xs
xsm
sm
md
lg

กมม.เตือนอย่าพึ่งรัฐ ผุดกองกำลังป้องแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - วงสัมมนาการเมืองใหม่แนะจับตาเกมใต้ดินสร้างสถานการณ์ ก.พ.-มี.ค. จุดเสี่ยงเพียบทั้งชุมชนรอบทำเนียบฯ ตลาดนางเลิ้ง ริมทางรถไฟ ตั้งแล้วกองกำลังป้องตัวเอง “ยะใส”ให้จับตากองกำลังไม่ทราบฝ่าย หมอพลเดชหนุนตั้งศูนย์เฝ้าระวังการเมืองป้องแดงอาละวาด


วานนี้ (17 ก.พ.) ที่พรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ ได้จัดเสวนาพิเศษ People Forum ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ “ ผ่าทางตัน วิกฤตการณ์การเมือง ก.พ-มี.ค 53” พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัย หรือ ศรภ.กล่าวประเมินว่า การเคลื่อนไหวของ นปช.ซึ่งไร้ทิศทาง เกิดความแตกแยกเพราะมีแนวร่วมหลายกลุ่ม รวมทั้งข้อกล่าวหาที่พ.ต.ท.ทักษิณ ใกล้ชิดกับ นายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นของกัมพูชา ทำให้ภาพรวมการเคลื่อนไหวของ นปช.ขาดเอกภาพ ไม่มีพลังมากพอที่จะล้มรัฐบาล ขณะเดียวกันก็เชื่อว่า ประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะออกมาต่อต้านในที่สุด

การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา พบว่าระดับสูงสุดจากหลักแสนคน กลับลดลงมาตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมีปรากฎการณ์สมเด็จฮุนเซ็นทำให้คนลดฮวบเหลือหลักหมื่นคนพันคน มองว่าในเดือน ก.พ. นี้หลังจากคนเสื้อแดงชุมนุมถึงปัจจุบัน 8 ครั้ง พ.ตท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามา 12 ครั้ง พบว่ามีคนชุมนุมทั่วประเทศ บางจังหวัดมีคนชุมนุม 5-20 คน และปัจจุบันก็ประเมินจะมีผู้เข้าชุมนุมประมาณ 21,100 คน ไม่นับจากคนที่มาชุมนุมซ้ำหน้าเดิมกับคนที่ปลุกระดมเต็มที่ ก็น่าจะมีคนร่วมไม่ถึง 1หมื่นคน

อย่างไรก็ตามยังพบว่า การชุมเกิน 1,000 คนที่เกิดขึ้นขณะนี้ส่วนใหญ่จัดโดย ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ตรงนี้ทำให้เกิดความเจ็บช้ำกับคนเสื้อแดง และไม่เชื่อว่าจะมีการชุมนุมยืดเยื้อ ประเด็นนี้ทำให้ “แดงดารา” เป็นเดือนเป็นร้อนที่จะต้องมีการชุมนุมให้ได้ โดยเข้าไปศิโรราบกับ ส.ส. เพื่อให้เกิดการชุมนุมที่ยืดเยื้อหรือ เป้าหมาย 1 เดือน

“จนเหมือนกับเสื้อแดงมาลอกการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง ถามว่าคนมาชุมนุมด้วยใจกับคนที่ชุมนุมด้วยการลอกคนอื่นเขามา จะเอามาตรฐานพันธมิตรฯคงไม่ได้ ประกอบกอบกับการชุมนุมก็ไม่สามารถกดดันได้ เพราะความเข้มแข็งของนายกฯและรองนายกฯด้านความมั่นคง ก็เริ่มเป็นงาน ขณะที่ตำรวจทหารที่เคยเข้าร่วมกับทักษิณ ก็จะเลือกข้างหรือมไม่ก็วางเฉย”
พล.ท.นันทเดชกล่าวว่า หากมีการชุมนุมโดยสันติจากฝั่ง “แดงดารา”ก็มีความเป็นไปได้ คือไม่ต้อนรับ “แดงดีเดือด” เช่นนายสุรชัย แซ่ด่าน หรือ พล.ต.ขัตติยะ แต่หากจะให้ประสบความสำเร็จเขาก็ต้องการที่จะให้เกิดความรุนแรง คือสร้างสถานการณ์ขึ้นมาแทน

