจจะแสดงเกือบๆปลายปี และก็ทำดนตรีด้วย เป็นซาวด์ เคยไปเล่นมาแล้ว 3 ที่ อาจจะตัดเป็นซิงเกิลออกมา”
@@ติ๊ก ชีโร่
ตระเวนไปร่วมเวิร์คชอปกับศิลปินจากทั่วโลก ทั้งที่เวียงจันท์ เชียงรายและกรุงเทพฯ ที่จัดขึ้นในนามศิลปินแห่งชาติ กมล ทัศนาญชลี มาตลอดปี 52 และได้ปลีกเวลาไปเข้าร่วมกิจกรรม “ดาวเด่นบัวหลวง” กับน้องๆนักศึกษา ปลายปี เราก็ได้ทราบข่าวว่า ติ๊ก ชีโร่ อาร์ตติสที่มีผลงานศิลปะน่าชื่นชมไม่แพ้งานเพลงของเขา ได้ร่วมมือกับ มร. อังเดร ฟุกส์ (ผู้มีประสบการณ์ทำงานกับดาราระดับโลก และเคยร่วมงานกับ ริชาร์ด เกียร์ ทำโครงการ Free Tibet )นำผลงานศิลปะของติ๊กไปจัดแสดงเดี่ยวครั้งที่ 4 ที่นิวยอร์กและสวิตเซอร์แลนด์ และ ได้รับลิขสิทธิ์จาก รอนนี วูด แห่งวงโรลลิ่ง สโตนให้ติ๊กเป็นตัวแทนแสดงงานศิลปะบนเสื้อของเขาในประเทศไทย
“11 กุมภาพันธ์ 53 คงต้องเดินทางไปที่เชียงราย เพราะกิจกรรมศิลปะนานาชาติเวียนกลับมาถึงอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะไปนิวยอร์กในเดือนในมีนาคม แล้วก็อาจจะไปตระเวณรอบยุโรป หลังจากนั้นผมก็คงจะทำงานศิลปะไปเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะเน้นและให้ความสำคัญมาที่งานศิลปะมากขึ้น
เพราะตัวผมเองยังไม่ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานศิลปะมากซักเท่าไหร่ ก็มีบางคนที่เป็นนักสะสมศิลปะและเป็นแฟนผลงานคอยติดตามอยู่และรู้ว่าเราแสดงงานมา 3 ครั้งแล้ว นิทรรศการครั้งที่ 4 จะนำเสนอผลงานศิลปะออกไปทางต่างประเทศบ้าง เพราะมีหลายคนในแวดวงศิลปะในต่างประเทศที่ชื่นชอบผลงานของเรา บอกว่าผลงานของเราเป็นสากล โดยเฉพาะในตลาดยุโรปน่าจะมีคนชอบแนวคิดของเราเยอะ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องนำเสนอให้คนรู้จักผลงานของศิลปินจากเอเชีย”
@@ ปิ่นนุช ปิ่นจินดา
ส.ค.ส. ปีใหม่ของมูลนิธิเด็กที่วางขายอยู่ตามร้านทั่วไปขณะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการทำเวิร์คชอปร่วมกันของศิลปินหญิงผู้มีผลงานภาพประกอบในพอคเกจบุ๊คหลายเล่ม ปิ่นนุช ปื่นจินดา กับเด็กๆที่หมู่บ้านเด็กกาญจนบุรี หลังจากที่เธอเพิ่งเปิดแสดงเดี่ยวผลงานชุด ป.ปลา ตากลม ณ หอศิลป์ร่วมสมัย จ.กระบี่ ไปเมื่อมานาน
ปี 53 ปิ่นนุช วางแผนที่จะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะเด็กที่บ้านย่านเมืองทองธานี ,เข็นหนังสือ “เด็กหญิงดอกไม้และเด็กชายดนตรี” ที่ลงมือเขียนเรื่องและทำภาพประกอบเองออกมานำเสนอ และมีผลงานแสดงร่วมกับศิลปินหญิงหลายท่าน
“หนังสือเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักนำเสนอในแนวโรแมนติก เด็กผู้หญิงเป็นนักปลูกดอกไม้ เด็กผู้ชายเป็นนักดนตรี บ้านอยู่ข้างๆกัน เล่มนี้เด็กก็อ่านได้ ผู้ใหญ่ก็อ่านดี แล้วก็จะมีงานแสดงร่วมกับศิลปินหญิง 13 ท่านในเดือนกุมภาพันธ์ เช่น อ.ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ, อ.ลาวัลย์ อุปอินทร์ และกวีซีไรท์ จิระนันท์ พิตรปรีชา แสดงที่สมบัติเพิ่มพูนแกลเลอรี่ เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นเพศหญิงและเพศแม่ ต่อจากนั้นเดือนพฤษภาคมจะมีงานแสดงร่วมกับศิลปินหญิงชาวเกาหลี และศิลปินไทยอีกคนหนึ่ง ที่แกลเลอรี่เปิดใหม่ย่านบองมาเช่”
@@ พริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา
