เป็นเรื่องปกติ ที่รายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี ของฮิวแมนไรทช์ วอทช์ จะถูกตอบโต้เป็นประจำ เพราะไม่มีรัฐบาลไหนยอมรับว่า ตัวเองบกพร่อง หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องของมุมมอง ทัศนคติในเรื่องสิทธิมนุษยชน และข้อเท็จจริง ที่รับรู้ต่างกัน ดังเช่น การพูดถึง การละเมิดสิทธิใน 3 จัหวัดชายแดนภาคใต้ การส่งม้งลาวกลับประเทศ ฯลฯ แต่ ในเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง ที่รับรู้ร่วมกัน อย่างกรณีเหตุการณ์เดือนเมษายน ฮิวแมน ไรทช์ วอทช์ ไม่มีสิทธิบิดเบือนข้อมูล แล้วมาอ้างภายหลังว่า อย่าไปสนใจฉบับคัดย่อ ให้ไปอ่านฉบับเต็ม ที่สำคัญ เมื่อผิดแล้ว ต้องรู้จักแสดงความรับผิดชอบด้วย
รายการ "ตอบโจทย์" ทางสถานโทรทัศน์ทีวีไทย เมื่อคืนวันที่ 25 มกราคม เชิญ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ในฐานะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ และปัญหาสิทธิมนุษยชนกับนายสุนัย ผาสุข ผู้ประสานงาน ในประเทศไทย ขององค์การฮิวแมน ไรท์ วอท์ช (Human Rights Watch) ไปออกรายการตอบข้อข้องใจของผู้ดำเนินรายการที่ถามแทนผู้ชม กรณีฮิวแมน ไรท์ วอท์ช เผยแพร่รายงานสิทธิมนุษยชนในไทย ที่ระบุว่า รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ละเมิดสิทธิมนุษยชน
ตลอดทั้งรายการ ไม่เห็นว่า นายสุนัย จะแสดงความรับผิดชอบ ในฐานะตัวแทนของฮิวแมน ไรท์ วอท์ช ที่รายงานของ ฮิวแมน ไรท์ วอท์ช ฉบับที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา มีข้อความบางตอนที่ผิดพลาด และทำให้ผู้ที่อ่านข่าวดังกล่าว เข้าใจ เหตุการณ์บางอย่างผิดไปจากข้อเท็จจริง
ประเด็นหลักที่นายสุนัย อ้างอยู่หลายครั้ง คือ รายงานฉบับที่เผยแพร่ออกไป เป็นรายงานฉบับคัดย่อ รายงานฉบับเต็มนั้น ได้บรรยายสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ในประเทศอย่างครบถ้วน รอบด้าน ตามเนื้อผ้า
ก่อนหน้านี้ นายสุนัย เคยตอบโต้คนที่วิจารณ์รายงานฉบับคัดย่อ มาแล้วครั้งหนึงว่า คนที่วิจารณ์ยังไม่เห็นฉบับเต็มซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เห็นแต่เพียงฉบับคัดย่อที่แปลมาเป็นภาษาไทย จึงวิจารณ์กันไปเลอะเทอะ โดยใช้อารมณ์ ส่วนฉบับเต็มได้บรรยายสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศอย่างครบถ้วนรอบด้าน ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า โดยเฉพาะเหตุการณ์ในเดือนเม.ย.2552 นั้น ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายผิด แต่ได้รายงานว่าจุดเริ่มต้นคือกลุ่มคนเสื้อแดงล้มการประชุมที่พัทยา มีการโจมตีขบวนรถของนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ขณะที่มีกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินเป็นปัจจัย ส่วนการเสียชีวิต 2 ศพ ก็มาจากการปะทะกันของคนเสื้อแดงกับประชาชนที่รักท้องถิ่นในตลาดนางเลิ้งไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล เรารายงานอย่างรอบด้าน ไม่ได้มุ่งโจมตีด้านใดด้านหนึ่งเพราะเหตุการณ์ความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่ตบมือข้างเดียวไม่ดัง แน่นอน
ในรายงานฉบับคัดย่อ กล่าวถึง เหตุการณ์ในเดือนเมษายนว่า “ การท้าทายจากกลุ่มคนเสื้อแดงในเครือข่ายของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากกองทัพมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะรักษาความอยู่รอดทางการเมืองของตน โดยการตอบโต้ต่อการชุมนุมประท้วงที่มีการใช้ความรุนแรงของกลุ่ม นปช.ที่พัทยาและกรุงเทพฯ นั้น รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 และ 12 เมษายน ตามลำดับ มีการระดมกำลังทหารมาสลายการชุมนุมประท้วง โดยใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกลุ่ม นปช.,ทหาร และประชาชนกลุ่มต่างๆ ในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 13 เมษายน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 123 คน และเสียชีวิต 2 คน”
