xs
xsm
sm
md
lg

สุวรรณภูมิทรอลี่โต้ฮั้วรถเข็นฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-”สุวรรณภูมิทรอลี่”ออกโรงปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการฮั้วรถเข็นกระเป๋าสุวรรณภูมิ แฉแค่ข้อมูลLicenseโรงงานผู้ผลิตก็ไม่ถูกต้อง ชี้อย่าเอาลากเอาบริษัทเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เสียประโยชน์ ยันบริษัทค้าขายตรงไปตรงมาและทำถูกต้องมาโดยตลอด ด้านทอท.แบไต๋ ส่อเว้นค่าปรับ
บริษัทเอพีฯ ผู้ชนะประมูลรถเข็นกระเป๋า หลังส่งมอบไม่ครบจำนวนตามกำหนด 17 ก.พ. 53 ถ้าอ้างเกิดเหตุสุดวินัย

รายงานข่าวจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท สุวรรณภูมิทรอลี่ เปิดเผยว่าถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัทสุวรรณภูมิทรอลี่ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลรถเข็นกระเป๋าสุวรรณภูมิ และเป็นเจ้าของLicense จากโรงงานเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยี่ห้อ Wanzl ว่าไม่เป็นความจริง เพราะบริษัทสุวรรณภูมิทรอรี่เป็นเจ้าLicenseยี่ห้อ Wuhan ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของจีน ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยมานั้นผิดจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยที่บริษัทได้รับลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องและเป็นเจ้าใหญ่ในวงการรถเข็นกระเป๋า ที่ถูกต้องมีการค้าขายอย่างตรงไปตรงมา
การที่มีผู้อ้างว่าบริษัทเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนการเมืองนั้น ทางผู้บริหารก็ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะบริษัทมีการค้าขายอย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยไปหารือกับกลุ่มทุนตามที่กล่าวอ้าง จึงน่าเป็นผู้ที่เสียประโยชน์จากโครงการรถเข็นกระเป๋าในสุวรรณภูมิ และมีจุดประสงค์ในการที่จะดึงเอาบริษัทเข้าไปเกี่ยวข้องและทำให้เกิดภาพพจน์ในทางลบกับบริษัทรวมทั้งทำให้ผู้บริหารสุวรรณภูมิทรอลี่เกิดความเสียหาย เนื่องจากบริษัทเองเป็นผู้ค้ารายใหญ่และได้รับลิขสิทธิอย่างถูกต้องจากบริษัท Wuhan แต่ผู้เดียวในประเทศไทย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สุวรรณภูมิทรอลี่ ชี้แจงต่อไปว่า หลังจากที่บริษัทเข้ายื่นประมูลกับบริษัทท่าอากาศยานฯแล้วถูกตัดรายชื่อออก ซึ่งบริษัทได้ทำหนังสือถึงการท่าฯ เพื่อคัดค้านว่าไม่เคยได้รับการเรียกเข้าไปชี้แจงหรือซักถาม แต่เมื่อได้รับคำชี้แจงว่าการท่าฯ ได้ทำการคัดเลือกบริษัทเอกชนรายอื่นเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นบริษัทก็ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเอกชนหรือกลุ่มทุนการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น และดำเนินธุรกิจตามปกติและค้าขายตามคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ต้องการจ้างให้ผลิตรถเข็นกระเป๋าตามคำสั่งซื้อเท่านั้น
นอกจากยังมีการชี้แจงว่านายชัยสิทธิ์ อารยะการกุศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุวรรณภูมิ ทรอลี่ จำกัด ก็ไม่เข้าเข้าไปเปิดโต๊ะเจรจากับผู้ค้ารายอื่นเพื่อต้องการให้ผลิตรถเข็นกระเป๋ายกล็อตสุดท้ายจำนวน 5,000 คัน และไม่เคยถูกขอร้องให้ปิดปากเกี่ยวกับโครงการนี้ เพราะไม่เคยไปพูดคุยกับผู้ค้ารายอื่นเลย
ด้านนายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า ตามสัญญาสัมปทานให้บริการรถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัท เอพี เมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกนั้นจะต้องจัดส่งรถเข็นจำนวน 9,034 คันให้ทอท.ในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 17 ก.พ. 2553 ที่ผ่านมา หากจำนวนรถเข็นไม่ครบจะถูกปรับตามสัญญา 2,000 บาทต่อคันต่อวัน แต่หากจัดส่งรถเข็นไม่ครบจำนวนในวันที่ 17 ก.พ.2553 การพิจารณาปรับจะต้องดูเงื่อนไขประกอบ ซึ่งมีสัญญาข้อหนึ่งเขียนไว้ว่า หากการจัดส่งล่าช้ากว่ากำหนดเกิดจากกรณีฉุกเฉินหรือเหตุสุดวินัย ก็อาจจะไม่ถูกปรับ