“ในเร็วๆนี้ เราจะต้องระวัง ว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ เช่น ให้มีคนเสื้อเหลือง เสื้อน้ำเงินไปตีคนเสื้อแดง สถานการณ์พวกนี้จะมีขึ้น แต่ผมคิดว่าหากมีการชุมนุมในเดือนก.พ.หรือมี.ค.นี้จริง จะเกิดการต่อต้านตามที่ไม่มีใครคาดฝัน เพราะชุมชนรอบทำเนียบรัฐบาล ย่านตลาดนางเลิ้ง ย่านดินแดง หรือริมทางรถไฟ เขากำลังขนเครื่องมือมาเตรียมสู้ มารักษาชุมนุมเขาเอง คิดว่าความหวังของเสื้อแดงจะหมดไป หากมาเคลื่อนไหวคงโดนแน่”

***ยะใสให้จับตากองกำลังไม่ทราบฝ่าย

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า กรณีของคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามปล่อยข่าวลือออกมาทางฝ่ายการเมืองโดยตลอด ใช้ความไม่รู้มาเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายของตัวเอง ที่ผ่านมาตนได้เรียกร้องให้ภาครัฐประเมินให้สถานการณ์ให้สูง

ขณะเดียวกันเชื่อว่า ที่คนเสื้อแดงไม่นัดดีเดย์ก่อนวันที่ 26 ก.พ. เกิดจากความกลัวของกองทัพแดงเอง ซึ่งประกอบด้วย การกำหนดเป้าหมายที่กระจัดกระจายเกินไป มีความใจร้อนในการยกระดับการต่อสู้ มวลชนถูกบิดเบือน กลุ่มธุรกิจในเสื้อแดง และเกิดแรงต้านทางสังคม
นายสุริยะใส กล่าวว่า วันที่ 26 ก.พ. ไม่ใช่ปัจจัยที่ชี้ขาดโดย นปช.เสื้อแดง หรือกองทัพแดง พลังชี้ขาด คือ “กองกำลังที่ไม่ทราบฝ่าย”ที่ต้องจับตาเช่น เหตุยิงระเบิด วางซีโฟร์ หรือซุกระเบิด จากกลุ่มที่ไม่ทราบฝ่าย โดยหวังความไร้ระเบียบทางการเมือง มาจากกลุ่มผลประโยชน์ จนเกิดอาชีพที่หากินจากความแตกแยกของการเมือง มาผสมโรง
ทั้งนี้ ยังเห็นด้วยกับการจัดตั้ง “ศูนย์เฝ้าระวังในชุมชนโดยเฉพาะในกทม.” ถ้ามีกลุ่มเหล่านี้จะได้มีการเชื่อมโยงความจริง เพื่อให้ตื่นจากข่าวลือ หรือจะเป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาค โดยเฉพาะพันธมิตร ฯ ซึ่งตนจะไปหารือกับแกนนำพันธมิตรฯเกี่ยวกับความเห็นนี้

***ตั้งชุมนุมเฝ้าระวังป้องแดงอาละวาด
 
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สมัยรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวว่า ขอให้สังคมเตรียมรับมือกับสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.หลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และแม้ว่าผู้ชุมนุมจะไม่มีความชอบธรรมที่จะก่อความรุนแรง แต่มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนไหวใต้ดิน อย่างผิดกฎหมายหากผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของกลุ่ม นปช.

เชื่อว่า คนเสื้อแดงจะลงไปเล่นเกมใต้ดินในเดือนมีนาคมมากกว่า ดังนั้นก่อนวันที่ 26 ก.พ. คนเสื้อแดงจะทำไม่สำเร็จและหมดความชอบธรรม ดังนั้นก่อนวันที่ 26 ก.พ.คงไม่มีอะไรมาก แต่หลังวันที่ 26 ก.พ.เพียงเฝ้าระวัง เกมใต้ดินเช่น การวางเพลิง วินาศกรรม ลอบฆ่า ก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

