xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.ชงผู้ถือหุ้นสั่งจ่ายชดเชยเสียงสุวรรณภูมิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลุ้นมติผู้ถือหุ้น ทอท.22 ม.ค.นี้ สั่งไฟเขียวเดินหน้าจ่ายชดเชยเสียงสุวรรณภูมิตามกรอบเดิม 11,233 ล้านบาท หลังต้องเบรคการจ่ายตามคำสั่งศาลแขวง จ.สมุทปราการ แจงเหตุขั้นตอนมากทำให้ล่าช้า ทั้งระเบียบรัฐวิสาหกิจและระเบียบตลาดหลักทรัพย์ ด้านสุวรรณภูมิ เผยได้ใช้รถเข็นกระเป๋าใหม่ 20 ม.ค. ส่งมอบล็อตแรกก่อน 2,000 คัน


นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ทอท.จะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 ม.ค.53 เพื่อขอนุมัติแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลังจากที่ทอท.ต้องระงับการจ่ายเงินไปตามคำพิพากษาของศาลแขวง จ.สมุทปราการ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2552 ซึ่งหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้ทอท.ดำเนินการจ่ายชดเชยได้ตามเดิม ก็จะใช้มติครม.วันที่ 29 พ.ค.2550 เป็นเกณฑ์ในการชดเชยได้

ทั้งนี้ จากกรณีที่ทอท.ต้องระงับการจ่ายชดเชยตามคำพิพากษาของศาลแขวง จ .สมุทปราการ ซึ่ง ทอท.ได้หารือกับสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งให้ความเห็นว่า การจ่ายชดเชยเป็นดุลยพินิจของ ทอท. และครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2552 จะเห็นว่า กรณีที่ ทอท.จะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในเชิงมนุษยธรรมซึ่งเป็นการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลและเห็นชอบในหลักการให้ทอท.ดำเนินการตามมติ ครม.29 พ.ค.2550 ตามความเหมาะสมก็ตาม แต่ ทอท.ก็ยังไม่สามารถจ่ายชดเชยได้

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธาน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2552 เห็นว่าควรให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นผู้ลงมติอนุมัติแนวทางการจ่ายชดเชย เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ขั้นตอนการพิจารณาเรื่องนี้ค่อนข้างมาก เนื่องจาก ทอท.เป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะต้องปฎิบัติตามระเบียบทั้งส่วนของรัฐวิสาหกิจ และระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อความถูกต้องที่สุด เป็นการดำเนินการตามระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ไม่ได้เป็นการประวิงเวลาแต่อย่างใด

สำหรับกรอบวงเงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงบริเวณรอบสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 11,233 ล้านบาท เป็นมติครม.เมื่อ วันที่ 17 มี.ค. 2552ซึ่งกำหนดการจ่ายชดเชยในปี 2552 จำนวน 8,897.215 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 5,336.485 ล้านบาท ขณะนี้ทอท.ได้จ่ายชดเชยไปแล้วรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 819.642 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ชดเชยไปแล้ว 298.190 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 47 อาคาร วงเงิน 215.550 ล้านบาท ค่าชดเชยในการปรับปรุงอาคารเอง จำนวน 322 อาคาร วงเงิน 82.640 ล้านบาท

ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบปานกลาง ชดเชยไปแล้ว 521.452 ล้านบาท โดยให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังวงเงิน 214 ล้านบาท ให้สถานที่อ่อนไหวต่อผลกระทบด้านเสียง โดยจ่ายชดเชยเพื่อให้ปรับปรุงอาคารและติดตั้งเครื่องปรับอากาศเอง จำนวน 12 แห่ง วงเงิน207.307 ล้านบาท และขอความร่วมมือหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุดในการปรับปรุงอาคารและติดตั้งเครื่องปรับอากาศ จำนวน 4 แห่ง วงเงิน 40.318 ล้านบาท และจ่ายให้อาคารที่พักอาศัย เพื่อให้ปรับปรุงอาคารเอง 242 อาคาร วงเงิน 59.825 ล้านบาท

สุวรรณภูมิรับรถเข็นกระเป๋าใหม่ล็อตแรก 20 ม.ค.


ด้าน นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทอท.กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิภายหลังทอท.ยกเลิกสัญญากับบริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (แทกส์)  ว่า ในวันที่ 20 ม.ค. 2553 นี้ บริษัท เอพี เมนเนจเม้นท์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถเข็นกระเป๋า Wanzl  ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้จัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่จะส่งมอบรถเข็นกระเป๋าล็อตแรกจำนวน 2,000 คัน จากทั้งหมดตามสัญญา 9,034 คัน โดยเป็นรถขนาดกลาง และล็อตที่ 2 อีก 2,000 คัน ช่วงปลายเดือนม.ค.2553 โดยตามสัญญาบริษัทฯจะต้องส่งมอบรถเข็นกระเป๋าทั้งหมดภายในวันที่ 17 ก.พ. 2553

ทั้งนี้ ภายหลังคณะกรรมการฯ ได้ตรวจรับรถเข็นกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ตามแผน จะนำรถเข็นกระเป๋าล็อตแรก ทั้ง 2,000 คันไปให้บริการในพื้นที่ผู้โดยสารขาออกก่อนซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของอาคารผู้โดยสาร เนื่องจากขณะนี้การติดตั้งระบบ RFID ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุม ติดตาม และช่วยตรวจนับรถเข็นกระเป๋า เพื่อป้องกันการสูญหายยังไม่สมบูรณ์ 100 % อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง RFID

จะเรียบร้อยก่อนวันที่ 17 ก.พ.2553 เพื่อให้สามารถใช้งานรถเข็นกระเป๋าทั้งหมดได้ทุกพื้นที่ของสุวรรณภูมิ ทอท.ได้ทำสัญญาจ้าง บริษัทเอพีฯ วงเงิน 566,244,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะเวลา 7 ปี จำนวน 9,034 คัน ประกอบด้วยรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 7,000 คัน และขนาดใหญ่ 34 คัน โดยจะมีสำรองอีก 10% เพื่อใช้ทดแทน ซึ่งหากจำนวนไม่ครบตามสัญญา บริษัทจะถูกปรับ 2,000 บาทต่อคันต่อวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น