“ถึงวันนี้ บริษัทเอพีฯ ได้ส่งมอบรถเข็นกระเป๋ามาแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีรถเข็นกระเป๋าประมาณ 4,000 คัน ซึ่งรวมทั้งรถใหม่และรถที่ยืมมาจากท่าอากาศยานอื่นๆ ในแง่ของการให้บริการไม่มีปัญหาใดๆ สามารถหมุนเวียนการใช้ได้ แต่ในประเด็นที่บริษัทเอพีฯ ต้องจัดส่งรถเข็นตามกำหนดในสัญญาสัมปทานคือ หลังจากลงนามสัญญา 90 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 17 ก.พ. 53 ที่ผ่านมาต้องแยกการพิจารณา เพราะเป็นการบริหารสัญญาให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งมีคณะกรรมการตรวจการจ้างตรวจสอบและฝ่ายกฎหมายจะต้องพิจารณาด้วย ”นายนิรันดร์กล่าว

***เอพีฯ อ้างเรือขนรถเข็นล่าช้าเพราะติดสภาพอากาศ

เรืออากาศโทณรงค์ชัย ถนัดช่างแสง รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างสัญญาสัมปทานรถเข็นกระเป๋ากล่าวว่า หลังครบกำหนดวันที่ 17 ก.พ. 2553 ปรากฏว่า บริษัทเอพีฯ ยังไม่สามารถจัดส่งรถเข็นกระเป๋าได้ครบ 9,034 คัน โดยแจ้งว่า มีปัญหาด้านการขนส่ง เรือติดสภาพอากาศ ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทเอพีฯ ได้ส่งรถเข็นให้แล้วจำนวน 5,050 คัน เป็นรถขนาดใหญ่ 34 คัน ขนาดเล็ก 1,000 คันและขนาดกลาง 4,016 คัน โดยยังขาดอีก3,984 คัน เป็นขนาดเล็ก 1,000 คันที่เหลือเป็นขนาดกลาง

ทั้งนี้ บริษัทเอพีฯ ได้แจ้งมายังทอท.ว่า ติดปัญหาด้านการขนส่งทำให้เกิดความล่าช้าและคาดว่าจะสามารถส่งรถเข็นทั้งหมดให้ครบได้ภายในวันที่ 20 ก.พ. 2553 โดยระบุว่าเรือขนส่งรถเข็นกระเป๋า ได้ออกจากท่าเรือต้นทางเมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2553 กำหนดถึงปลายทางที่ประเทศไทย วันที่ 17 ก.พ.2553 โดยระบุโรงงานผลิตที่ประเทศจีน ชื่อ Wanzl commercial equipment (Shanghai) Company Limited

แหล่งข่าวจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกล่าวว่า จากที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มเอพีฯ พยายามจะเจรจากับบริษัทสุวรรณภูมิทรอลี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกมาร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประมูลรถเข็นกระเป๋าที่สุวรรณภูมิ และตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกใช้รถเข็นจากประเทศจีน และมีต้นทุนประมาณคันละ 10,000 บาทต่อคัน เมื่อรวมค่าบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 7 ปี และการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมและตรวจนับรถเข็นกระเป๋าชนิดอิเล็กทรอนิกส์ จะอยู่ในวงเงินไม่เกิน 250 ล้านบาท แต่ผู้ชนะการประมูลเสนอราคาในวงเงินสูงถึง 566,244,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าปกติ จึงควรให้พิจารณาให้รอบคอบ และเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศ
การเจรจาให้บริษัทสุวรรณภูมิทรอลี่เข้าร่วมจัดหารถส่วนที่เหลือเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายภายหลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น