ขณะเดียวกัน “ปฏิกิริยาแดงอาละวาด” จะเกิดขึ้น เพราะหากทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะหมดความชอบธรรม ซึ่งก็คงไม่หยุดก ารลงใต้ดินก็จะเป็นไปได้สูง เพราะว่าจากที่เคยมักคุ้นกับคนเสื้อแดง เชื่อว่าบทเรียนจากเหตุการณ์ภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลังยึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย. มีสถานเผาโรงเรียนภาคอีสานหลายจุด ช่วงปีใหม่ ก็มีระเบิด 9 จุด ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว

“ผมคิดแบบเบสิก หากเคยเกิดอย่างนั้น ทำไมวันนี้จะเกิดอีกกไมได้ ดังนั้นหลังเดือน ก.พ. นี้ ก็อาจจะเกิดเหตุเช่นนี้ภาคอีสาน กทม. หรือจุดที่เขาคุมได้ โดยเฉพาะคำพูดของคนเสื้อแดงหลายคำพูด แต่เรื่องเหล่านี้ คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้ เป็นการอาละวาดก่อกวน บั่นทอนให้เกิดความรำคาญคิดว่าสังคมต้องเตรียมรับมือ”

นายแพทย์พลเดชกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเครือข่ายภาคสังคมใน จ.แพร่ เล่าให้ตนฟังว่า เขาเริ่มรู้เท่าทันทำให้คนเสื้อแดงหายไปมาก หรือวิทยุชุมชนแดงใน กทม. ก็มาร่วมกับภาคสังคม เพราะเขารู้ว่าอะไรคืออะไร ตนจึงเสนอว่า หากเกิดการสร้างเครือข่าย โดยเฉพาะข่ายงานร้อนหรือข่ายงานเย็น หรือกลุ่มพันธมิตรฯที่ต้องมาจับมือโดยเอาประเด็นอาละวาดนี้ มาจัดตั้งกลุ่มเฝ้าระวังเหตุรุนแรงทางการเมือง โดยเฉพาะในชุมชนจะต้องไม่เกิดเหตุ หรือดูแลชุมนุมกันเอง เชื่อว่าวิกฤติปัญหาแดงหรือเหลืองจะได้ฟื้นกลับมาได้

การจัดตั้ง “ศูนย์เฝ้าระวังชุมนุม” จะต้องร่วมกัน ช่วยกันระงับเหตุ จับกุมผู้ก่อเหตุ เฝ้าระวัง หน้าที่ชุมชนปรับฟื้นคืนสภาพเพื่อไม่ให้วิถีชีวิตสะดุดไป รวมทั้งฝึกแนวทางโซเชียร์ แซงชั่น กับแกนนำคนเสื้อแดงไม่เกิน 25 คน ถ้าเขาทำอันตรายกับ้บานเมืองกับศีลธรรม คนไทยต้องไม่คบหาสมาคมด้วยเป็นการสั่งสอนคนพวกนี้

***ชี้ภาครัฐล้มเหลวสร้างอำนาจผิดทาง

นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัคราชทูต 5 ประเทศ กล่าวแสดงความเป็นห่วงผู้มีอำนาจรัฐที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของผู้ชุมนุมว่า ยังขาดความเข้าใจในหลักการด้านประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งท้ายที่สุด หากไม่สามารถยับยั้งความรุนแรง จะส่งผลต่อความชอบธรรมในการใช้อำนาจรัฐ เพราะประชาชนไม่มั่นใจในความปลอดภัย และอาจนำไปสู่การเป็นรัฐ (รัด-ถะ) ที่ล้มเหลว ที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้เกิดขึ้นได้

สำหรับโอกาสที่จะมีการยึดอำนาจ เชื่อว่า มี แต่จะเกิดจากฝ่ายที่ขัดแย้งกันในสังคม ตัวชี้วัดที่เปลี่ยนแปลงไม่มีน้ำหนักจากท่าทีนโยบายของฝ่ายรัฐที่จะจัดการให้เกิดความเคารพกฎหมาย ความเคลื่อนไหวจริง หรืออยากให้เป็นจริง คิดว่าคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย คิดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นปัจจัยชี้ขาดนอกระบบ แต่ที่เกิดขึ้นได้สภาพการมีมากกว่าที่ไม่เกิดขึ้น แต่จะมาจากความละเลยของฝ่ายรัฐ.
กำลังโหลดความคิดเห็น