ยังคงไปชิมผลงานของเธอได้ที่หอศิลป์ กทม. เพราะนักออกแบบไอศกรีม พริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา นำผลงานของเธอที่ออกแบบให้กับที่ต่างๆ มาจัดแสดงและจำหน่ายให้เราได้ลิ้มรสชาติและสัมผัสกับไอเดียของเธอ
นอกเหนือจากที่เคยเห็นและเคยชิมตามร้านที่มีไอศกรีมของเธอจำหน่ายและรอบปีที่ผ่านมา ในงานเปิดตัวตู้เย็นของโตชิบา, งานเทศกาลไอศกรีมของห้างเซ็นทรัล, งานเปิดตัวข้าวพนมรุ้ง ที่ทำไอศกรีมออกมาเป็นรูปหม้อข้าว,งานคอนเสิร์ตของกอล์ฟไมค์ ที่เอาเครื่องดื่มเพียวริขุมาทำไอศครีม และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน
“ความตั้งใจของร้านไอศครีมคือเป็นโชว์รูมที่ลูกค้าสามารถมาดูผลงานที่ผ่านมาได้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะว่างานที่ทำให้กับร้านค้ามันกระจัดกระจายไปในแต่ละที่ และรสชาติของไอศครีมที่ทำมันก็ไม่เหมือนกัน ใครอยากจะชิมก็ต้องแวะไปชิมแต่ละที่ ส่วนไอศครีมที่ทำเพื่องานอีเว้นต์ หมดงานอีเว้นต์ก็เลิกทำกันไป คนที่อยากลิ้มลองก็ไม่มีโอกาส
พอดีทางหอศิลป์เห็นว่างานที่ทำก็เป็นอาร์ตเหมือนกัน วาระเปิดเปิดหอศิลป์เขาเลยให้พื้นที่มา เพื่อให้ทุกคนสามารถที่จะมาชิมผลงานของเราได้ และจัดแสดงไปจนถึง 30 มกราคม 53”
@@ ยุรี เกนสาคู
นึกว่าย้ายบ้านเข้าไปอาศัยอยู่ที่ ลุมพินีคอนโด สาขาศูนย์วัฒนธรรม ตลอดไป ความจริงเธอแค่ทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ขนกระเป๋าเข้าไปอยู่เพียงสองอาทิตย์ เพื่อทำให้ ลูกค้าของลุมพินีได้รับความรู้สึกว่า เมื่อเข้าไปอยู่จะเกิดแรงบันดาลใจอยากทำงานศิลปะ
ช่วงกลางปี 52 ศิลปินลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ยุรี เกนสาคู จัดแสดงเดี่ยวผลงานศิลปะชุด Sweet with Mr. Fan ไปที่ต้นสนแกลเลอรี่ พร้อมกับเป็นอาจารย์พิเศษสอนการทำทีซีส ให้กับนักศึกษา ปี 4 ภาควิชาทัศนศิลป์ ม.กรุงเทพ มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนจบมา
“ปี 53 ก็ยังต้องทำงานไปก่อนเพื่อเตรียมโซโล่งานชุดใหม่ แล้วยังต้องสอนหนังสือ นอกจากนิทรรศการ For ที่ตอนนี้ทำกับเพื่อนๆ ก็ยังมีงานที่เกี่ยวโยงกับนิทรรศการ สุกดิบ อาทิตย์อุไทย ที่หอศิลป์ กทม.
สิ่งที่เปลี่ยนไปในการงานศิลปะคือมีโอกาสทำอะไรที่มันอาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย อย่างการที่เข้าไปทำงาน Wall Painting ของ For เหมือนได้ลองทำงานที่แตกต่าง จากโจทย์ที่เราสร้างมันขึ้นมาเพื่อทำงานเพ้นท์ติ้ง เพราะมันคือการออกแบบคาแรคเตอร์”
ไม่ว่าปีไหนยุรียังคงสนุกกับการทำงานศิลปะและไม่เคยเบื่อเพราะเธอบอกว่าความรู้สึกมันใกล้เคียงกับเวลาที่เด็กเล่นของเล่น
“งานศิลปะมันมีจุดที่มันเหมือนการเล่นอยู่ เราคุ้นเคยกับมันจนเรารู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ไปเที่ยวไปซื้อของ ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวดูงานศิลปะ หรือซื้ออะไรมาเพื่อทำงานศิลปะ ก็ไม่รู้ว่าจะไปดูเพื่ออะไรเหมือนกัน คิดอยู่ตลอดว่า อันนี้ซื้อไปเพ้นท์น่าจะสวยนะ”
อยากรู้ว่ายุรีเล่นสนุกกับศิลปะของเธออย่างไร ตามไปดูได้ที่งานคอนเสิร์ต Big Mountain ที่เขาใหญ่ เพราะเธอก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่จะไปร่วมเขียนคัทเอ้าท์รูปวัวขนาดใหญ่โชว์ให้ได้ชมเช่นกัน