อ่านแล้ว ใครๆก็เข้าใจว่า ทหารใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ประชาชน และมีผู้เสียชีวิต 2 คน จากการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกลุ่มนปช., ทหาร และประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ ทหารใช้กระสุนจริงยิงขึ้นฟ้า ใช้กระสุนปลอมยิงใส่ผู้ชุมนุม ที่นำรถเมล์มาจุดไฟเผากั้นถนน เพราะหากใช้กระสุนจริงคนมีคนตายเป็นร้อยแล้ว แต่ขนาดกลุ่มเสื้อแดง ใช้ความพยายามทุกทางที่จะให้มีศพให้ได้ ก็ยังหาไม่เจอ
ส่วนกรณีคนตาย 2 คนนั้น ข้อเท็จจริงก็คือ เป็นประชาชนในชุมชนตลาดนางเลิ้งที่ออกมาขับไล่พวกเสื้อแดง แล้วถูกเสื้อแดงยิงปืนใส่ ไม่ใช่ตายเพราะการปะทะกันระหว่างกลุ่ม นปช.กับทหาร และประชาชนกลุ่มต่างๆ
นายสุนัย ไม่ตอบคำถามว่า ทำไม รายงานฉบับบทคัดย่อ จึงมีข้อมูลที่ผิดพลาดที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดชนิดเป็นคนละเรื่องกันเช่นนี้ นายสุนัย เลี่ยงไปตอบว่า นั่นเป็นฉบับคัดย่อ ซึ่งอาจจะ “ หวือหวา” ไปหน่อย แต่ฉบับเต็มมีข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน
เหมือนกับจะบอกว่าที่ผิดนั้น เป็นฉบับคัดย่อ ก็อย่าไปอ่านมันทำไมไม่อ่านฉบับเต็มที่ถูกต้องละ
รายงานฉบับคัดย่อคือ การสรุปสาระสำคัญของรายงานบับเต็ม แต่ต้องสรุปอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ สรุปมาอย่างผิดๆ ทำให้คนหลงเชื่อ ซึ่งส่อเจตนาบิดเบือนข้อมูลของผู้เขียนหรือผู้แปล ประเด็นในรายงานฉบับคัดย่อ กับรายงานฉบับเต็มต้องเหมือนกัน ที่สำคัญคือ การรายงานข่าวของสื่อมวลชน เขาก็รายงานจากฉบับคัดย่อของฮิวแมน ไรท์ วอทช์ กันทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครไปอ่านรายงานฉบับเต็มหรอก เจตนาของฮิว แมน ไรท์ ที่เผยแพร่รายงานฉบับคัดย่อ ก็เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ย่อยมาแล้ว โดยเติมสีสัน หรือ “ ความหวือหวา” เพื่อให้สื่อสนใจ
แต่รายงานฉบับคัดย่อ ที่อ่านดูตั้งแต่ต้นแล้ว เหมือนเอาข่าวหนังสือพิมพ์มาตัดแปะ มีข้อมูลที่ผิดพลาดอย่างจัง ที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อไปทั่ว แต่ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ จะปล่อยเลยตามเลย ไม่แสดงความรับผิดชอบในความผิดพลาดนี้หรือผิดวิสัย องค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่มีเกียรติภูมิในประชาคมโลก
เป็นเรื่องปกติ ที่รายงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำปี ของฮิวแมน ไรทช์ วอทช์ จะถูกตอบโต้เป็นประจำ เพราะไม่มีรัฐบาลไหนยอมรับว่า ตัวเองบกพร่อง หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องของมุมมอง ทัศนคติในเรื่องสิทธิมนุษยชน และข้อเท็จจริงที่รับรู้ต่างกัน ดังเช่น การพูดถึงการละเมิดสิทธิใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การส่งม้งลาวกลับประเทศ ฯลฯ แต่ในเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริงที่รับรู้ร่วมกันอย่างกรณีเหตุการณ์เดือนเมษายน ฮิวแมน ไรทช์ วอทช์ ไม่มีสิทธิบิดเบือนข้อมูล แล้วมาอ้างภายหลังว่า อย่าไปสนใจฉบับคัดย่อ ให้ไปอ่านฉบับเต็ม
ที่สำคัญ เมื่อผิดแล้ว ต้องรู้จักแสดงความรับผิดชอบด้วย